"Evil often triumphs, but never conquers" - Joseph Roux
สัญญาใจระหว่างพนักงานกับบริษัท คือ ความคาดหวังว่าจะได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรม
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเลื่อนตำแหน่ง ผลตอบแทน และอื่นๆ ดังนั้น "เรื่องเล่า"
ของบริษัทจึงมักจะเกี่ยวกับความสำเร็จงดงามของพนักงาน ที่มีความรู้ความสามารถจนก้าวหน้า
สามารถไต่เต้าจากตำแหน่งต่ำสุดไปสู่ตำแหน่งระดับบริหารได้ในที่สุด
แต่สำหรับบริษัทต่างชาติในไทย ที่มีคนไทยบางส่วนเป็นขี้ข้า บ้างก็พยายามทำทุกวิถีทางที่จะรักษาเก้าอี้ตัวเองไว้
มากกว่าการทำงานด้วยเหตุผลและพื้นฐานความถูกต้อง
Labour conflict ในระดับ white collar กรณีแรกที่นิตยสารผู้จัดการ (ฉบับที่
2 และ 16) ให้ความสำคัญมากๆ คือ คดีของ ทัศนียา ปริวุฒิพงศ์ ถูกบริษัทสายการบิน
SAS เลิกจ้างจากตำแหน่งเลขานุการอาวุโส ผู้จัดการฝ่ายการตลาด อย่างไม่เป็นธรรมในเดือนมิถุนายน
ปี 2526 เพราะนายใหญ่มีอคติที่สงสัยว่า ทัศนียาจะเป็นคนเขียนใบปลิวโจมตีผู้จัดการใหญ่
SAS ขณะนั้น ว่ามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเลขาอีกคน เรื่องนี้ใช้เวลาต่อสู้ในศาล
16 เดือน และจบลงด้วยชัยชนะของทัศนียา
เหมือนอย่าง กรณีของสุวัฒน์ แดงพิบูลย์สกุล ผู้จัดการฝ่ายขายแผนกผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์
ฟ้องบริษัทโกดัก (ประเทศไทย) จำกัด ต่อศาลแรงงานกลาง ในข้อหาผิดสัญญาจ้าง
เปลี่ยนแปลงสภาพการจ้าง โดยลดตำแหน่งลงและฟ้องคดีอาญาข้อหาปลอมแปลงเอกสารสร้างพยานเท็จ
พร้อมกับเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท ในเดือนกุมภาพันธ์ 2528
ถือว่าเป็นกรณีแรกที่พนักงานยังทำงานอยู่ในบริษัทและฟ้องบริษัทข้ามชาติแห่งนี้
!
แต่กว่าหนึ่งปีที่สุวัฒน์ทนอยู่ในโกดักอย่างโดดเดี่ยวและขมขื่นท่ามกลางบรรยากาศ
เกลียดชัง ดูถูก โกรธแค้นและหวาดระแวงตลอดเวลา สุวัฒน์อยู่ในสภาพที่ต้องสู้แบบ
"หมาจนตรอก" ที่ถูกบีบคั้นจิตใจรุนแรงจากบรรดา "นาย" ทั้งหลายจนถึงที่สุดวันที่
28 มีนาคม 2529 โกดักจึงทำหนังสือเลิกจ้าง สุวัฒน์จึงฟ้องบริษัทโกดัก (ประเทศไทย)
ข้อหาเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรมจนกระทั่งชนะ
นอกจากประเด็น conflict of labour ของสุวัฒน์กับโกดักแล้ว งานเขียนของ
ไพศาล มังกรไชยา ชิ้นนี้ยังมีนัยซับซ้อนซ่อนอยู่ในรูป conflict of interest
ระหว่างคุณค่าของข่าวกับเงินโฆษณาที่สื่อต้องพึ่งพาอาศัย
แต่บรรณาธิการหัวเห็ดอย่างสนธิ ลิ้มทองกุล ขณะนั้นประกาศจุดยืนของนิตยสารผู้จัดการอย่างชัดเจนว่า
"ถ้าเราลงไป เราคงจะต้องถูกตัดโฆษณาอย่างแน่นอนที่สุด!
แต่ถ้าเราไม่ลงล่ะ! เราก็คงจะนอนตาไม่หลับเป็นแน่แท้ เพราะหนังสือเล่มนี้ถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อสามปีที่แล้ว
และเจริญเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ก็เพราะมีคนซื้ออ่านและมีคนนิยมมาก
จากจุดความนิยมนี้แหละ ที่ทำให้เจ้าของสินค้าเล็งเห็นว่า หนังสือเล่มนี้เป็นสื่อที่ดีสำหรับสินค้าของเขาก็เลยลงโฆษณา
ฉะนั้น เมื่อคิดได้เช่นนี้ "ผู้จัดการ" ก็เลยมีมติขึ้นมาว่า ข่าวอะไรก็ตามถ้ามีความจำเป็นจะต้องลง
ก็ต้องลง!
ไม่เช่นนั้นแล้ว เราก้มหน้าก็จะอายดิน และเงยหน้าก็จะอายฟ้า"
เช่นนี้แล้ว... บทสรุปแห่งอุดมการณ์ในวัน May Day จะคิดเป็นอื่นไม่ได้นอกจาก
"ต้องสู้เพื่อชัยชนะ" แม้ว่าผู้ชนะวันนี้อาจจะเป็นผู้แพ้ยับเยินในวันหน้าก็ได้