บอร์ดอสมท อนุมัติแผนปรับโครงสร้าง แยก 8 สายงานหลัก กับ 3 ลำดับบริหาร มั่นใจโครงสร้างใหม่คล่องตัว พร้อมเตรียมประชุมปรับผังรายการโทรทัศน์หวังประกาศใช้พร้อมกัน 1 เมษายน ด้านธุรกิจวิทยุเชื่อครองใจผู้ฟังทุกกลุ่มเป้าหมาย

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กรรมการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) มีมติอนุมัติให้บริษัทใช้โครงสร้างบริหารใหม่ ซึ่งแบ่งเป็น 8 หน่วยงาน จากปัจจุบันที่มีเพียง 4 ส่วนงาน ประกอบด้วย 1.สำนักข่าวไทย 2.สถานีวิทยุ 3.สถานีโทรทัศน์ 4.วิศวกรรม 5.บัญชี-การเงิน 6.ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ 7.การตลาด และ 8.กิจกรรมพิเศษ ส่วน 4 ส่วนงานเดิมได้แก่ ฝ่ายวิศวกรรม ฝ่ายบริหาร สถานีโทรทัศน์ และสำนักข่าวไทย

นอกจากนั้นยังได้ปรับสายงานระดับบริหารให้ลดลงเหลือ 3 ลำดับ คือ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้อำนวยการ จากเดิมมี 7 ลำดับชั้น ซึ่งการปรับโครงสร้างครั้งนี้ จะช่วยให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารงานได้ฉับไว และในสัปดาห์นี้บอร์ดยังเตรียมที่จะพิจารณาปรับผังรายการโทรทัศน์อีกครั้งหนึ่ง โดยจะมีผลบังคับใช้พร้อมกันในวันที่ 1 เมษายน 2548

อย่างไรก็ตาม ในสายบริหารตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ในแต่ละหน่วยงานธุรกิจนั้น เบื้องต้นยังคงเป็นผู้บริหารเดิมในสายรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ซึ่งมี 4 คน ประกอบด้วย นางอรัญรัตน์ อยู่คง นายชิตณรงค์ คุณะกฤดาธิการ นายนิพนธ์ นาคสมภพ และนายสิทธิศักดิ์ เอกพจน์ สำหรับส่วนงานกิจกรรมพิเศษที่แยกออกมาจากหน่วยงานวิทยุเดิม มาเป็นหน่วยงานใหม่ ก็จะเข้ามาช่วยสร้างรายได้ให้กับบริษัทในอนาคต

ทั้งนี้ปัจจุบันอสมท ได้นำ 6 คลื่นวิทยุกลับคืนมาบริหารเอง 100% โดยมอบให้ทีมผู้บริหารคลื่นรุ่นใหม่เข้ามาดูแล และพนักงานอสมท เป็นพี่เลี้ยงในแต่ละคลื่น ประกอบด้วย เอฟเอ็ม 95 เมกะเฮิรตซ์ คลื่นลูกทุ่ง มหานคร, เอฟเอ็ม 96.5 เมกะเฮิรตซ์ คลื่นความคิด, เอฟเอ็ม 97.5 เมกะเฮิรตซ์ คลื่น Seed, เอฟเอ็ม 99 เมกะเฮิรตซ์ คลื่นเมืองไทยแข็งแรง, คลื่นเอฟเอ็ม 100.5 เมกะเฮิรตซ์ สถานีข่าว และเอฟเอ็ม 107 เมกะเฮิรตซ์ สถานีเพลงสากลเมโทรโปลิส

การปรับครั้งนี้เพื่อต้องการสร้างจุดแข็งให้คลื่นวิทยุของอสมทครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย มีความแตกต่างจากคลื่นวิทยุอื่นบนหน้าปัด พร้อมกันนี้ยังได้จัดขายสปอตโฆษณา ในรูปแบบแพกเกจ ซึ่งในปี 2547 ที่ผ่านมา สัดส่วนรายได้ของอสมท แบ่งเป็นรายได้จากคลื่นวิทยุ 15%, โทรทัศน์ 64%, ธุรกิจร่วมการงาน 20% และอื่นๆ 1%