การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และการเพิ่มขึ้นของการลงทุนในภาคธุรกิจ ซึ่งจะช่วยทดแทนการตกต่ำลงของภาคอสังหาริมทรัพย์และการลดลงของการจับจ่ายใช้สอยในภาคประชาชน ทำให้ภาคธุรกิจออสเตรเลียมองว่า พวกเขาจะยังคงรื่นเริงกับการเติบโตอย่างแข็งขันของเศรษฐกิจโดยรวมต่อไปในปีนี้
นิตยสาร BRW ซึ่งเป็นนิตยสารธุรกิจรายสัปดาห์ เล่มสำคัญของออสเตรเลียฉบับปลายปีต่อเนื่องถึงปีใหม่ ที่ผ่านมา รายงานแนวโน้มแปดประการสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของประเทศออสเตรเลีย และต่อระบบเศรษฐกิจโลก
แนวโน้มดังกล่าวนี้ นิตยสาร BRW เน้นว่าเป็นแนวโน้มที่ถูกพิจารณาว่ามีผลกระทบอย่างชัดเจน และ จำเป็นที่จะต้องหาทางแก้ไขหรือจัดการรับมือกับแนวโน้มนั้นๆ อย่างเร่งด่วน
ถึงแม้ว่านิตยสาร BRW จะเน้นรายงานผลกระทบต่อธุรกิจของประเทศออสเตรเลีย และต่อระบบเศรษฐกิจโลกโดยรวมก็ตาม ผมเห็นว่าแนวโน้มทั้งแปดนี้น่าที่จะได้รับการพิจารณาโดยนักธุรกิจไทยด้วยเช่นกัน บางแนวโน้มกระทบกับประเทศไทยโดยตรง ในขณะที่บางแนวโน้มอาจจะมองว่ายังมาไม่ถึงประเทศไทย แต่ในอนาคตอันใกล้ก็จะมาถึงอย่างแน่นอน
แนวโน้มทั้งแปดนี้ ได้แก่
หนึ่ง การเติบโตของเศรษฐกิจจีนที่สามารถดำรงตนเป็นหนึ่งในเสาหลักทางเศรษฐกิจของโลก ในปี คริสต์ศักราช 1800 จีนเคยมีส่วนแบ่งการผลิตทางด้าน อุตสาหกรรมมากถึงหนึ่งในสี่ของโลก แต่ในปีคริสต์ศักราช 1975 จีนกลับมีส่วนแบ่งเพียง 1.5% ของโลกเท่านั้น อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนนโยบายทางเศรษฐกิจ ทำให้จีนกลับมาสู่ตำแหน่งเดิมอีกครั้ง นอกจากนี้เมื่อพิจารณาถึงสาเหตุการเติบโตในอนาคต จีนจะเติบโตโดยเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลักบวกกับการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในเรื่องการส่งออก ซึ่งต่างจากประเทศในเอเชียอื่นๆ ที่อาศัยการส่งออกเป็นตัวฉุดการเติบโตเป็นหลัก
การเติบโตของจีนจึงถูกเปรียบว่าเหมือนกับการ เติบโตของอังกฤษในช่วงแรกของศตวรรษที่ 19 เหมือน เยอรมนีในช่วงหลังของศตวรรษที่ 19 เหมือนอเมริกาในช่วงแรกของศตวรรษที่ 20 และเหมือนญี่ปุ่นในช่วงหลังของศตวรรษที่ 20
สอง จำนวนแรงงานที่ลดลง อายุของวัยทำงาน ที่เพิ่มขึ้นกลายเป็นปัญหาสำคัญของธุรกิจในปัจจุบัน อายุของแรงงานที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อรูปแบบการบริหารงานและการทำการตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป เช่นเดียวกับ การบริโภคและการวางนโยบายของภาครัฐบาล ที่สำคัญ อายุของแรงงานที่เพิ่มขึ้นส่งผลต่อจำนวนแรงงานที่ลดลง
ถึงแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงานที่ผู้หญิงเข้ามาเป็นแรงงานที่สำคัญไม่แพ้ผู้ชาย แต่อัตราการเพิ่มของประชากรที่ลดลง โดยเฉพาะในประเทศที่พัฒนาแล้ว ส่งผลต่อโครงสร้างประชากรอย่างชัดเจน ซึ่งการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของประชากรเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลายาวนานพอสมควร
ในประเทศออสเตรเลียเองก็ประสบปัญหานี้ โดยทางภาครัฐบาลกำลังพยายามหาทางแก้ปัญหาทางหนึ่งคือการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานที่มีอยู่ อีกทางหนึ่งคือการนำเข้าแรงงานจากต่างประเทศ
สาม เสถียรภาพของราคา ปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจที่เกิดอุปทานส่วนเกิน, การผลิตเพื่อมุ่งสู่การป้อนตลาดโลก โดยโยกย้ายฐานการผลิตไปสู่ประเทศที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ และบทบาทของการรักษาเสถียรภาพของราคาผ่านนโยบายของธนาคารกลางโดยอาศัยการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ส่งผลให้เกิดเสถียรภาพของราคา, อัตราเงินเฟ้อต่ำ และอัตราดอกเบี้ยต่ำ
สภาพดังกล่าวทำให้บริษัทต่างๆ จำเป็นจะต้อง ปรับปรุงประสิทธิภาพในการผลิต และลดต้นทุน เพื่อเพิ่มกำไรของบริษัท
สี่ การปฏิวัติไอทีอีกครั้ง ถึงแม้ว่าการปฏิวัติใน อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศจะเริ่มต้นตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1990 ก็ตาม การพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี อย่างรวดเร็วของคอมพิวเตอร์ บวกกับความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร ทำให้ยุคดิจิตอลกลับมา อีกครั้งหนึ่ง ถึงแม้จะดูเหมือนว่ายุคดิจิตอลจบสิ้นไปตั้งแต่การแตกสลายของยุคดอทคอมเมื่อช่วงต้นทศวรรษ 2000
การเข้ามาแทนที่สายโทรศัพท์ของการส่งสัญญาณ เสียงไปบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือ Voice over IP (VoIP), การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของประสิทธิภาพการทำงานของคอมพิวเตอร์ และการใช้เทคโนโลยีทางด้านไอทีในชีวิตประจำวันที่ง่ายขึ้น จนทำให้การใช้งานเทคโนโลยีทางด้านไอทีเหมือนการใช้ไฟฟ้าหรือแก๊สที่ใครๆ ก็ใช้ได้ จะเป็นสาเหตุสำคัญของการปฏิวัติในภาคดิจิตอลอีกครั้งหนึ่ง
ห้า การปฏิวัติทางด้านการผลิต, ยา และ เกษตรกรรมผ่านไบโอเทคโนโลยี หรือ Life Sciences เป็นแนวโน้มสำคัญที่เริ่มต้นจากการเข้าใจความหมายของยีนของมนุษย์ การปฏิวัติทางด้านไบโอเทคโนโลยีทำให้การพัฒนาทางด้านการเกษตร, คอมพิวเตอร์, ยา, เคมี และสุขภาพเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลง ในภาคการใช้พลังงาน
หก การขาดแคลนน้ำ ถือเป็นปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมที่ต้องการการแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุด มากกว่าปัญหาเรื่องปฏิกิริยาเรือนกระจกที่ส่งผลให้โลกร้อนขึ้นและเป็นที่ถกเถียงกันอยู่เสียอีก องค์การสหประชาชาติประกาศว่า นับจากปีคริสต์ศักราช 1900 ถึง 1995 การบริโภคน้ำเพิ่มขึ้นหกเท่า เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นเพียงสองเท่าเท่านั้น และคาดการณ์ว่า ภายในปีคริสต์ศักราช 2025 สองในสามของประชากรโลกจะประสบกับภาวะขาดแคลนน้ำ
เจ็ด ภูมิศาสตร์การเมืองโลกที่เปลี่ยนแปลงไป การเติบโตของประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และเหตุการณ์การก่อการร้ายเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 ส่งผลต่อสมดุลของการเมืองโลกอย่างชัดเจน ยุคสงครามเย็นได้จบสิ้นไป แต่กลับถูกแทนที่ด้วยความไม่แน่นอนทางการเมือง ที่ทำให้เส้นแบ่งพรมแดนระหว่างประเทศสูญสลายไป เกิดเป็นการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจและกลุ่มศาสนาแทน ความขัดแย้งจะเปลี่ยนจากการขัดแย้งทางด้านอุดมการณ์การเมืองไปสู่การขัดแย้งทางการค้าและทางศาสนา ที่นับวันยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
สุดท้าย การอพยพแรงงาน การขาดแคลนแรงงานจากอัตราการเกิดที่ลดต่ำลง โดยเฉพาะในประเทศตะวันตก ทำให้เกิดการอพยพของแรงงานมีฝีมืออย่างกว้างขวางทั่วโลก แต่ในอีกมิติหนึ่ง ปัญหาสังคมกลับเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางเช่นกัน ปัญหาความรุนแรงในประเทศเนเธอร์แลนด์สะท้อนให้เห็นสภาพปัญหาสังคมที่ค่อนข้างชัดเจนจากการพยายามแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ การพยายามคงประสิทธิภาพในการผลิตที่สูงของประเทศตะวันตกต้องพึ่งพาการอพยพ เข้ามาของแรงงานมีฝีมือมากขึ้น แต่ขณะเดียวกัน ความเสี่ยงทางด้านการเมืองและสังคมกำลังเพิ่มขึ้นเป็น เงาตามตัว ซึ่งสาเหตุสำคัญคือ การรังเกียจสีผิว และ เผ่าพันธุ์ ซึ่งเป็นปัญหาอ่อนไหวที่ยังคงต้องถกเถียงกันไปอีกนาน
แนวโน้มแปดประการนี้ เป็นแนวโน้มที่ภาคธุรกิจ ออสเตรเลียมองว่าจะต้องเผชิญในปีนี้และปีถัดๆ ไป ซึ่งเมื่อไล่ดูแล้ว ภาคธุรกิจไทยก็ต้องเผชิญปัญหาเหล่านี้ เช่นกัน เพียงแต่ว่า บางปัญหายังมาไม่ถึง ซึ่งทำให้ภาค ธุรกิจไทยสามารถหาทางแก้ไขไว้ล่วงหน้าได้ หรือเรียนรู้จากการจัดการกับปัญหาเหล่านั้นของภาคธุรกิจออสเตรเลีย แต่บางปัญหา ภาคธุรกิจไทยก็ต้องเผชิญไปพร้อมๆ กับภาคธุรกิจออสเตรเลีย ที่แน่นอนว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ดีย่อมทำให้จัดการกับปัญหาได้ง่ายกว่า
ภาคธุรกิจไทยพร้อมหรือยังครับ
อ่านเพิ่มเติม
1. Global Business : A BRW Survey-8 International trends that will shape the world and change Australian business, นิตยสาร BRW ฉบับวันที่ 9 ธันวาคม 2004 ถึง 12 มกราคม 2005 หน้า 57-73
2. Growing strong, นิตยสาร BRW ฉบับวันที่ 9 ธันวาคม 2004 ถึง 12 มกราคม 2005 หน้า 30-36
|