ปีที่ผ่านมา นับเป็นปีที่ประสบความสำเร็จที่สุดปีหนึ่งเลยก็ว่าได้สำหรับสามารถ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หลังเสร็จสิ้นกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนกันยายน 2546 เนื่องจากธุรกิจต่างๆ ในเครือก็เริ่มสร้างรายได้อันพอจะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้บ้าง

ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขายมือถือ ที่สามารถนั้นออกจะโดดเด่น ในเรื่องของ house brand หรือมือถือราคาถูกซึ่งนำมาตีตลาดจนสามารถขายได้มากกว่า 350,000 เครื่องในปีเดียว และยังขยับเข้าไปเปิดตัวในตลาดเพื่อนบ้าน อย่างศรีลังกาและมาเลเซีย อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีธุรกิจบริการเสริมบนมือถือที่ยังยืนพื้นสร้างรายได้หลักให้กับบริษัท ธุรกิจขายจานดาวเทียมทั้งไทยและกัมพูชาที่กำลังไปได้ดีอย่างที่คาดคิดไว้ จึงไม่น่าแปลกใจหากจะพบว่ารายได้รวมของบริษัทที่เพิ่มขึ้นอีกกว่า 27 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา มูลค่านั้นเหยียบสองหมื่นล้านบาทเลยทีเดียว

ถึงแม้ตัวเลขของการเติบโตในแง่ของรายได้นั้นจะเป็นที่พอใจแล้ว แต่ท้ายสุดสามารถเองก็ยังต้องหันมามองถึงความยั่งยืนในการเติบโต และยิ่งสามารถเป็นบริษัทที่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีในการทำธุรกิจมากเท่าไร การปรับเปลี่ยนตัวเองให้สามารถก้าวไปพร้อมๆ กับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปตลอดเวลายิ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากเช่นกัน

ปีนี้สามารถจึงยกให้ทั้งปีเป็นปีแห่งการเติบโตด้วยความคิดสร้างสรรค์ หรือ Year of growth through creativity ซึ่งธวัชชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้บอกไว้ชัดเจนว่า จะต้องสร้างสรรค์ทั้งในแง่ของการดำเนินธุรกิจ การสร้างภาพลักษณ์และบุคลากร

ดังนั้นหากจะเห็นว่าปีนี้ทั้งปี สามารถจะรุกตลาดด้วยการ ขยายธุรกิจเดิม เปิดหน่วยธุรกิจที่เน้นเรื่องของเทคโนโลยีเป็นหลักมากกว่าปกติ หรือแม้แต่เปิดตัว house brand ให้มากขึ้น เพิ่มจำนวนการให้บริการเสริมซึ่งแปลกใหม่กว่าเดิม พร้อมส่งขายออกนอกประเทศ และขยายสาขาร้านไอโมบายออกไปทั่วประเทศ ก็คงไม่ต้องแปลกใจนัก เพราะนี่ถือเป็นอีกหนึ่งความคิดสร้างสรรค์ของสามารถ

ไม่เพียงแค่นั้น ปีนี้พนักงานของสามารถยังได้ยลโฉมกับฟิตเนสเซ็นเตอร์ และสนามกีฬาขนาดย่อม ซึ่งธวัชชัย หัวเรือใหญ่ของสามารถถึงกับควักกระเป๋าทุ่มทุนสร้างบนอาคาร 4 ชั้นด้านหลังตึกสำนักงานใหญ่ของบริษัทขึ้นมาเอาใจผู้บริหารและพนักงานโดยเฉพาะ เพราะหวังว่าหากองค์กรเข้มแข็งจากภายใน แล้ว ความคิดสร้างสรรค์จะตามมาในภายหลังนั่นเอง