Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน22 กุมภาพันธ์ 2548
"ธนาพัฒน์" บุกภูเก็ตไม่หวั่นสึนามิผุด2โครงการหรูย่านป่าตอง-เกาะสิเหร่เน้นลูกค้าระดับบน             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ดิเวลล๊อปเมนท์
โฮมเพจ แอลพีเอ็น กรุ๊ป (บริษัท เล้าเป้งง้วน จำกัด)

   
search resources

Real Estate
ธนาพัฒน์ พร็อพเพอร์ตี้ ดิเวลล๊อปเมนท์, บมจ.
LPN Group




"ธนาพัฒน์" รุกตลาดภูเก็ตไม่หวั่นอสังหาริมทรัพย์ท้องถิ่นซบ เปิด 2 โครงการบ้านหรู หวังจับกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ ปีนี้ตั้งเป้าเปิด 6 โครงการ มูลค่ารวม 3,000 ล้านบาท หวังยอดขายทั้งปี 1,300 ล้านบาท กวาดทำเลด้านสาธุประดิษฐ์ 4 โครงการ รองรับถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ระบุจ่อคิวเข้าระดมทุนในตลาดภายในปีนี้

ดร.พิพัฒน์ ปรีดาวิภาต ประธานกรรมการบริหารในเครือธนาพัฒน์และแอลพีเอ็น กรุ๊ป ซึ่งดำเนินธุรกิจผลิตเหล็กครบวงจร เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทมีแผนพัฒนาโครงการใหม่ จำนวนทั้งสิ้น 6 โครงการ มูลค่าการลงทุน 3,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ตั้งอยู่ในทำเลใจกลางกรุงเทพฯ 4 โครงการ และโครงการบ้านเดี่ยวระดับพรีเมียม ในจังหวัดภูเก็ต จำนวน 2 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการแรกที่บริษัทรุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัด

สำหรับโครงการใหม่ที่มีแผนเปิดภายในปี 2548 ประกอบด้วย 1.โครงการบ้านอรุณพัฒน์ป่าตอง-ภูเก็ต เนื้อที่ 10 ไร่ จำนวน 40 ยูนิต พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวสไตล์รีสอร์ต ตัวโครงการตั้งอยู่กลางเมืองป่าตอง ใกล้กับที่ว่าการอำเภอป่าตอง มูลค่า โครงการ 200 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ยยูนิตละ 5 ล้านบาทขึ้นไป

2.โครงการบ้านเดี่ยวริมทะเลบนเกาะสิเหร่ ภูเก็ต เนื้อที่ 4 ไร่ 3 ยูนิต มูลค่าโครงการ 180 ล้านบาท พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวระดับราคาแพง ขายเฉลี่ย 60 ล้านบาทต่อยูนิต ปัจจุบันมียอดจองแล้ว 2 ยูนิตเหลือ ขายเพียง 1 ยูนิต ซึ่งลูกค้าที่ซื้อบ้าน ในโครงการนี้เป็นชาวต่างชาติ ทั้งนี้ ที่ดินที่นำมาพัฒนาทั้ง 2 โครงการเป็นที่ดินรอพัฒนา (แลนด์แบงก์) เดิมของบริษัท ที่นำมาพัฒนาบ้านระดับบนจับกลุ่มลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติและชาวไทย

3.โครงการบ้านอรุณพัฒน์ บ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์เฟสใหม่จาก ทั้งหมด 3 เฟส บนถนนพระราม 3-สาธุประดิษฐ์ โดยในเฟสแรกพัฒนาบ้านเดี่ยวจำนวน 9 ยูนิตและทาวน์เฮาส์ จำนวน 47 ยูนิต บนเนื้อที่ 15 ไร่ รวมทั้งโครงการมีจำนวน 100 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 700 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดขายได้ประมาณไตรมาส 3 ปีนี้ และ 4.โครงการทาวน์เฮาส์กลางเมืองย่านสาธุประดิษฐ์อีก 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1,600 ล้านบาท

สาเหตุที่เลือกพัฒนาในย่านดังกล่าว เนื่องจากบริษัทมีความเชี่ยวชาญในพื้นที่ อีกทั้งทำเลในย่าน สาธุประดิษฐ์เป็นโซนที่มีศักยภาพสูง เพราะห่างจากโครงข่ายคมนาคมของรัฐบาลตัดผ่าน อีกทั้งยังอยู่ใกล้กับสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เชื่อมต่อไปยังถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ที่คาดว่าจะเปิดใช้ในปี 2549

ดร.พิพัฒน์ กล่าวถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตว่า บริษัทมีความมั่นใจในศักยภาพของที่ดินถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากคลื่นยักษ์สึนามิ แต่เชื่อว่าในด้านการตลาดที่พักอาศัยระดับพรีเมียมนั้นไม่ได้รับผลกระทบมากนัก คาดว่าความต้องการซื้อยังมีอยู่ต่อเนื่องในปี 2548 อย่างไรก็ดี ในส่วนของโครงการคอนโดมิเนียมนั้น บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาตลาดและความเป็นไปได้ของโครงการ ซึ่งคาดว่าจะพัฒนาคอนโดมิเนียมระดับล่างในย่านสาธุประดิษฐ์ เนื่องจากในย่านนั้นยังไม่มีสินค้ามากนัก

"ผมมองว่าไตรมาส 2 น่าจะเริ่มฟื้นตัวและต่อเนื่องถึงไตรมาส 4 ถึงจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง เพราะลูกค้าส่วนใหญ่มองว่าภัยพิบัติครั้งนี้จะเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในช่วงชีวิตหนึ่งเท่านั้น ซึ่งจะไม่มีผลกระทบต่อแผนการซื้อบ้านระดับพรีเมียมแน่นอน" ดร.พิพัฒน์กล่าวและว่า

สำหรับเม็ดเงินลงทุนทั้ง 6 โครงการดังกล่าว คาดว่าจะใช้ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยมาจากเงินลงทุนของบริษัทและขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ในสัดส่วน 40% ของเงินลงทุน โดยปัจจุบันธนาคารที่ให้การสนับสนุนการเงินได้แก่ ธนาคารกรุงไทย(KTB), ธนาคารทหารไทย(TMB) และธนาคารนครหลวงไทย(SCIB)

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายทั้งปีไว้ที่ 1,300 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ 70% หรือ คิดเป็น 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 200% โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดขายโครงการทั้งสิ้น 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 1,370 ล้านบาท จำนวน 263 ยูนิต แบ่งเป็นสินค้าประเภทบ้านเดี่ยว 9 ยูนิต ทาวน์เฮาส์ 152 ยูนิต ทาวน์โฮม 24 ยูนิต และธนาพัฒน์ ทเวนตี้โฟร์ (คอนโดมิเนียม) 24 จำนวน 78 ยูนิต เหลือการขายเพียง 12 ยูนิต ปัจจุบันบริษัทมียอดขายเฉลี่ยรวมทุกโครงการประมาณ 90%

ดร.พิพัฒน์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะนำบริษัทธนาพัฒน์ฯ เข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งปัจจุบันได้จ้างที่ปรึกษาทางการเงิน(FA)เข้ามาศึกษาความเป็นไปได้ แต่ต้องเป็นภายหลังจากที่บริษัทแม่คือแอลพีเอ็น เพลทมิล จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อขายในตลาดแล้ว คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในปี 2548   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us