Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน1 มีนาคม 2548
โออิชิวางส่วนแบ่ง50%             
 


   
www resources

โฮมเพจ ร้านอาหารโออิชิ

   
search resources

โออิชิ กรุ๊ป, บมจ.
Foods and Beverages
Green Tea




โออิชิ คาดปี 48 มาร์เกตแชร์ 50% จากมูลค่าตลาดชาเขียวเพิ่มเป็น 10,000 ล้านบาท เตรียมขยายสาขาเพิ่มอีก 18 สาขา - ออก 2 รสใหม่ รุกส่งออกอาหารแช่แข็ง-Chilled Food เป็น 200 สาขา ดันรายได้ปีนี้พุ่ง 5,000 ล้านบาท จากปี 47 ที่มี 3,271.9 ล้านบาท ประกาศจ่ายปันผลหุ้นละ 1 บาท พร้อมสร้างความมั่นใจผู้บริโภคสั่งเครื่องตรวจสอบชาเขียว เผยอีก 3 เดือน เริ่มผลิตน้ำลำไย เตรียมหาแบรนด์ใหม่เล็งขายขวดละ 15-18 บาท

นายตัน ภาสกรนที ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โออิชิกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ OISHI เปิดเผยว่า มูลค่าตลาดรวมของเครื่องดื่มชาเชียวปี 2548 จะเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 ล้านบาท จากปี 2547 ที่มีมูลค่า 6,500 ล้านบาท เนื่องจากประชาชนหันมาบริโภคชาเขียวเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์) เพิ่มเป็น 50% จากปี 2547 ที่มี 46%

ทั้งนี้บริษัทจะใช้เงินลงทุนในปีนี้จำนวน 200 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นเงินลงทุนในการเปิดสาขาใหม่ 18 สาขา ใช้เงินจำนวน 100 ล้านบาท ซึ่งสาขาแรกที่ปิ่นเกล้าในวันนี้(1 มี.ค.) และสั่งเครื่องจักรตรวจสอบคุณภาพชาเชียว จากประเทศเยอรมนี จำนวน 100 ล้านบาท เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นกับผู้บริโภค ซึ่งจะมีการติดตั้งเสร็จได้ภายใน 3-6 เดือน

สำหรับแผนการดำเนินงานปีนี้บริษัทจะมีการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าเพิ่มขึ้นในส่วนของโรงแรม ร้านอาหาร โรงพยาบาล สถานบันเทิง ซึ่งจะเป็นขนาด 1.5 ลิตร บริษัทจะมีการขยายสินค้าประเภทอาหารแช่เย็นพร้อมรับประทานหรือ Chilled Food ร่วมกับ7 Eleven เพิ่มเป็น 200 สาขา ภายใน 2-3 เดือน จากปัจจุบันที่มี 56 สาขา และมีแผนที่จะเพิ่มเป็น 400 สาขาต่อไป เพราะได้รับการตอบรับที่ดี ซึ่งในส่วนนี้บริษัทแทบจะไม่ต้องลงทุนเพิ่มเพียงเพิ่มอุปกรณ์ และจำนวนบุคลากร

นอกจากนี้ในเดือน เม.ย.นี้บริษัทจะส่งชาเขียวไปร่วมงาน EXPO จำนวน 2 ตู้คอนเทนเนอร์ รวมถึงบริษัทจะเริ่มมีการเจาะกลุ่มลูกค้าในญี่ปุ่นโดยผ่านแฟมิลี่มาร์ท รวมถึงเตรียมที่จะส่งออกไปต่างประเทศมากขึ้น แต่สัดส่วนจะไม่สูงมากนัก เพราะบริษัทต้องการที่จะทำตลาดในประเทศไทยให้ก่อน โดยจะเริ่มส่งออกอย่างจริงจังในปี 2549

นายตัน กล่าวต่อว่า บริษัทจะมีการออกสินค้ารสชาติใหม่อีก 2 รสในปีนี้ คาดว่าจะออกได้ 1 รส ในช่วงเดือนเม.ย.นี้ รวมถึงบริษัทได้มีการเพิ่มกำลังการผลิตก็จะส่งผลให้ปี 2548 บริษัทมีรายได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจเครื่องดื่มชาเขียว 3,500 ล้าบาทคิดเป็น 70% ของรายได้รวม และธุรกิจอาหาร 1,500 ล้านบาท คิดเป็น 30% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้นจากปี 2547 ที่มีรายได้รวม 3,271.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากเครื่องดื่มชาเชียว 1,969.3 ล้านบาท ธุรกิจอาหาร 1,302.6 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิจำนวน 487.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,370.8% จากปีก่อนซึ่งมีกำไร 19.7 ล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทจะมีการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 1 บาท จากผลประกอบการปี 2547 ที่บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น 2,370% จากปี 2546 โดยจะสามารถจ่ายได้ในวันที่ 20 พ.ค.นี้ โดยจะปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิของผู้ถือหุ้นในการรับเงินปันผล ในวันที่ 1 เม.ย.

บริษัทคาดว่าจะเริ่มผลิตน้ำลำไย ได้อีกประมาณ 60-90 วัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการคิดสูตร และการคิดชื่อยี่ห้อ ซึ่งจะใช้แบรนด์โอทอป โดยจะเสนอต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พิจารณาต่อซึ่งบริษัทจะ ซึ่งจะไม่ใช้โออิชิในการผลิต เพราะแบรนด์โออิชิจะใช้ผลิตเฉพาะสินค้าญี่ปุ่น เท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะมีราคาขายขวดละ 15-18 บาท ในขนาด 500 CC ทั้งนี้การดำเนินการผลิตน้ำลำไยนี้บริษัทไม่ได้คาดหวังในเรื่องผลตอบแทนแต่ต้องการที่จะช่วยเหลือเกษตรกรมากกว่า ซึ่งหากได้รับผลตอบรับที่ดีบริษัทก็จะมีการดำเนินการผลิตอย่างต่อเนื่อง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us