Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน16 กุมภาพันธ์ 2548
"เพอร์เฟค" จ่อคิวออกหุ้นกู้-B/Eหวังเม็ดเงิน1,450ล้าน เสริมทุนหมุนเวียน-ซื้อที่ดิน             
 


   
www resources

โฮมเพจ พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค

   
search resources

พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค, บมจ.
Real Estate




"เพอร์เฟค" เตรียมออกบอนด์และตั๋วสัญญาใช้เงินอีก 1,450 ล้านบาท เพื่อนำมาเป็นเงินทุนหมุนเวียนและซื้อที่ดินเพิ่ม มีแผนลดหนี้สินต่อทุนให้มาอยู่ที่ 1/1 จากที่ปัจจุบันอยู่ที่ 1.4 ต่อ 1 คาดปีนี้อาจจ่ายเงินปันผลได้ พร้อมปรับแบรนด์ใหม่ หวังปรับโฉมบริษัทหันใช้คอนเซ็ปต์ "บ้านคนเมือง" ลดสินค้าเหลือ 3 แบรนด์

นายชายนิด โง้วศิริมณี กรรมการผู้จัดการบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุนให้เหลือ 1 ต่อ 1 จากที่ปัจจุบันมีหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 1.4 ต่อ 1 รวมทั้งบริษัทจะออกตั๋วสัญญาใช้เงิน (ตั๋วบีอี) มูลค่า 1,000 ล้านบาท ในไตรมาส 2 ของปีนี้ และออกหุ้นกู้ มูลค่า 450 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3 เพื่อนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ภายในบริษัท และเพื่อนำมาซื้อที่ดินใหม่ เน้นทำเลย่านสุวรรณภูมิ ทั้งนี้ตั๋วบีอีดังกล่าวมีอายุ 9 เดือน และหุ้นกู้จะมีอายุ 2.5 ปี ซึ่งภายหลังการออกหุ้นกู้และตั๋วสัญญาใช้เงินแล้วจะทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทอยู่ที่ 4%

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะรีแบรนด์ใหม่ ล่าสุดได้ปรับเปลี่ยนโลโก้ของบริษัทใหม่ให้มีความทันสมัยมากขึ้น โดยใช้ตัวอักษรตั้งอยู่บนพื้นสีน้ำเงิน และมีสีแดงขีดด้านล่าง เพื่อให้สินค้ามีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น ซึ่งการปรับโฉมครั้งใหม่นี้จะทำให้บริษัทปรับสินค้าเหลือเพียง 3 แบรนด์เท่านั้น คือ เพอร์เฟค พาร์ค เจาะระดับราคาบ้านที่ 3-5 ล้านบาท, เพอร์เฟค เพลส ระดับราคาบ้านที่ 4-7 ล้านบาท และเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ ระดับราคาบ้าน 8-15 ล้านบาท ส่วนแบรนด์ มณีรินทร์ นั้นจะยกเลิกหลังจากที่ปิดการขายในโครงการที่เหลืออยู่

อย่างไรก็ตาม การรีแบรนด์ดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดการดำเนินงานของบริษัทที่มุ่งชูแนวคิด (คอนเซ็ปต์) "บ้านคนเมือง" ที่ต้องการตอกย้ำจุดเด่นของบริษัทที่มีที่ดินส่วนใหญ่อยู่แนวรถไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเป็นหลัก ทั้งย่านรัตนาธิเบศร์ พระราม 5 รามคำแหง ศรีนครินทร์ รวมทั้งสาทรตัดใหม่ หรือโดยรวมแล้วบริษัทมีที่ดินที่ติดแนวรถไฟฟ้าทั้งสิ้น 2,500 ไร่ ถือว่ามากที่สุดในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ โดยจำนวนที่ดินดังกล่าวจะรองรับการพัฒนาไปได้อีก 4-5 ปี

นายชายนิดกล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะเปิดโครงการใหม่รวม 7 โครงการ มูลค่า 10,317 ล้านบาท ไม่รวมโครงการเดิมที่มีสินค้าพร้อมขายอยู่บางส่วนด้วย โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 7,000 ล้านบาท ไม่รวมยอดขายอีก 2,000 ล้านบาท ของบริษัท กรุงเทพ บ้านและที่ดิน จำกัด

โดยโครงการใหม่ 7 โครงการ ดังกล่าวได้แก่ โครงการ เพอร์เฟค พาร์ค 2 โครงการ คือ เพอร์เฟค พาร์ค รัตนาธิเบศร์ และเพอร์เฟค พาร์ค รามคำแหง ส่วนโครงการเพอร์เฟค เพลส มี 3 โครงการ คือ เพอร์เฟค เพลส พระราม 5, เพอร์เฟค เพลส รามคำแหง และ เพอร์เฟค เพลส รัตนาธิเบศร์ และโครงการเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ 2 โครงการ คือ เพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ รัตนาธิเบศร์ และเพอร์เฟค มาสเตอร์พีซ สาทร

"บริษัทจะเน้นบ้านสร้างก่อนขายประมาณ 90% ส่วนอีก 10% เป็นบ้านสั่งสร้าง โดยจะมีสินค้าในสต๊อกประมาณ 700 ยูนิต ทั้งนี้แม้จะเป็นบ้านสร้างก่อนขาย ทางบริษัทจะไม่ไดรับผลกระทบจากราคาวัสดุก่อสร้างที่จะปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีการสั่งสร้างบ้านเป็นล็อตใหญ่ ทำให้ได้ราคาส่วนลดค่อนข้างมาก อีกทั้งต้นทุน การก่อสร้างคิดเป็นเพียง 30% ของต้นทุนการสร้างบ้านทั้งหมด อีกทั้งบริษัทยังจะสามารถยืนราคาขายบ้านในราคาเดิมได้ไปอีกถึงกลางปีนี้แน่นอน" นายชายนิด กล่าว

สำหรับผลประกอบการของบริษัทนั้น บริษัทมียอดขาย 4,800 ล้านบาท สูงกว่าปี 2546 ประมาณ 37% ที่มียอดขายเพียง 3,500 ล้านบาท ส่วนยอดรับรู้รายได้อยู่ที่ 4,127 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,016 ล้านบาท และคาดว่าในปี48 คาดจะมีกำไรปกติประมาณ 1,200 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลประกอบการที่ต่ำกว่าเป้าเล็กน้อยแต่ก็น่าพอใจ เพราะในปีที่ผ่านมาไม่ได้มีมาตรการที่มาช่วยกระตุ้นยอดขายมากนัก ทั้งนี้ในปีนี้คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นได้ แต่ทั้งนี้จะต้องประชุมคณะกรรมการก่อนว่าจะอนุมัติหรือไม่ และหากจ่ายไม่น่าจะเกิน 50% ของกำไรสุทธิ

นายชายนิดกล่าวว่า ในส่วนของ บ.กรุงเทพบ้านและที่ดินนั้นขณะนี้กำลังหาผู้ร่วมทุนใหม่ โดยกลุ่มทุนใหม่ดังกล่าวเป็นกลุ่มทุนจากสิงคโปร์ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะเปิดตัวได้ในเดือนมีนาคมนี้ ส่วนการยื่นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นั้นได้มีการยื่นไฟลิ่งไปแล้วตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งในส่วนของบริษัทจะยังคงถือหุ้นในสัดส่วน 30% นายธงชัย คุณากรปรมัตถ์ ถือในสัดส่วนประมาณ 20%   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us