"บัตรกรุงไทย" กำไรสุทธิรวม 570 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 61% ขณะที่ยอดสินเชื่อรวมกว่า 2.1 หมื่นล้านบาท เผยยอดสินเชื่อเจ้าของกิจการดาวรุ่ง ดันยอดทะลุเป้า 1.8 ล้านบาท

นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC กล่าวถึงผลการดำเนินงานสำหรับปี สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2548 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 569.55 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 2.26 บาท เทียบกับกำไรสุทธิในช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 352.86 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิเท่ากับ 61%

สำหรับด้านรายได้รวมมีจำนวน 4,125.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2546 ที่มีรายได้รวม 2,607.36 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 58% เนื่องมาจากบริษัทสามารถสร้างรายได้รวมเพิ่มขึ้น ทั้งรายได้ค่าธรรมเนียมของธุรกิจบัตรเครดิตที่เพิ่มขึ้นกว่า 50% และรายได้ดอกเบี้ยจากธุรกิจบัตรเครดิตที่ยังคงรักษาระดับการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายได้ดอกเบี้ยจากธุรกิจสินเชื่อบุคคลที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 11% ของรายได้รวม

ส่วนค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2,312.16 ล้านบาท เกิดจากการขยายตัวของธุรกิจและส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายด้านการตลาด เพื่อส่งเสริมการขายและสนับสนุนการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่ๆ รวมทั้งการพัฒนารูปแบบเป็น Membership Company เพื่อตอบสนองความต้องการให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่มได้อย่างครอบคลุม (Value-Added) โดยลูกค้าแต่ละคนสามารถได้รับสิทธิประโยชน์จากทุกผลิตภัณฑ์ (Cross Benefits)

พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีแคมเปญเพื่อสร้างภาพลักษณ์และความแข็งแกร่งของแบรนด์ของเคทีซีให้เป็นที่รู้จัก รวมทั้งขยายฐานเงินกู้ยืมเพื่อเสริมธุรกิจสินเชื่อเจ้าของกิจการ ซึ่งส่งผลถึงการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยจ่าย

สำหรับฐานะทางการเงินบริษัทมีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 22,738.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 60% โดยสินทรัพย์หลักประกอบด้วย ยอดลูกหนี้จากธุรกิจบัตรเครดิต 15,319.12 ล้านบาท ธนวัฏบัตรเครดิต 770.05 ล้านบาท สินเชื่อบุคคล 3,451.97 ล้านบาท และสินเชื่อเจ้าของกิจการ 1,867.79 ล้านบาท มูลค่ารวมทั้งสิ้น 21,408.93 ล้านบาท หรือคิดเป็น 94% ของสินทรัพย์รวม

"ธุรกิจบัตรเครดิตยังคงเป็นธุรกิจหลักที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีจำนวนบัตร ณ สิ้นปีเท่ากับ 1,018,204 บัตร ขยายตัวจากปีก่อน 30% สินเชื่อบุคคลเติบโตมากกว่าสองเท่าตัว หรือมียอดหนี้สินเชื่อบุคคลเท่ากับ 3,451.97 ล้านบาท ขณะที่สินเชื่อเจ้าของกิจการที่เปิดให้บริการเมื่อเดือนกันยายน 2547 มียอดลูกหนี้รวม 1,867.79 ล้านบาท"

โบรกเกอร์แนะซื้อหุ้นบัตรกรุงไทย

ทั้งนี้ จากการสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ปรากฏว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คำแนะนำให้ลงทุนซื้อหุ้นของบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ประกอบด้วย บล.กิมเอ็ง แนะนำให้ทยอยสะสม โดยมีราคาเป้าหมายหุ้นละ 28.0 บาท บล.เอเซียพลัส แนะนำซื้อ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส แนะนำซื้อ บล.ซีมิโก้ แนะนำซื้อ มูลค่าพื้นฐานอยู่ที่ 31 บาท และบล.บัวหลวง แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายสำหรับระยะเวลา 12 เดือนอยู่ที่ 32.25 บาท

โดยการประเมินของโบรกเกอร์ระบุว่า จากนโยบายการเพิ่มยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในปี 2548 นั้น จะทำให้ประมาณการสินเชื่อของบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น ซึ่งรวมถึงผลตอบแทนของสินเชื่อเจ้าของกิจการ (Self employment loan) ดีกว่าที่เราคาดไว้ ทำให้เราประมาณการปี 2548 และ 2549 ขึ้น 10% และ 19% ตามลำดับ

"ในปีนี้บริษัทยังคงตั้งเป้าบุกสินเชื่อ Self employment อย่างต่อเนื่อง แต่สินเชื่อบัตรเครดิตยังคงเป็นสินเชื่อหลักของบริษัท โดยบริษัทจะใช้กลยุทธ์เพิ่มความหลากหลายของบัตรเพื่อออกมาตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้น ซึ่งคาดว่าจะมีรูปแบบมากขึ้นกว่า 15 ดีไซน์ อาทิ บัตรเครดิตสำหรับองค์กร บัตรเครดิตส่วนบุคคลสำหรับลูกค้าที่ไลฟ์สไตล์ในแบบต่างๆ บัตรเครดิตเคทีซีวีซ่าแพลตตินั่ม บัตรเครดิตเคทีซี วีซ่า เชปการ์ด ฯลฯ รวมถึงการจัดโปรโมชันเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายให้เพิ่มขึ้น"

ด้านบล.ซีมิโก้ วิเคราะห์ว่า จากนโยบายการกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตและการออกผลิตภัณฑ์ใหม่จะผลักดันให้กำไรปี 2548 ขยายตัวได้ถึง 28% หรือกำไรสุทธิประมาณ 732 ล้านบาท และประเมินราคาพื้นฐานไว้ที่หุ้นละ 31 บาท บนสมมติฐานระดับ P/E Ratio ปี 2548 อยู่ที่ระดับ 11 เท่า

ทั้งนี้ ในไตรมาสแรกปีนี้ KTC มีแผนจะเสนอขายหุ้นกู้จำนวน 3.5 พันล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของสินเชื่อ และชำระคืนเงินกู้ระยะสั้น ซึ่งได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเดือนเมษายน 2547 ให้เสนอขายหุ้นกู้ในวงเงินไม่เกิน 1.2 หมื่นล้านบาท อายุไม่เกิน 5 ปี โดยได้ทำการเสนอขายไปแล้วในปีที่ผ่านมาจำนวน 3.5 พันล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 3.5-4.15%