Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน15 กุมภาพันธ์ 2548
ไทยออยล์ควักทุนเพิ่มปีนี้8พันล.             
 


   
www resources

โฮมเพจ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน)

   
search resources

ไทยออยล์, บมจ.
Energy




ไทยออยล์เงินล้น ควัก 8 พันล้านบาท ลงทุน 3 โครงการ ส่วนขยาย CDU-3 ทุ่นรับน้ำมันกลางทะเล และขยายพาราไซลีนในปีนี้ กระจายความเสี่ยงจากความผันผวนค่าการกลั่นในอนาคต ตั้งเป้ารายได้เพิ่ม 5% มั่นใจสัดส่วนกำไรจากบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นเป็น 10% พร้อมหารือเอสโซ่สร้าง Synergy ร่วมกัน บอร์ดไทยออยล์ตอบแทนผู้ถือหุ้น ประกาศจ่ายปันผลหุ้นละ 1.80 บาท หรือ 25% ของกำไรสุทธิ 1.5 หมื่นล้านบาท

นายปิติ ยิ้มประเสริฐ กรรมการอำนวยการ บริษัทไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) (TOP) เปิดเผยแผนการดำเนินงานในปี 2548 ว่า บริษัทมีแผนใช้เงินลงทุนในปีนี้ 150-200 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6,000-8,000 ล้านบาท โดยจะขยายกำลังการผลิตในธุรกิจปิโตรเลียมและการขนส่งน้ำมันทางทะเล เพื่อกระจายความเสี่ยงจากค่าการกลั่นที่มีความผันผวน ทำให้บริษัทจะรับรู้กำไรจากการดำเนินงานของบริษัทย่อยในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 10% จากปีที่แล้ว 6% ของกำไรรวม และใน 4 ปีข้างหน้าสัดส่วนกำไรจะมาจากบริษัทย่อย 30-40% ของกำไรรวม

ในปีนี้บริษัทจะลงทุนในโครงการเพิ่มกำลังการกลั่นน้ำมันดิบที่ 3 (CDU-3) เพื่อเพิ่มกำลังผลิตอีก 50,000 บาร์เรล/วัน เป็น 2.7 แสนบาร์เรล/วัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมเปิดประมูลก่อสร้าง คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ไตรมาส 3/2548 และแล้วเสร็จในไตรมาส 4/2549 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 100 ล้านเหรียญสหรัฐ ตลอดเวลาโครงการ 2 ปี รวมทั้งโครงการทำทุ่นรองรับน้ำมันกลางทะเล ซึ่งจะเป็นท่อขนาด 52 นิ้ว ความยาว 16 กม. รองรับเรือบรรทุกน้ำมันขนาด 2 ล้านบาร์เรล ใช้เงินลงทุนรวม 2 ปีประมาณ 150 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2549

นอกจากนี้ ยังมีโครงการขยายกำลังการผลิตพาราไซลีนของบริษัทไทยพาราไซลีน จำกัด (TPX) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยเพิ่มขึ้นเป็น 4.07 แสนตัน/ปีจากเดิมที่มีกำลังการผลิตอยู่ 3.48 แสนตัน/ปี คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 40 ล้านเหรียญสหรัฐ จะแล้วเสร็จในปี 2549 หลังจากเมื่อเร็วๆ นี้ได้มีการเปลี่ยนสารเร่งปฏิกิริยาตัวใหม่ทำให้มีกำลังการผลิตพาราไซลีนเพิ่มขึ้นอีก 6 หมื่นตัน/ปี ทั้งนี้กำลังศึกษาที่จะขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 8 แสนตัน/ปีด้วย

ขณะเดียวกัน บริษัทได้เตรียมเจรจากับโรงกลั่นเอสโซ่ เพื่อที่จะร่วมมือกันในการสั่งซื้อน้ำมันดิบรวมทั้งใช้ JETTY ร่วมกัน เพื่อให้เกิด Synergy ประหยัดต้นทุน เหมือนกับโรงกลั่นเชลล์กับโรงกลั่นคาลเท็กซ์ที่ได้มีการร่วมมือกันก่อนหน้านี้ โดยเมื่อต้นปี 2547 ทางเอสโซ่ได้หารือกับไทยออยล์ในเรื่องดังกล่าว แต่เนื่องจากไทยออยล์เตรียมตัวที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้ชะลอการเจรจาไปก่อน

สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้ นายปิติกล่าวว่า จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 5% จากปีที่แล้วที่มีรายได้จากการขาย 184,801 ล้านบาท เป็นรายได้จากการเพิ่มกำลังการผลิตพาราไซลีนของ TPX อีก 6 หมื่นตัน/ปี และรายได้จากการขายไฟฟ้าของบริษัท ผลิตไฟฟ้าอิสระ จำกัด (IPT) ที่คาดว่ามี.ค.นี้จะเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต 700 เมกะวัตต์ ซึ่งตั้งเป้าปีนี้ไทยออยล์จะรับรู้กำไรจาก IPT ประมาณ 1,200-1,500 ล้านบาท รวมทั้งจะหันมาขายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในประเทศเพิ่มมากจากเดิมที่ส่งออกประมาณ 10% ของกำลังการผลิต ซึ่งการขายในประเทศจะสูงกว่าส่งออกที่ต้องมีภาระค่าขนส่งอยู่

ส่วนค่าการกลั่นในปีนี้น่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่ดีอยู่ใกล้เคียงปีที่แล้ว 7.5 เหรียญ/บาร์เรล เนื่องจากกำลังการกลั่นในภูมิภาคเอเชียยังตึงตัวอยู่ ขณะที่แนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกน่าจะมีความผันผวนน้อยกว่าปีที่แล้ว คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบจะอยู่ที่ 30-35 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานงวดปี 2547 ไทยออยล์มีรายได้จากการขาย 184,801 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 15,073 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 123% เนื่องจากราคาน้ำมันและกำไรจากการกลั่นน้ำมันขั้นต้น (GRM) ที่สูงขึ้นมาอยู่ที่ 7.49 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มจากปี 46 ที่ GRM อยู่ที่ 3.38 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดังนั้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทจึงมีมติให้จ่ายเงินปันผลประจำปีหุ้นละ 1.80 บาท หรือคิดเป็น 25% ของกำไรสุทธิ เนื่องจากบริษัทได้พิจารณาจากสถานะการเงินของบริษัท รวมทั้งประเมินการจ่ายปันผลของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นในภูมิภาคนี้เป็นเกณฑ์ โดยจะจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้น ณ ทะเบียนวันที่ 7 เม.ย. 2548   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us