ใครๆ ก็เริ่มธุรกิจได้
Bob Reiss เป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง เขาใช้เวลาหลายๆ ทศวรรษที่ผ่านมาดำรงตนเป็น
ผู้ประกอบการที่เต็มไปด้วยความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และสั่งสมประสบการณ์การเป็นผู้ประกอบการอย่างเจนจบ
การเป็นผู้คิดรายการ TV Guide Trivia Game อันโด่งดัง และผู้ก่อตั้ง Valdawn
Watch Company เป็นความพยายามที่น่าประทับใจ จนศาสตราจารย์ Howard Stevenson
แห่ง Harvard Business School ได้นำความสำเร็จของเขาไปทำเป็นกรณีศึกษาสำหรับใช้เรียนในห้องเรียนของ
Harvard
ในหนังสือ Low Risk, High Reward : Practical Prescriptions for Starting
and Growing Your Business ผู้ประพันธ์คือ Reiss และผู้ประพันธ์ร่วมคือ Cruikshank
อธิบายว่า ความเป็นผู้ประกอบการคือ "การมองเห็นโอกาสและแสวงหาโอกาส โดยไม่ต้องคำนึงถึงทรัพยากรที่คุณมีอยู่
ด้วยความเชื่อมั่นว่าคุณจะประสบความสำเร็จ มีความยืดหยุ่นที่จะเปลี่ยนแปลงเมื่อถึงคราวจำเป็น
และไม่กลัวที่จะล้มแล้วลุก" ผู้ประพันธ์ทั้งสองเห็นว่า คุณสมบัติเหล่านี้
คือสิ่งที่สำคัญที่สุดของการเป็นผู้ประกอบการ และสิ่งที่หนังสือเล่มนี้ทำคือ
นำคุณสมบัติเหล่านี้มาแตกออกเป็นคำแนะนำที่มีประโยชน์ สำหรับผู้ที่ต้องการจะเรียนรู้วิธีทำงานอย่างฉลาด
และดูแลธุรกิจที่ตนริเริ่มให้เติบโตต่อไป
ทักษะที่จำเป็น
Reiss เริ่มต้นหนังสือของเขาด้วยการสำรวจว่า มีทักษะใดบ้างที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่จำเป็นต้องมีเพื่อที่จะประสบความสำเร็จ
การมีความคิดสร้างสรรค์ มีความยืดหยุ่น เป็นนักขายที่ดี มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า
สามารถไว้วางใจคนอื่น และกระหายในข้อมูลข่าวสาร คือทักษะที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องมี
เพราะคุณสมบัติเหล่านี้คือเครื่องมือที่จะทำให้คุณสามารถเริ่มต้นธุรกิจใหม่ขึ้นมาจากศูนย์
คุณสมบัติที่สำคัญอีกอย่างคือความซื่อสัตย์ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่จะทำให้คุณต่อต้านสิ่งที่จะชักจูงคุณไปในทางที่ไม่ดี
ซึ่งคุณอาจต้องเผชิญในเส้นทางสู่ความสำเร็จได้ อย่าลืมว่า ความซื่อสัตย์และคุณธรรมต่างๆ
เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดของกิจการที่จะประสบความสำเร็จ การยอมสละคุณธรรมจะนำคุณไปสู่ความล้มเหลว
อ่านตัวเลขให้เหมือนอ่านหนังสือ
จากนั้น Reiss กล่าวถึงการเข้าใจและการรู้จักใช้ตัวเลข เปิดเผยความจริงเบื้องหลังธุรกิจ
เขาเรียกความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับตัวเลขนี้ว่าเป็น "การอ่านตัวเลขให้เป็นเหมือนอ่านหนังสือ"
เขากระตุ้นให้ผู้ประกอบการทุกคนตระหนักถึงความสำคัญของการอ่านตัวเลขให้เป็น
โดยการใช้ความรู้ในการอ่านตัวเลขเป็นพื้นฐาน Reiss ได้บอกวิธีที่เราจะสามารถวิเคราะห์ความเสี่ยง
จัดการและลดความเสี่ยงลงสู่ระดับที่ยอมรับได้ ด้วยการเริ่มต้นในตลาดเล็กๆ
ก่อนที่จะเปลี่ยนไปในตลาดใหญ่ขึ้น วิธีอื่นๆ ที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่สามารถนำมาใช้ในการระบุความเสี่ยง
ได้แก่ การเปลี่ยนค่าใช้จ่ายประจำเป็นค่าใช้จ่ายแปรผัน การพูดคุยกับผู้ประกอบการคนอื่นๆ
เพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์ของพวกเขา การขอคำแนะนำจากภายนอก และการหา "พี่เลี้ยง"
ที่จะสามารถช่วยประคับประคองธุรกิจเล็กๆ ของคุณให้สามารถยืนด้วยขาของตนเองได้
เครือข่ายการจัดจำหน่าย
เพื่อช่วยให้หน่ออ่อนของธุรกิจใหม่เจริญเติบโตต่อไป Reiss กล่าวว่ามีหลายวิธีที่จะทำให้ธุรกิจใหม่เติบโตอย่างแข็งแรง
ด้วยการเอาใจใส่กับผลิตภัณฑ์ของบริษัท
เขาได้นำพาผู้อ่านผ่านเข้าสู่กระบวนการที่เขาเรียกว่า "selling in" คือการสร้างความสัมพันธ์กับธุรกิจอื่นๆ
ที่จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายการจัดจำหน่ายของคุณ และประโยชน์ของการขายตรงสู่ผู้บริโภค
เขาให้คำแนะนำมากมายเกี่ยวกับการทำงานกับผู้ค้าปลีก การใช้ตัวแทนขายของผู้ผลิต
การขายสิทธิในการผลิตสินค้า การใช้การโฆษณา และการใช้การตลาดอย่างได้ผล
และถ้าหากคุณคิดว่า คำสั่งซื้อครั้งแรกเป็นสิ่งที่สำคัญต่อธุรกิจของคุณล่ะก็
อย่าลืมว่าการสั่งซื้อซ้ำซึ่งเขาเรียกว่า "selling through" ยิ่งสำคัญกว่า
การที่จะทำให้ลูกค้าสั่งซื้อซ้ำได้สำเร็จ ขึ้นอยู่กับว่า บริษัทของคุณมีความแข็งแกร่งของโครงสร้างพื้นฐานมากน้อยแค่ไหน
ซึ่งมีรากฐานอยู่บนความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับเครือข่ายจัดจำหน่าย และทักษะในการจัดการกับปัญหาและโอกาส
หลังจากความสำเร็จ
หลังจากที่ธุรกิจใหม่ของคุณเติบโตอย่างดีอันเป็นผลจากการทะนุถนอมฟูมฟักด้วยวิธีต่างๆ
ที่กล่าวมาข้างต้น Reiss ก็ได้เสนอแนะทางเลือกต่างๆ พร้อมทั้งบอกข้อดีข้อเสียของแต่ละทางเลือก
ที่คุณจะใช้จัดการกับบริษัทของคุณ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินกิจการมายาวนานพอที่จะบรรลุวัตถุประสงค์ของการก่อตั้งกิจการแล้ว
การตัดสินใจว่าจะรักษาบริษัทนี้ไว้อย่างที่มันเป็น ลดขนาด ขยายกิจการ ก้าวสู่บริษัทมหาชน
ขายออกไป หรือปิดกิจการ เป็นเรื่องที่ต้องคิดกันหนัก แต่ Reiss ก็ได้ให้แนวทางที่จะช่วยให้คุณเข้าใจทางเลือกแต่ละอย่างและตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม