|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ ฉบับ มีนาคม 2548
|
|
ความโดดเด่นของสถาปัตยกรรมสไตล์เอเชียบนหาดทรายขาวในอำเภอปราณบุรี ไม่น่ามีปัญหาในเรื่องการขาย แต่การรวมตัวกับกลุ่มพันธมิตร สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะลงมาเป็นนักพัฒนาที่ดินอย่างเต็มตัวของ สงกรานต์ กระจ่างเนตร์ ในวันนี้
หลายครั้งที่สงกรานต์ กระจ่างเนตร์ ขับรถผ่านถนนบ้านหนองหอย ถนนสายเล็กๆ สองเลน ในอำเภอปราณบุรี โดย อ้อมหุบเขาที่มีทิวทัศน์สวยงามและผ่านความเงียบสงบของหาดทรายใหญ่ เพื่อไปเล่นกอล์ฟที่สนามมิลล์ฟอร์ด เขามีความพึงใจ กับบรรยากาศของทำเลย่านนั้นอย่างมาก
การหาซื้อที่ดินติดหาดทรายขาว เพื่อสร้างคอนโดมิเนียม ที่มีเอกลักษณ์ภายใต้ชื่อของ "สานติ พูรา" ก็เลยเกิดขึ้น
วันนี้บนพื้นที่เงียบสงบกว้างใหญ่ถึง 8 ไร่ริมหาด มีต้นตาล อายุไม่ต่ำกว่า 30 ปีเรียงรายอยู่หลายต้น คอนโดมิเนียมสูง 4-7 ชั้น จำนวน 5 อาคารเพียง 77 ยูนิต กำลังทำการก่อสร้างพร้อมๆ กันอย่างเร่งรีบ จนแล้วเสร็จไปแล้วกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ และกำหนดทำ Grand Opening ในเดือนตุลาคม 2548 นี้
สานติ พูรา กำหนดราคาขายประมาณ 4-6 หมื่นบาทต่อ ตร.ม. ราคาโดยเฉลี่ย 1 ห้องนอน 3 ล้านบาท 2 ห้องนอน ราคา 5-7 ล้านบาท
"เป็นระดับราคากลางที่ไม่สูงมากนักเพราะตนเองเป็นดีเวลลอปเปอร์หน้าใหม่ ชื่อของผมยังไม่แข็งพอที่จะทำให้คนตัดสินใจซื้อโครงการแพงๆ ได้" สงกรานต์ กรรมการผู้จัดการบริษัทเอส จี ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวถึงวิธีคิดกับ "ผู้จัดการ"
แต่ดูเหมือนว่าราคานี้สะท้อนความเป็นจริงของตลาดได้อย่างดีทีเดียว เพราะปรากฏว่าสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่อย่างเขา สามารถขายโครงการได้ไม่ยากนัก โดยยืนยันว่าในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานั้นสามารถทำยอดขายได้ถึง 60 เปอร์เซ็นต์ และสามารถปรับยอดขายให้สูงขึ้นถึง 2 ครั้ง ส่วนห้องติดทะเลก็ขายได้หมดแล้วเช่นกัน
สานติ พูรา กำหนด positioning ของตนเองเป็นบูติก คอนโดมิเนียม สไตล์เอเชียน ที่รวบรวมงานสถาปัตยกรรมจากศรีลังกา บาหลี อินโดนีเซีย ไว้ด้วยกัน ท่ามกลางบรรยากาศของการแต่งสวนแบบ Tropical Garden
งานสถาปัตยกรรมและการตกแต่งภายใน มอบหมายให้ บริษัท PIA รับผิดชอบเช่นเดียวกับบริษัทไฟคัส เลน งานภูมิสถาปัตย์โดย Urbanique บริษัท Christiani & Nielsen เป็นวิศวกรรมโครงสร้าง และรับเหมาก่อสร้าง และมี Plus Property Partners บริษัทในเครือแสนสิริ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้บริหารอาคารชุด
รูปแบบโครงการที่โดดเด่น จำนวนยูนิตที่ไม่มาก รวมทั้งทำเลที่ตั้งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โครงการนี้สามารถทำยอดขาย ได้มากอย่างน่าพอใจ
"ภาวะตลาดตอนนี้ยังดีอยู่แต่มันไม่ได้เท่ากับ 2 ปีที่แล้ว เมื่อ 2-3 ปีก่อนบ้านแสนเพลินของกลุ่มแสนสิริ สามารถปิดการขายภายใน 2 สัปดาห์ ประมาณ 200 ยูนิต เป็นการเปิดตลาดในช่วงที่ไม่ใช่ภาวะปกติด้วยซ้ำ ดังนั้นในระยะหลังมันก็ช้าเป็นปกติ" สงกรานต์ให้ความเห็นเพิ่มเติม
สงกรานต์ กระจ่างเนตร์ ยังใหม่จริงๆ สำหรับแวดวงธุรกิจในเมืองไทย เพราะตลอดอายุ 32 ปีนั้น เขาใช้เวลาอยู่ในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่
ช่วงเวลานี้เขาอยู่เมืองไทยนานที่สุดเพื่อทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ อาชีพที่เขาแพลนไว้ว่าจะทำอีกหลายโครงการในเมืองไทย
"ผมไปเรียนเมืองนอกตั้งแต่อายุ 8 ขวบ อยู่โรงเรียนประจำมาตลอด ไม่ค่อยได้อยู่กับพ่อแม่เหมือนเด็กคนอื่นๆ หรอก ครับ" สงกรานต์ หรือ "บีบี๋" เริ่มต้นเล่าถึงตัวตนของเขาให้ "ผู้จัดการ" ฟังในเช้าวันหนึ่งที่บ้านของเขาย่านถนนพหลโยธิน
เป็นบ้านหลังเก่าแก่ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยคุณปู่คือ พลเรือเอกสิริ กระจ่างเนตร์ ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งปัจจุบันมีถึง 3 หลัง ภายในบริเวณต่อเชื่อมกันโดยมีเพียงรั้วเล็กคั่นกลาง เขาอยู่กับคุณพ่อสานติ กระจ่างเนตร์ ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานกรรมการ บมจ.คริสเตียนี แอนด์ นีลเส็น และคุณแม่เบญจวรรณ
อีกหลังหนึ่งเป็นที่พักของ "มี่มี๋" โสภาเพ็ญ ผู้ประกาศข่าวต่างประเทศของช่อง 3 น้องสาวคนเดียว ส่วนหลังที่กำลังปรับปรุงตกแต่งใหม่ด้านขวามือคือบ้านใหม่ของเขาเอง
หลังจบปริญญาตรีทางด้านการเงินจากประเทศอังกฤษสงกรานต์ได้กลับมารับราชการที่กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง เพื่อหวังว่าจะได้เจริญรอยเป็นข้าราชการตามครอบครัว หลังจากเรียนรู้ระบบการทำงานในเมืองไทย และมีโอกาสได้ใช้ภาษาไทยมากที่สุดในช่วงนั้นประมาณ 3 ปี ก็ลาออก
เขาให้เหตุผลง่ายๆ ในการลาออกครั้งนั้นว่า "ผมคงรับราชการไปเรื่อยๆ เหมือนทางครอบครัวไม่ได้ ผมเป็นคนใจร้อน เกินไป"
หลังจากนั้นได้ไปศึกษาต่อปริญญาโทด้านการเงินที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ประเทศสหรัฐอเมริกา อีก 2 ปี กลับมาไปทำงานที่ Deutche Bank ฮ่องกง ก่อนที่จะกลับมาปักหลัก ทำธุรกิจพัฒนาที่ดินในเมืองไทยเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา
แม้จะเติบโตและใช้ชีวิตในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อกลับมาทำโครงการที่เมืองไทย เขากลับมีวิธีคิดในการทำโครงการซึ่งสะท้อนความเป็นไทย ความเป็นเอเชีย และแน่นอน ความฝันของเขาต่อไปก็คือ การได้สร้างรีสอร์ตในแนวคิดเดียวกันนี้ตามเมืองชายทะเลอีกหลายแห่งของเมืองไทย
|
|
|
|
|