Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ มีนาคม 2548








 
นิตยสารผู้จัดการ มีนาคม 2548
เยือนถิ่นฮาวายแห่งตะวันออก             
โดย ธานี ลิ้ม
 





ขอพาท่านผู้อ่านไปเยี่ยมชมเยือนถิ่นกำเนิดพื้นเพดั้งเดิมของคนไทยเชื้อสายจีนตระกูลไหหลำ ซึ่งมีทั้งขุนนาง นักการเมือง เศรษฐี นักธุรกิจไทยมากมายที่อพยพประเภทหอบเสื่อผืนหมอนใบมาจากเกาะแห่งนี้

คนไทยเชื้อสายไหหลำ ถ้าเป็นนักธุรกิจใหญ่โตก็หนีไม่พ้นตระกูลที่รู้จักกันดีนั่นก็คือจิราธิวัฒน์ เจ้าของกิจการโรงแรม ห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้ก็ยังมีเฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของเครื่องดื่มกระทิงแดง และ Red Bull อันโด่งดังไปทั่วโลก รวมทั้งตระกูลมหาดำรงค์กุล เป็นต้น

ถ้าเป็นนักการเมืองส่วนใหญ่มักจะเป็นค่ายประชาธิปัตย์ ไล่มาตั้งแต่หัวหน้าพรรค บัญญัติ บรรทัดฐาน, จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ เรียกว่าคนที่อยู่ทางภาคใต้ ของไทยส่วนหนึ่งมาจากเกาะแห่งนี้ ขณะที่ ฝั่งไทยรักไทยก็มีประธานรัฐสภา อุทัย พิมพ์ใจชน ซึ่งมีเรื่องเล่ากันว่าอุทัยเคยบินมายังเกาะไหหลำ และไปพบรูปถ่ายของตนในชุดครุยรับพระราชทานปริญญานิติศาสตรบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในบ้านเก่าที่นี่

"คนไหหลำนับว่าเป็นคนที่ใส่ใจในการแต่งตัวมาก ผู้ชายจะแต่งตัวเนี้ยบมากที่สุด" เฉลิมชัย ผู้พัฒน์ เลขาธิการสมาคมการค้าไทย-ไหหลำยืนยัน

จึงไม่แปลกใจเลย ที่บ่อยครั้งสุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ เจ้าของโรงแรมเครือเซ็นทรัลมักจะคว้าตำแหน่งนักธุรกิจชายที่แต่งตัวดีไปครอง

การมาเยือนถิ่นไหหลำ หรือชื่อภาษาทางการเรียกว่า ไหหนาน (Hainan) เกิดขึ้นเพราะสายการบินพีบีแอร์ของตระกูลภิรมย์ภักดี ได้รับสิทธิการบินเชิงพาณิชย์ระหว่างกรุงเทพฯ-ไหโข่ว (Haikou) ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป นับเป็นครั้งแรกในการ บินตรงจากไทยด้วยสายการบินสัญชาติไทย ด้วยเที่ยวบินพิเศษ Q911 บินจาก กรุงเทพฯ สู่เมืองไหโข่ว

เกาะไหหลำมีเมืองหลวงชื่อไหโข่ว ตั้งอยู่ตอนใต้สุดของประเทศจีน เกาะแห่งนี้ถูกขนานนามจากนักท่องเที่ยวว่าเป็นฮาวายแห่งตะวันออก เพราะมีภูมิประเทศคล้ายๆเกาะฮาวาย ของสหรัฐฯ แต่เท่าที่สัมผัสคิดว่าเหมือนเกาะสมุยของไทยมาก

อากาศที่นี่ไม่ร้อน ไม่หนาวมาก นัก เรียกว่ากำลังดี เหมาะแก่การมาท่องเที่ยวของคนไทยยิ่งนัก ระยะการบินก็ไม่ไกลเกินไปใช้เวลาบินประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งก็ถึง

ไหหนานแปลว่าปากทะเล ทางออก สู่ทะเลจีนใต้ เกาะนี้จึงเป็นอาณาเขตของจีนที่อยู่ใต้สุดของประเทศ

ชื่อย่อฉง อยู่ทางตอนใต้สุดของจีน ล้อมรอบด้วยทะเลจีนใต้ โดยทิศเหนือมีช่องแคบฉงโจวกั้นระหว่างไหหนานกับมณฑลกว่างตง ทิศตะวันตกมีอ่าวเหนือ กั้นแดนกับประเทศเวียดนาม ทิศตะวันออกหันเข้าหาเกาะไต้หวัน ตะวันออกและใต้หันหน้าสู่ประเทศฟิลิปปินส์ บรูไน และมาเลเซีย เกาะเจิงหมู่อั้นซาในหมู่เกาะหนันซา ถือเป็นเขตพรมแดนใต้สุดของจีน

เมืองไหโข่วช่วงหน้าหนาวนี้อุณหภูมิ จะอยู่ระหว่าง 15-22 องศาเซลเซียส เป็นช่วงที่อากาศดีที่สุด แต่ถ้าปกติจะอยู่ที่ 23-25 องศา

เกาะไหหลำมีพื้นที่ 3.4 หมื่นตาราง กิโลเมตร เทียบเท่าเกาะไต้หวันที่มีพื้นที่ 3.6 หมื่นตารางกิโลเมตร มีคนอาศัย 8 ล้าน กว่าคน คนจีนเผ่าลีจะอยู่มากสุด ต่อมามีคนจากที่ต่างๆ อพยพเข้ามาทำกินมากขึ้น ทำให้เกิดความหลากหลาย

พอเทียบท่าสนามบินนานาชาติเมยลาน (Meilan International Airport) เมืองไหโข่ว มีหมอกปกคลุมไร้แสงอาทิตย์อากาศถือว่าหนาวกว่าเมืองไทยพอสมควรน่าจะอยู่ที่ 15 องศา ระหว่างนั่งรถเพื่อไปที่พักโรงแรมคราวน์ พลาซ่า (Crowne Plaza) มองไปรอบๆสองข้างทางรู้สึกราว กับว่าเหมือนได้มาเยือนเกาะสมุยของไทย เพราะที่นี่มีแต่ต้นมะพร้าวเต็มไปหมด ทำให้สินค้าส่วน ใหญ่มักจะทำจากมะพร้าวทั้งสิ้น มีผลไม้เหมือนๆ กับไทย ที่เด่นก็คือกาแฟของไหหลำถือว่าขึ้นชื่อมาก มีการพลิกแพลง ด้วยการนำมะพร้าวมาผสมใส่กาแฟแบบผสม 3 ใน 1 พร้อมชงดื่มวางขายตามร้านค้าทั่วไป

นอกจากนี้ไหหลำยังเป็นแหล่งหอยมุกจากทะเลมากมายราคาไม่แพง ถูกใจสาวนักชอปคนไทยเป็นที่สุด

สำหรับคนไทยถ้ามากันเป็นกลุ่ม 5 คนไม่ต้องทำวีซ่า หมายถึงว่ามาถึงนี่ก็ค่อยมาทำและไม่ต้องเสียค่าวีซ่าอีกด้วย สามารถอยู่ได้ 1 สัปดาห์ ซึ่งเป็นสิทธิพิเศษ ที่มีการตกลงร่วมกันระหว่างทางการไหหลำ กับไทย เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว

ขณะที่เดินทางเข้าประเทศจีนแบบปกติจะต้องเสียค่าวีซ่าหนึ่งพันบาท

กัปตันโยธิน ภมรมนตรี บอกว่าฟรีวีซ่าเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้พีบีแอร์ต้องการจะบินมายังเกาะไหหลำเพราะสะดวกต่อนักท่องเที่ยวชาวไทย อีกทั้งชาวไทยเชื้อสายไหหลำก็มีเป็นจำนวนมาก จึงมั่นใจว่าการเปิดบินตรงไหหลำจะประสบความสำเร็จและช่วยปูทางไปสู่การเข้ามณฑลใหญ่ๆ ในแผ่นดินจีน อาทิ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง

ทั้งนี้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์เป็นต้นไปจนถึงเดือนเมษายน สมาคมการค้าไทย-ไหหลำจะเช่าเหมาลำ เพราะมีสมาชิกสมาคมฯ จำนวนมากต้องการเดินทางเข้ามาเยี่ยมญาติ ผู้สูงอายุ ได้รับความสะดวกเพราะไม่ต้องต่อเที่ยวบินจากฮ่องกงหรือบินต่อจากกวางเจา

สำหรับเที่ยวบินของพีบีแอร์ไปเกาะไหหลำ จะใช้เครื่องบิน Embraer 145 เป็นเครื่องบินผลิตจากบราซิล ใช้เครื่องไอพ่นของ Rolls-Royce จำนวน 2 เครื่อง ยนต์ บินด้วยความเร็ว 800 กม./ชม. เพดานบิน 37,000 ฟิต ห้องโดยสารจุได้ 50 ที่นั่งต่อลำ

ส่วนเวลาการบินของพีบีแอร์ กรุงเทพฯ-ไหโข่ว ใช้เวลา 2 ชั่วโมง บินวันจันทร์และพุธ ขณะที่วันเสาร์มี 2 เที่ยว ราคาไป-กลับประมาณ 16,000 บาท ถ้าเที่ยวเดียวก็ 8,500 บาท

การมาไหหลำนั้น ถ้าอยู่ในเมืองหลวงคือไหโข่ว จะมีแหล่งไข่มุกอันขึ้นชื่อ แต่ถ้าต้องการแวะชมสถานที่ท่องเที่ยวก็ต้องเป็นเมืองซันย่า (Sanya) ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของเกาะห่างจากเมืองหลวงไหโข่ว 360 กม.

ว่ากันว่า ใครที่มาเยือนแดนไหหลำ แล้ว ถ้าไม่ได้ไปเยือน 3 สิ่งสำคัญของที่นี่ก็ถือว่ามาไม่ถึงเกาะไหหลำ

1. ชมเขตแดนที่เรียกว่าไกลสุดขอบฟ้า หรือ Tian Ya Hai Jiao อันหมายถึง เขตแดนที่อยู่ใต้สุดของประเทศจีน พูดง่ายๆ ว่าเป็นหินก้อนท้ายสุดของแผ่นดิน จีนนั่นเอง ตั้งอยู่ชายทะเลของเมืองซันย่า (Sanya)

2. สถาปัตยกรรมรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมตระหง่านด้วยความสูงที่สุดในโลก 108 เมตร ในวัดหนานซานไห่ ยื่นออกไปกลางทะเลของเมืองซันย่า ขณะนี้ยังก่อสร้าง ไม่เสร็จคาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนมีนาคมนี้ เป็นเจ้าแม่กวนอิม 3 ด้าน ยืนตระหง่านกลางทะเลสวยงาม

กล่าวกันว่า หลังจากที่มีการทำพิธีและลงมือก่อสร้าง ทำให้เกาะไหหลำไม่เคย มีพายุมรสุมพัดเข้ามาเลย ทั้งที่ก่อนหน้านี้มักจะเจอมรสุมเป็นประจำ

3. รูปปั้นกวางเหลียวหลัง ตั้งอยู่บน ภูเขาในเมืองซันย่า เป็นตำนานเกี่ยวกับ ความรักของพรานป่ากับหญิงงามบนเขา แห่งนี้สามารถมองเห็นทัศนียภาพงดงามของเมืองซันย่า ช่วงกลางคืนก็มีไฟสปอต ไลต์หลากสีสาดส่องสว่างไปทั่วเมือง สร้างความตื่นตายิ่งนัก

เมืองซันย่าถือว่าเป็นเมืองท่าสำคัญในการท่องเที่ยว เกาะไหหลำ เหมือนพัทยา หัวหินของไทย นอกจากนี้ยังเคยเป็นสถานที่จัดประกวด Miss World มาแล้ว รวมทั้งทางการจีนได้ก่อสร้างสถานที่จัดประชุมผู้นำเศรษฐกิจ CEO Forum อย่างถาวรไว้ที่นี่ ซึ่งจะมีการประชุมทุกปีอีกด้วย

เกาะไหหลำรองรับนักท่องเที่ยวและชาวจีนที่ต้องการเหยียบน้ำทะเลเป็นจำนวนมากปีละกว่า 11 ล้าน คน มีโรงแรมระดับ 6 ดาวอย่างโซฟิเทล มีโรงแรมมาก มายรวมกว่า 300 แห่งและมีสนามกอล์ฟกว่า 13 แห่ง

การลงทุนของคนไทยที่เกาะไหหลำ ผู้บริหารสมาคมการค้าไทย-ไหหลำ บอกว่ามีไม่มากนัก เพราะไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จเท่าใด จนถูกขนานนามว่าเมืองปราบเซียน จะมีก็กลุ่มซี.พี.ที่ตั้งโรงงานผลิต มีน้องชายของดิลก มหาดำรงค์กุล เข้ามาทำธุรกิจจิวเวลรี่ ขณะที่ร้านอาหารไทยก็ไม่มี เพราะคนไหหลำนั้นถือว่าเป็นคนที่ทำอาหารได้อร่อยมากอยู่แล้ว ทำให้อาหารไทยไม่ได้รับความนิยมเท่าใด

"เป็ด ไก่ ไหหลำถือว่าดีที่สุดในโลก ใครมาก็ต้องทาน ร้านอาหารไหหลำถือว่าอร่อยมาก อยากให้คนไทยเข้ามาเที่ยวกันดู เพราะไม่ต้องเสียค่าทำวีซ่า และการบินก็ไม่เสียเวลามากนัก ไหหลำจะเป็นอีกสถานที่ ท่องเที่ยวหนึ่งของคนไทยในอนาคต นอกจากฮ่องกง"

สรุปว่า อนาคตเกาะไหหลำจะเป็นอีกแหล่งที่น่าสนใจสำหรับนักชอปชาวไทย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us