Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน17 กุมภาพันธ์ 2548
"ปูนกลาง" เดินกำลังผลิตเต็มพิกัดหวังโต15%             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน)

   
search resources

ปูนซีเมนต์นครหลวง, บมจ.
Cement




"ปูนกลาง" เดินกำลังการผลิตเต็มพิกัด คาดผลิตปูน 14 ล้านตันต่อปี ตั้งเป้า ปี 48 โต 11-15% ขายในประเทศ 8.5 ล้านตัน พร้อมเพิ่มยอดส่งออกเป็น 4 ล้านตัน เชื่อโครงการรัฐ-ธุรกิจอสังหาฯโต หนุนการใช้ปูนเพิ่มเตรียมทุ่ม 420 ล้าน ผุดแพลนปูนเพิ่มกว่า 20 แห่งทั่วประเทศ

นายลีโอ มิทเทลโฮลเซอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือปูนกลาง (SCCC) เปิดเผยถึงผลประกอบการของบริษัทว่า ในปี 2547 บริษัทมีรายได้จากการขายสุทธิ 20,772 ล้านบาท มีอัตราการเติบโต 20% เมื่อเทียบกับปี 2546 ที่มีรายได้จากการขาย 17,469 ล้าน บาท กำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีเงินได้ และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ปี 2547 เท่ากับ 7,256 ล้านบาท สูงกว่าปี 2546 ที่ 6,018 ล้านบาท ถึง 21% และมีกำไรสุทธิจำนวน 4,141 ล้านบาท คิดเป็นโต 26% เมื่อเทียบกับปี 2546 ที่ทำได้ 3,288 ล้านบาท

"รู้สึกพอใจในตัวเลขผลประกอบการของบริษัทปี 2547 แม้ว่าจะไม่ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากมีปัจจัยลบหลายด้าน ซึ่งจากผลประกอบการดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทสามารถทำกำไรได้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 5 ปีซ้อน โดยผลประกอบการล่าสุดของบริษัทปรับตัวสูงขึ้นถึง 4 เท่าตัวจากปี 2543 ที่มีกำไรเพียง 943 ล้านบาทเท่านั้น" นายลีโอกล่าว

ทั้งนี้ จากผลกำไรดังกล่าวบริษัทเตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติในเดือน มีนาคมในการจ่ายปันผลงวดสุดท้ายปี 2547 ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทจ่ายเงินปันผลเฉพาะกาลไปแล้ว 6 บาทต่อหุ้น เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2547 อย่างไรก็ตามบริษัทได้จ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นจำนวน 9 บาทต่อหุ้น ในปี 2546 และ 8 บาทต่อหุ้นในปี 2545 สำหรับผลการดำเนินงานของ บริษัทในปี 2547 มียอดจำหน่ายปูนซีเมนต์และปูนเม็ดทั้งสิ้น 10.4 ล้านตัน แบ่งเป็นยอดจำหน่ายในประเทศ 7.1 ล้านตัน ยอดจำหน่าย ต่างประเทศ 3.3 ล้านตัน ถือเป็นอันดับ 2 ของตลาด โดยกำลังการผลิตทั้งประเทศในปีที่ผ่านมามีจำนวน 36.7 ล้านตัน จากทั้ง 5 บริษัทปูน แบ่งเป็นขายในประเทศ 25.5 ล้านตัน ส่งออก 11.2 ล้านตัน ซึ่งเทียบการบริโภคปูนของประชากร ทั้งประเทศเฉลี่ยสูงสุด 670 กิโลกรัม/คน/ปี และคาดว่าจะมีแนว โน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นจากแนวโน้มของธุรกิจจากอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค พื้นฐานภาครัฐ ที่คาดว่าจะมีเงินลงทุนกว่า 1.5 แสนล้านบาท ภายใน 4-5 ปีข้างหน้า ซึ่งบริษัทคาดว่าจะมีแชร์ในโครงการดังกล่าว ประมาณ 28%

อย่างไรก็ดี ในไตรมาส 4 ปี 2547 ความต้องการปูนซีเมนต์และปูนเม็ดเพิ่มขึ้นมาก ส่งผลให้บริษัทต้องเปิดโรงงานที่ 1 อีกครั้ง หลังหยุดการผลิตโรงงานดังกล่าวมาเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นการขยายกำลังผลิตเต็มที่เพื่อให้ทันความต้องการปัจจุบัน โดยบริษัทจะมีกำลังผลิตปูนซีเมนต์ 14.5 ล้านตันต่อปี แต่คาดว่าจะสามารถผลิตได้ประมาณ 12.5-14 ล้านตันต่อปีเท่านั้น

ปี 2548 บริษัทตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 11-15% เป้ายอดขายในประเทศ 8.5 ล้านตัน และส่งออก 4 ล้านตัน นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายแพลนปูนเพิ่มอีกกว่า 20 แพลนทั่วประเทศ จากเดิมที่มีอยู่จำนวน 40 แพลนทั่วประเทศ โดยคาดว่าจะใช้งบลงทุนประมาณ 420 ล้านบาท

นายมิทเทลโฮลเซอร์กล่าวว่า ทั้งนี้การเพิ่มกำลังการผลิตเต็มพิกัดดังกล่าว นอกจากจะมีสาเหตุมาจากความต้องการแล้ว ยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายการที่ราคาวัสดุและค่าขนส่งปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่ราคาปูนในปัจจุบันถือว่าถึงจุดสูงสุดแล้ว และยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะปรับขึ้นอีกหรือไม่ เพื่อเป็นการลดค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานในการดูแลเครื่องจักร บริษัทจึงได้เดินกำลังการผลิตเต็มกำลังดังกล่าว

"ด้านต้นทุนพลังงานและการขนส่ง เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมโดยรวมปีที่ผ่านมา ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องในปีนี้ด้วย โดยราคาขายปูนซีเมนต์ในตลาดยังคงไม่เปลี่ยนแปลง การผลิตเต็มกำลังผลิตจึงสำคัญต่อการลด ค่าใช้จ่ายต้นทุน (economies of scale) รวมทั้งนำโครงการเชื้อเพลิง และวัตถุดิบทดแทน (Alternative Fuels and Raw Materials-AFR) ใช้เพื่อจะควบคุมต้นทุนเชื้อเพลิง ซึ่งในปี 2547 โครงการ AFR ทำให้บริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายพลังงานได้ถึง 6% ขณะนี้บริษัทตั้งหน่วยงานเฉพาะเพื่อดูแลให้เกิดประโยชน์สูงสุด จากโครงการ AFR" นายมิทเทลโฮลเซอร์กล่าว

นายมิทเทลโฮลเซอร์กล่าวอีกว่า "บริษัทในเครือของเรามีผลดำเนินงานดีปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คอนวูด (ConWOOD) ผู้ผลิตวัสดุที่นำมาใช้ทดแทนไม้นานาชนิดที่ได้รับการตอบสนองอย่างดีจากตลาดต่อเนื่อง เราจึงเพิ่มการลงทุนบริษัทดังกล่าวเพื่อเพิ่มกำลังผลิตเป็น 2 เท่า คือกำลังผลิต ถึง 90,000 ตันภายในกลางปีนี้

"เรายังพอใจกับการเติบโตในธุรกิจคอนกรีตสำเร็จรูป โดยธุรกิจนี้เติบโตปีที่แล้วประมาณ 30% ซึ่งคาดว่าจะเติบโตระดับเดียวกันปีนี้ พร้อมกันนี้ เราจะพยายามขยายตลาดบริษัท นครหลวงคอนกรีต เพื่อเพิ่มมูลค่าบริการของเราแก่ลูกค้า"   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us