|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ศาลล้มละลายกลาง สั่ง "อีพี" คืนเงินทีพีไอกว่า 24 ล้านบาท เผยเป็นอีกคดีที่ย้ำความโปร่งใสในการทำงานของผู้บริหารแผนฯ ชุดที่ผ่านมา หลังจากสูบเงินลูกหนี้ผ่องถ่ายเข้าบริษัทลูกที่ไร้ตัวตน
รายงานข่าวจากศาลล้มละลายกลางแจ้งว่า เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2548 ที่ผ่านมา ศาลล้มละลายกลางได้พิจารณาคำร้องของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย จำกัด(มหาชน) หรือทีพีไอ ในฐานะลูกหนี้ในคดี หมายเลข ฟ.8/2543 ตอนที่ 11 กรณีทีพีไอขอให้ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้บริษัท เอฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส จำกัด (อีพี) ซึ่งเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของทีพีไอชุดที่ผ่านมาคืนเงินที่อีพีสั่งจ่ายเงิน ทีพีไอนอกเหนือจากที่ระบุไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ โดยศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งให้อีพีคืนเงินจำนวน 24,965,021.47 บาทให้กับทีพีไอหรือลูกหนี้ตามคำร้องดังกล่าว
ทั้งนี้ ทีพีไอในฐานะผู้บริหารแผนของลูกหนี้ยังได้ ยื่นคำร้องขอให้ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ผู้บริหารแผนหรืออีพีคืนเงินหลายคดีด้วยกัน รวมทั้งผู้บริหารแผนชุดปัจจุบันที่มาจากตัวแทนของกระทรวงการคลังซึ่งมีพฤติกรรมที่คล้ายกับอีพีที่ใช้จ่ายเงินทีพีไอไม่ถูกต้อง ซึ่งกำลังอยู่ในกระบวนการนัดสืบพยาน และรอฟังคำสั่งศาล
แหล่งข่าวจากทีพีไอ กล่าวว่า คำสั่งศาลล้มละลายกลางให้อีพีจ่ายเงินคืนแก่ทีพีไอครั้งนี้ถือเป็นอีกคดีที่ตอกย้ำความไม่โปร่งใสของผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการที่เข้ามาตักตวงผลประโยชน์จากลูกหนี้ ซึ่งคดีดังกล่าวเป็นกรณีที่อีพีสั่งจ่ายเงินค่าจ้างการรักษาความปลอดภัยแก่ผู้บริหารแผนซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก โดยมีพฤติกรรมอำพรางด้วยการจัดตั้งบริษัทที่ไม่มีตัวตนในต่างประเทศขึ้นมารองรับแล้วโอนเงินจากทีพีไอออกไป
"เรายังตรวจสอบพบพฤติกรรมที่คล้ายกันเกิดขึ้นมาในยุคของผู้บริหารแผนชุดของทางการ โดยจัดตั้งบริษัทขึ้นมารับงานจากทีพีไอ ทั้งที่ตั้งสำนักงาน เป็นคอนโดฯร้าง โดยที่เราได้ส่งเอกสารหลักฐานให้ศาลพิจารณาแล้ว" แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับการเข้ามาของอีพีในทีพีไอ เริ่มมาจากทีพีไอได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 จนต้องปรับโครงสร้างหนี้กว่า 130,000 ล้านบาท โดยหลังจากศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ทีพีไอเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการเมื่อวันที่ 15 มี.ค.2543 และในวันที่ 15 ธ.ค.ปีเดียวกัน ศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งเห็นชอบแผนฟื้นกิจการของทีพีไอ และแต่งตั้งให้บริษัทเอฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส เข้ามาเป็นผู้บริหารแผน ซึ่งถือเป็นตัวแทนของกลุ่มเจ้าหนี้รายใหญ่ นำโดยธนาคารกรุงเทพ
ทว่าหลังจากที่อีพีเข้ามาบริหารทีพีไอได้ขัดแย้งกับลูกหนี้ในหลายกรณีเนื่องจากความไม่เชื่อมั่นว่าจะฟื้นฟูกิจการทีพีไอได้ ตั้งแต่การที่อีพีมีทุนจดทะเบียนเพียง 2 ล้านบาท เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ของทีพีไอที่มีมากกว่าแสนล้านบาท การขาดความเข้าใจในธุรกิจปิโตรเคมีด้วยการสั่งลดกำลังการผลิตน้ำมันจนไม่สามารถทำให้ทีพีไอชำระหนี้ได้ตามกำหนดเวลา และประเด็นที่มีการขัดแย้งหนักและเป็นทีมาของการฟ้องร้องกันตามมาคือ การใช้จ่ายเงินอย่างไม่ชอบมาพากลของอีพี
จนกระทั่งเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2546 ศาลละลายกลางได้มีคำสั่งให้อีพีพ้นจากผู้บริหารแผนของทีพีไอ และกระทรวงการคลังเข้ามารับช่วงต่อจากการที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งแต่งตั้งเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2546
|
|
|
|
|