Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ พฤษภาคม 2545








 
นิตยสารผู้จัดการ พฤษภาคม 2545
"รสิกคาม" เรือนของผู้ชื่นชอบศิลปะ             
โดย อรวรรณ บัณฑิตกุล
 


   
search resources

รสิกคาม




จากทางเดินที่เป็นสะพานไม้เล็กๆ ริมน้ำได้ถูกเชื่อมต่อไปยัง เรือน "รสิกคาม" เรือนสำหรับผู้ชื่นชอบงานศิลปะ ในโรงเรียนรุ่งอรุณ

"รสิกคาม" เป็นห้องเรียนศิลปะ และแกลลอรี่ในโรงเรียน ที่นอกจากมีรูปลักษณ์ภายนอกแปลกตาแล้ว กระบวนการเรียนรู้ของเด็กๆ ที่นี่ก็ผ่านวิธีการสอนที่น่าสนใจอย่างมากๆ ทีเดียว

ตัวอาคารเรียนนั้นเป็นบ้านเรือนไทยหลังใหญ่สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง หลังคามุงด้วยจากที่เย็บอัดกันแน่นกันฝนกันแดดได้อย่างดี ตัวเรือนเปิดฝาโล่งให้ลมพัดผ่านได้เต็มที่ มีพัดลมเป็นบางจุดบนเพดาน และเสาบางต้น รสิกคามมีทั้งหมด 3 หลังเชื่อมต่อถึงกันด้วยชานบ้านและทางเดินที่มีราวระเบียง ไม้ไผ่ ริมทางเดินมีทั้งต้นโมก ต้นปาล์ม และไม้ในร่มอื่นๆ ดูร่มรื่นเย็นตา

"รสิก" แปลว่า ผู้รู้รสศิลปะ "คาม" แปลว่า บ้าน รสิกคาม คือ บ้านของผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะ แต่เดิมห้องเรียนวิชานี้ก็อยู่ภายในห้องเรียนเหมือนโรงเรียนทั่วไป แต่เมื่อประมาณ 3-4 ปีก่อน ครูสอนศิลปะและผู้บริหารโรงเรียนรุ่งอรุณ ได้แนวคิดที่ชัดเจนขึ้นว่าการเรียนศิลปะนั้นนอกจากจะทำให้เด็กรับรู้ความงามด้วยการมอง การฟัง และลงมือทำสิ่งอันประณีตแล้ว สิ่งที่จะต้องแทรกไว้ เสมอในทุกช่วงจังหวะการสอนก็คือ ความงามจากธรรมชาติ ห้องเรียนท่ามกลางธรรมชาติเลยเกิดขึ้น โดยมีผู้อำนวยการ โรงเรียน คือ รศ.ประภาภัทร นิยม เป็นผู้ร่วมออกแบบ

เด็กๆ จะนั่งเรียนกันบนพื้นไม้กระดานที่ยกพื้นขึ้นมาเหมือนบ้านไทยในชนบท เมื่อยนักก็นั่งวาดนอนวาดบรรเลงสีกัน ได้เต็มที่ เด็กนักเรียนตั้งแต่ชั้นประถมถึงมัธยมต้น ซึ่งมีเพียงห้องละไม่เกิน 25 คน จะมีชั่วโมงเรียนในห้องเรียนแห่งนี้เฉลี่ยแล้วสัปดาห์ละ 1.30 ชม. ส่วนมัธยมปลาย จะมีชั่วโมงเลือกเพิ่มขึ้นมาด้วย

หลักสูตรหลักๆ ในระดับประถมก็คือ การเรียนสีน้ำ การปั้นดิน งานถัก งานทอ งานทอผ้า งานไม้ งานภูมิปัญญาชาวบ้าน

เรือนไม้ริมสุดยังเป็นที่สำหรับงานปั้นที่นักเรียน ซึ่งบางครั้งผู้ปกครองก็สามารถเข้ามาร่วมได้ด้วยในชมรมปั้นทุกเย็นวันอังคาร แต่การเชื่อมโยงสู่ความมหัศจรรย์ของธรรมชาติใกล้ตัว ของวิชานี้เกิดขึ้นได้เมื่อเด็กๆ สามารถลงไปขุดดินดำๆ เละๆ ริมน้ำของห้องเรียน มาเลือกขี้กรวด ขี้ทรายออก นวดแล้วก็ปั้น หลังจากเลอะเทอะไปทั้งครู และลูกศิษย์แล้ว เด็กๆ ถึงจะมีโอกาสได้ปั้นกับดินวิทยาศาสตร์อื่นๆ ในชั่วโมงต่อๆ มา

เมื่อเป็นห้องเรียนใหญ่ที่เปิดโล่ง การใช้ประโยชน์จากเรือนนี้ก็สามารถทำได้เต็มที่และหลากหลาย ในช่วงเช้าของแต่ละวัน จะไม่มีชั่วโมง เรียนห้องเรียนสามารถเปลี่ยนเป็นแกลลอรี่ ที่โชว์ผลงานของเด็กๆ ของครู หรือผู้ปกครอง และในแต่ละปีจะมีการประกวดผลงานของนักเรียนอย่างชื่องานในปีนี้ก็คือ "ผลิดอกออกผล"

และที่สำคัญยังสามารถเชิญศิลปินที่มีชื่อเสียง มาสอนและให้ความรู้กับเด็กๆ รวมทั้งโชว์ผลงานของแต่ละท่านด้วย เช่น ท่านอังคาร กัลยาณพงศ์, อาจารย์เกริก ยุ้นพันธ์, โชคชัย ตักโพธิ์, นายดี ช่างหม้อ และล่าสุดก็คือ มีการแสดงภาพวาดของอาจารย์อคิน ระพีพัฒน์

กิจกรรมต่างๆ พวกนี้มีผลอย่างมากในการซึมซับงานศิลปะ และเป็นการกระตุ้นให้เด็กๆ มีความมั่นใจ และมีความกล้าในการทำงานของตัวเองมากขึ้น

"ทุกครั้งที่มีศิลปินใหญ่ๆ มา ทั้งนักเรียน และครูจะตื่นเต้น กันมากครับ เป็นการสร้างแรงจูงใจที่ชัดเจนมากได้ฟังเขาพูดแล้วเห็นผลงานเขาอีก ผมเชื่อว่าการเรียนศิลปะนั้นสิ่งที่สำคัญมากคือ การดู เพราะว่า เราจะทำงานได้ดีนั้นจากตัวเราที่เราจะเขียนออกมาส่วนหนึ่ง ส่วนประสบการณ์ในการดู จะช่วยให้เรากล้าทดลอง หรือกล้าทำตาม กล้าจะเล่นสี กล้าครีเอทีฟมากขึ้น"

อาจารย์พิษณุ หรือ "ครูนุ" ของนักเรียนพูดให้ความเห็นกับ "ผู้จัดการ" ในยามสายของวันหนึ่งที่ชานเรือนรสิกคาม ซึ่งเซ็งแซ่ไปด้วยเสียงร้องของจักจั่น

ครูนุ จบจาก มศว.ประสานมิตร ด้านศิลปะ เริ่มต้นชีวิตการ ทำงานในโรงเรียนแห่งนี้ การมีแกลลอรี่ทำให้ครูเองก็ได้ทำงานด้วย ได้แสดงผลงานด้วย และยังได้มีโอกาสเรียนรู้งานจากศิลปินด้วย

อย่างไรก็ตาม กิจกรรมพวกนี้ จะจัดได้ในช่วงเทอมที่ 3 คือ ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคมเท่านั้น เพราะมีข้อจำกัด ของสถานที่ที่โล่งมาก จัดกิจกรรมหน้าฝนจะลำบาก และในชั่วโมง เรียนปกติ ศิลปะก็ยังสัมพันธ์กับหน่วยการเรียนในวิชาต่างๆ ของแต่ละชั้นด้วย เพราะผู้สอนต้องการให้นักเรียนได้ใช้ศิลปะในการ ใช้ชีวิตจริงอย่างมีความสุขด้วย

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us