|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ มีนาคม 2548
|
|
ประมาณการกันอย่างคร่าวๆ ว่า ปีนี้มูลค่าเม็ดเงินของตลาดโฆษณาในเมืองไทยน่าจะมีอัตราการเติบโตที่ 10 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่ปี 2547 นั้นอัตราการเติบโตมีมากถึง 19 เปอร์เซ็นต์ และทำเงินสะพัดได้มากถึง 80,000 ล้านบาท นี่คือสัญญาณที่ส่งผลให้เห็นอย่างชัดเจนว่าวงการโฆษณาเป็นอีกวงการหนึ่งที่ทำเงินได้มหาศาล และไม่ว่าจะยุคสมัยใหม่ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้จำนวนของค่ายเล็กค่ายใหญ่จะยังผุดขึ้นมาให้เห็นกันอยู่เนืองๆ ก็ตามที
ชัยประนิน วิสุทธิผล กรรมการผู้จัดการ บริษัททีบีดับบลิวเอ ประเทศไทย จำกัด เอเยนซี่ยักษ์ใหญ่รายหนึ่งของไทย เปิดเผยในตอนหนึ่งของงานแถลงข่าวความสำเร็จของบริษัทในช่วงปีที่ผ่านมา พร้อมบอกกล่าวว่าเตรียมย้ายบ้านใหม่ของบริษัทไปยังซอยมหาดเล็กหลวง 1 เร็ววันนี้ว่า
"ภาพรวมของวงการโฆษณาในบ้านเรายังคงเติบโตไปด้วย ดีอย่างต่อเนื่อง แต่ความท้าทายอย่างใหม่ หรือความลำบากของ คนในวงการโฆษณาที่ปฏิเสธไม่ได้อย่างหนึ่งก็คือ ปีนี้จะเป็นปีที่บริษัทผู้ผลิตสินค้าประเภทต่างๆ จะระมัดระวังในการใช้เงินเพื่อทำการโฆษณาสินค้าของตนมากขึ้น
เหตุผลหลักน่าจะมาจากผลกระทบของเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิซัดถล่มภาคใต้เมื่อช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา หลายครั้งที่เราจะพบว่าบริษัทเหล่านี้จะเลือกทำการเซ็นสัญญาทำโฆษณารายไตรมาสแทนการจ่ายเงินเป็นปี เนื่องจากการทำโฆษณามักผูกอยู่ กับยอดของรายได้ของบริษัทในปีนั้นๆ และเมื่อมีการคาดการณ์ว่ารายได้ของบริษัทจะลดลง การระมัดระวังในการใช้จ่ายเงินไปกับการโฆษณาก็ตามมาในที่สุด"
อย่างไรก็ตาม แม้ความท้าทายอันเนื่องจากผลกระทบของคลื่นยักษ์สึนามิจะมีให้เห็น แต่ชัยประนินก็ยังมั่นใจว่า ทุกวันนี้ตลาดโฆษณายังโตไม่พอที่รองรับความต้องการของตลาดได้ บริษัทเอเยนซี่โฆษณาขนาดใหญ่ยังต้องปฏิเสธที่จะรับงานของลูกค้าบางราย เกิดการคัดเลือกลูกค้าอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากผลิตงานไม่ทันความต้องการ นี่คืออีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกิดบริษัทเอเยนซี่ขนาดเล็กมากมายนับร้อยบริษัท เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าอีกมากมายในตลาดในปัจจุบัน
การทำโฆษณาในลักษณะ Below the line ยังคงมาแรงในปีนี้ เม็ดเงินยังคงถูกลงไปกับการทำตลาดแบบนี้เพื่อหวังจะเข้า ถึงกลุ่มลูกค้าได้มากกว่าเดิม โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทผู้ผลิตสินค้า Consumer Product และกลุ่มสื่อสาร ที่ยังคงเป็นลูกค้ายืนพื้นที่ ใช้เม็ดเงินในการโฆษณามากที่สุด ตามมาด้วยตลาดกลุ่มเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องสำอาง ขณะที่กลุ่มสินค้าประเภทอสังหาริมทรัพย์ราคาแพงแบบ luxery ที่เคยใช้งบโฆษณาติดอันดับต้นๆ จะไม่ร้อนแรงอย่างที่ผ่านมา เนื่องจากตลาดอสังหาฯ ราคาแพงในช่วงครึ่งปีหลังที่ผ่านมาค่อนข้างจะเติบโตมามากแล้วนั่นเอง
|
|
|
|
|