เชื่อว่าหลายคนคงไม่ตกข่าวนี้
นั่นคือข่าวที่ว่า ซูซี เวตลอเฟอร์ (Suzy Wetlaufer) วัย 42 ปี บรรณาธิการของ
Harvard Business Review (HBR) ซึ่งมีชื่อเสียงในหมู่นักธุรกิจทั่วโลก ได้ลาออกจากตำแหน่งบรรณาธิการ
หลังจากที่เกิดวิกฤติศรัทธาในหมู่เพื่อนร่วมงาน เนื่องจากเธอไปมีความสัมพันธ์พิเศษกับแจ็ก
เวลช์ (Jack Welch) วัย 66 ปี อดีตผู้บริหารสูงสุดของจีอี (GE - General
Electric Co.) ระหว่างที่เธอสัมภาษณ์เวลช์ให้กับ HBR เมื่อปลายปีที่แล้ว
ข่าวนี้สร้างความงุนงงให้กับคนใกล้ชิดเวลช์ไม่น้อย เพราะเท่าที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีท่าทีว่าจะเป็นผู้ชายที่นอกใจภรรยา
หรือ หาเศษหาเลยกับหญิงอื่น แม้เขาจะแต่งงานสองครั้งก็ตาม
เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเวตลอเฟอร์ แจ็ก เวลช์ให้โฆษกออกมาบอกกล่าวแค่ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว
โดยขอไม่พูดอะไรมากไปกว่านั้น แต่ข่าวที่ตามมาหลังจากนั้นซิคะ ที่ทำให้ข่าวระหว่างเวลช์กับเวตลอเฟอร์มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอักโขทีเดียว
นั่นคือข่าวที่ว่าชีวิตครอบครัวเวลช์ดำเนินมาถึงทางแยกอีกครั้ง
เจน (Jane) ภรรยาคนปัจจุบันขอหย่าขาดจากแจ็ก เวลช์!
สำหรับเรื่องชีวิตรักที่กำลังอับปางระหว่างเขากับภรรยานี้ เวลช์ได้ขอร้องให้สื่อมวลชนเห็นแก่ความเป็นส่วนตัวของเขาและครอบครัว
ข่าวนี้ก็สร้างความงุนงงให้กับคนใกล้ชิดเวลช์ไม่น้อยไปกว่าข่าวแรก เพราะเป็นที่รับรู้กันดีว่าสามีภรรยาคู่นี้มักจะอยู่เคียงข้างกันเสมอ
โดยเฉพาะในยามที่ผู้เป็นสามีเจ็บไข้ได้ป่วย
แม้เรื่องอื้อฉาวระหว่างแจ็ก เวลช์กับ ซูซี เวตลอเฟอร์จะถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางจากสื่อมวลชน
แต่บรรดาอาจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจของหลายสถาบันในสหรัฐ อเมริกากลับเห็นพ้องต้องกันว่า
เรื่องนี้ไม่อาจทำลายความยิ่งใหญ่ที่เวลช์สร้างสมมานานหลายทศวรรษลงได้ และอีกไม่ช้าไม่นาน
เรื่องนี้ก็จะเลือนหายไปจากการวิพากษ์วิจารณ์
******
ภรรยาคนแรกของแจ็ก เวลช์ คือ แคโรลิน ออสเบิร์น (Carolyn Osburn) ทั้งคู่แต่งงานกันในปี
2502 และฮันนีมูนด้วยการขับรถโฟล์กเต่าที่ได้รับเป็นของขวัญจากพ่อ โดยแจ็ก
เวลช์ พาเจ้าสาวข้ามประเทศจากอิลลินอยส์ไปเริ่มงานกับจีอีที่พิตส์ฟิลด์
แต่แล้วชีวิตแต่งงานของทั้งคู่ก็ถึงจุดจบในปี 2530
แจ็ก เวลช์พูดถึงชีวิตคู่ครั้งแรกของเขาว่า "ยุ่งยากและเจ็บปวด" แต่เมื่อต้องหย่าร้างทั้งคู่ก็สามารถตกลงกันได้ด้วยดีและที่สำคัญถูกเวลา
เนื่องจากลูกคนเล็กในจำนวน 4 คนของพวกเขาเข้าเรียนมหาวิทยาลัยปีหนึ่ง พอดี
แจ็กและแคโรลิน เวลช์ มีลูกชาย 2 หญิง 2
แจ็ก เวลช์เป็นคนบ้างาน ขณะที่ภรรยาอยู่บ้านเลี้ยงดูลูกตามความต้องการของสามี
แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อลูกๆ โตกันหมดแล้ว แคโรลิน เวลช์ก็ต้องการที่จะออกไปทำงานนอกบ้าน
ในที่สุดความคิดที่สวนทางก็ตกผลึกกลายเป็นการหย่าร้าง
หลังจากนั้น แจ็ก เวลช์ก็กลายเป็นหนุ่มโสดอีกครั้ง แถมยังเป็นโสดชนิดเลี่ยมทองเสียด้วย!
เวลช์เล่าว่า เพื่อนๆ พยายามจับคู่ให้เขากับหญิงมากหน้าหลายตา แต่ก็ไม่ได้ผล
จนกระทั่งวอลเตอร์และแคที ริสตัน (Walter and Kathy Wriston) ได้นัดบอดให้เขาพบกับเจน
บีสลีย์ (Jane Beasley) นักกฎหมาย ซึ่งเชี่ยวชาญทางด้านการควบรวมกิจการ
นัดครั้งนี้มีขึ้น 6 เดือนหลังจากที่เขาหย่ากับภรรยาคนแรก
บีสลีย์เป็นชาวแอละแบมา อายุน้อยกว่าเวลช์ 17 ปี
เธอจบทางด้านกฎหมายจาก Univer-sity of Kentucky โดยที่ตอนนั้นเธอดำรงตำแหน่งเป็นบรรณาธิการของวารสาร
Law Review ด้วย และต่อมาในปี 2527 เธอก็เป็น หนึ่งในทีมนักกฎหมายที่เป็นตัวแทนของ
Standard Oil of California ในการเข้าซื้อกิจการ Gulf Oil มูลค่า 13 ล้าน
4 แสนดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับว่าใหญ่ที่สุดในเวลานั้น
เวลช์บอกว่า ตอนแรกบีสลีย์ไม่ได้คิดถึงเรื่องแต่งงาน แต่หลังจากพูดคุยกันถึงความต้องการของทั้งสองฝ่ายเรื่องก็จบลงด้วยดี...
เวลช์ต้องการหุ้นส่วนชีวิตชนิดเต็มเวลา ซึ่งนอกจากต้องเคียงคู่ออกงานสังคมกับเขาแล้ว
ยังต้องสามารถเล่นกอล์ฟและสกีด้วยกันได้ ขณะที่บีสลีย์ก็ต้องการคู่ชีวิตที่มีเวลาไปฟังโอเปรากับเธอบ้าง
ในที่สุด บีสลีย์ยอมทิ้งอาชีพนักกฎหมายอนาคตไกลมาเป็นภรรยานักธุรกิจใหญ่แบบเต็มเวลา
พร้อมทั้งยอมหัดเล่นกอล์ฟและสกี โดยที่เวลช์ยอมไปฟังโอเปรา
ทั้งคู่แต่งงานกันที่บ้านพักฤดูร้อนของเวลช์ในแมสซาชูเซตส์ ในเดือนเมษายน
2532 โดยลูกชายหญิงทั้ง 4 จากการสมรสครั้งแรกของเวลช์ได้มาร่วมเป็นสักขีพยานในงานด้วย
แจ็ก เวลช์เคยพูดถึงเจนว่าเธอเป็น "หุ้นส่วนชีวิตที่ดีพร้อม"
แจ็กและเจน เวลช์ไม่มีลูกด้วยกัน
และเนื่องจากข้อตกลงก่อนการสมรสของทั้งคู่สิ้นสุดลงเมื่อปี 2542 จึงมีผลให้เจน
เวลช์มีสิทธิ์ในทรัพย์สินของแจ็ก เวลช์ครึ่งหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้มีการประเมินกันหลายกระแส
อาทิ BusinessWeek ระบุว่าน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ
4 หมื่นล้าน บาท ขณะที่นิตยสาร Forbes ซึ่งจัดอันดับ มหาเศรษฐี 400 รายเมื่อเดือนกันยายน
ปีที่แล้ว อ้างว่าแจ็ก เวลช์มีทรัพย์สินอยู่ 680 ล้าน ดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ
3 หมื่นล้านบาท ในชั้นต้นนี้ ทนายของฝ่ายหญิงเชื่อว่า การหย่าร้างน่าจะดำเนินไปด้วยดี
แต่กระนั้น ก็ไม่ขอพูดถึงรายละเอียดของการเจรจาโดยอ้างว่ายังเร็วเกินไป
******
สำหรับม่ายสาวลูก 4 ซูซี เวตลอเฟอร์...
เธอจบการศึกษาจาก Harvard Business School (HBS) และเคยเป็นที่ปรึกษา ของ
Bain & Co. รวมทั้งเคยทำงานเป็นผู้สื่อข่าวให้ กับ Miami Herald และ
Associated Press (AP)
เวตลอเฟอร์ร่วมงานกับ HBR ในปี 2536 ในฐานะบรรณาธิการอาวุโส ก่อนที่จะขึ้นเป็นบรรณาธิการของ
HBR ในเดือนตุลาคม 2543 โดยเธอเป็นตัวจักรสำคัญที่ทำให้ HBR ปรับเวลาในการออกวางจำหน่ายจากเดือนเว้นเดือนมาเป็นออกวางจำหน่ายทุกเดือน
ปัจจุบัน HBR มียอดพิมพ์จำหน่าย 240,000 เล่ม โดยผู้อ่านส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจ
ระดับสูงของทุกมุมโลก
ความสัมพันธ์ที่เหมือนดั่งนิยายเรื่องนี้เริ่มเมื่อปลายปีที่แล้ว...
เมื่อบรรณาธิการสาวของ HBR ติดต่อ ขอสัมภาษณ์พิเศษนักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่
ทีแรก แจ็ก เวลช์ปฏิเสธ แต่แล้วเกิดเปลี่ยนใจ เนื่อง จากทราบว่าทาง HBR ยอมให้ผู้ถูกสัมภาษณ์ได้อ่านและแก้ไขเนื้อหาก่อนตีพิมพ์ได้
หลังจากสัมภาษณ์กันแล้วก็มีเรื่องให้ต้องเจรจาเป็นลูกติดพันตามมา
เวลช์บอกว่า เขาไม่พอใจร่างแรกของบทสัมภาษณ์ และเนื่องจากความเห็นไม่ตรงกัน
ทำให้เขาโต้เถียงกับเวตลอเฟอร์อย่างดุเดือดหลายครั้งหลายหน ขณะเดียวกัน บรรณาธิการสาวก็หัวเสียที่เวลช์แก้ไขบทสัมภาษณ์จนเหมือนกับว่าเขาเขียนมันเอง
แต่ แล้วความสัมพันธ์ที่เสมือนพ่อแง่แม่งอนก็แปรผันกลายเป็นโรแมนติก หลังการนัดถ่ายภาพและเลี้ยงอาหารกลางวันที่นิวยอร์ก
เวตลอเฟอร์เล่าให้เพื่อนร่วมงานฟังถึงความสัมพันธ์พิเศษนี้
และแล้ววันหนึ่งเจน เวลช์ได้โทรศัพท์ หาเวตลอเฟอร์พร้อมกับถามว่า ในเมื่อมีความสัมพันธ์กับสามีของเธอขนาดนี้แล้วยังจะเป็นกลางได้อีกหรือ
จุดนี้เองที่ทำให้เวตลอเฟอร์ขอถอนบทสัมภาษณ์แจ็ก เวลช์ จนร้อนถึงผู้บริหารของนิตยสาร
HBR ต้องส่ง ระดับบรรณาธิการอีก 2 คนไปสัมภาษณ์แจ็ก เวลช์ใหม่เพื่อนำมาตีพิมพ์ให้ทันกำหนดเวลาที่วางไว้
ต่อมา ซูซี เวตลอเฟอร์ขอลาออกจาก ตำแหน่งบรรณาธิการ HBR แต่ยังคงมีตำแหน่ง
เป็น editor-in-chief ของนิตยสารต่อไป ผลที่ตามมาก็คือ มีระดับบรรณาธิการ
HBR ประท้วงด้วยการลาออก 2 คน โดย 1 ในจำนวนนั้นบอกว่า เขามีความไม่ลงรอยกับเวตลอเฟอร์และฝ่ายบริหารของ
HBR มาก่อนหน้านี้แล้ว
เวลานี้ ยังไม่มีข่าวความคืบหน้าในความสัมพันธ์ระหว่างเวลช์กับเวตลอเฟอร์
ขณะเดียวกัน ก็ไม่มีคำตอบสำหรับชีวิตรักของเวลช์ในอนาคต
เรื่องนี้อาจทำให้หลายคนผิดหวังกับ กูรูทางธุรกิจผู้นี้อยู่บ้าง
อย่าผิดหวังไปเลยค่ะ...
เนื้อแท้ของกูรูก็คือมนุษย์ปุถุชน!