Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน15 กุมภาพันธ์ 2548
ฉะ "หม่อมอุ๋ย"เลือกปฏิบัติ ฟ้องบิ๊กกรุงไทย-ชี้ธปท.มีพิรุธ             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารแห่งประเทศไทย
โฮมเพจ ธนาคารกรุงไทย

   
search resources

ธนาคารกรุงไทย
ธนาคารแห่งประเทศไทย
วิโรจน์ นวลแข
ปรีดิยาธร เทวกุล, ม.ร.ว.
Banking




"สุชาติ-วิโรจน์" ประสานเสียงโต้แบงก์ชาติเลือกปฏิบัติ เหตุแจ้งความเอาผิดบิ๊กแบงก์กรุงไทยแค่ 3 คนทั้งๆ ที่บอร์ดบริหารมี 5 คน "วิโรจน์" ยันปล่อยสินเชื่อลูกหนี้ทั้ง 3 กรณีตามขั้นตอน "หม่อมอุ๋ย" อ้างเหตุละเว้นบอร์ด 2 คน เพราะต้องกันเป็นพยานและให้ข้อมูลเป็นประโยชน์ ส่วนสาเหตุการฟ้องเพราะกลัวถูกกล่าวหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มั่นใจเก้าอี้ผู้ว่าฯยังอยู่ นายกฯชี้ลูกหนี้ทั้ง 3 รายไม่ใช่หนี้เสีย นักกฎหมายเผยธปท. มีพิรุธไม่ร้องทุกข์ ป.ป.ช.โดยตรง

จากกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งความดำเนินคดีกับกรรมการผู้บริหารและบุคคลภายนอก ข้อหาสร้างความเสียหายให้ธนาคารกรุงไทยนั้น วานนี้ (14 ก.พ.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าฯธปท. ได้รายงานให้ทราบแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นและเป็นหน้าที่ของธปท.กับกระทรวงการคลังต้องทำงานร่วมกัน เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อธนาคารกรุงไทย ที่สำคัญหนี้ดังกล่าวยังไม่ใช่หนี้เสีย (เอ็นพีแอล)

"สินเชื่อที่มีการปล่อยไป ธนาคารกรุงไทยได้กันสำรองไว้แล้ว เชื่อว่ายังไม่ถึงขึ้นเป็นหนี้เสีย เพียงแต่การปล่อยสินเชื่ออาจไม่เหมาะสม" พ.ต.ท.ทักษิณยังกล่าวด้วยว่านายวิโรจน์เองก็ได้ฟ้องร้องผู้ว่าฯธปท.ต่อศาลปกครอง ดังนั้นก็ต้องต่อสู้กันตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป

ทั้งนี้ คดีที่ธปท.แจ้งความดำเนินคดีแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1 ที่เป็นกรรมการและผู้บริหารธนาคารกรุงไทย เข้าข่ายปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และหรือโดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ธนาคาร กับส่วนที่ 2 เป็นบุคคลภายนอก ถูกฟ้องในฐานะที่ร่วมกับเจ้าพนักงานหรือสนับสนุนเจ้าพนักงานในการกระทำความผิด เข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดพนักงานองค์กรหรือหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2502 พ.ร.บ.ธนาคารพาณิชย์ พ.ศ.2505 ประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.หลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 และพ.ร.บ. บริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535

โดยลูกหนี้ 3 กรณีจาก 12 กรณี ประกอบด้วยลูกหนี้รายที่ 1 เป็นกรณีให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้ซึ่งเป็นบริษัทโกลเด้นเทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด ซึ่งไม่อยู่ในฐานะหรือไม่มีความสามารถในการชำระหนี้คืนให้กับธนาคารกรุงไทยได้ โดยให้กู้ยืมเงินเป็นจำนวนสูงถึง 9,900 ล้านบาท และยังเปิดโอกาสให้ลูกหนี้นำเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ของการขอสินเชื่อจำนวนประมาณ 3,500 ล้านบาทเศษ เป็น การเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มบริษัทซึ่งประกอบกิจการเกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และบุคคลที่เป็นพวกพ้องทำให้ธนาคารได้รับความเสียหาย

ลูกหนี้รายที่ 2 เป็นกรณีที่มีการขายหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทแกรนด์ คอมพิวเตอร์ แอนด์คอมมูนิเคชั่น จำกัด ซึ่งประกอบกิจการเกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำนวน 1,185 ล้านบาท ซึ่งธนาคารถืออยู่ให้กับบริษัทตัวแทนของบริษัทซึ่งประกอบกิจการเกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว ซึ่งไม่อยู่ในฐานะหรือไม่มีความสามารถในการชำระหนี้คืนธนาคารได้ โดยไม่ได้เรียกให้บริษัทตัวแทนชำระราคาค่าหุ้นทันที แต่ไม่ได้มอบฉันทะให้ไปใช้สิทธิแทนธนาคาร โดยการลงมติเพื่อฟื้นฟูกิจการของบริษัทซึ่งประกอบกิจการเกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในการนี้ทำให้ธนาคารได้รับความเสียหาย โดยไม่ได้รับชำระราคาค่าหุ้นดังกล่าว

และรายที่ 3 กรณีที่ผู้บริหารและพนักงานธนาคาร ไม่ปฏิบัติตามมติของคณะกรรมการบริหารธนาคารทำให้ธนาคารจ่ายเงินสินเชื่อให้แก่กลุ่มลูกหนี้เกินกว่าที่ควรจ่ายจริง โดยไม่รักษาผลประโยชน์ของธนาคาร ทำให้ธนาคารได้รับความเสียหาย และเป็นเหตุให้บุคคลภายนอกคือบริษัทธนบุรีประกอบรถยนต์ ได้รับประโยชน์ที่ไม่ควรได้โดยชอบเป็นเงินประมาณ 600 ล้านบาท

โดยรายชื่อผู้ถูกกล่าวหาเฉพาะลูกหนี้รายแรกมีทั้งสิ้น 11 คน ประกอบด้วย ร.ท.สุชาย เชาว์วิศิษฐ อดีตประธานกรรมการบริหาร, นายมัชฌิมา กุญชร ณ อยุธยา อดีตกรรมการบริหาร, นายวิโรจน์ นวลแข อดีตกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ, นายไพโรจน์ รัตนะโสภา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส, นายประวิทย์ อดีตโต ผู้อำนวยการฝ่าย สินเชื่อ, นางศิริวรรณ ชินอิสระยศ ผู้อำนวยการฝ่ายสินเชื่อ, นายประพันธ์พงศ์ ปราโมทย์กุล หัวหน้าส่วนสินเชื่อ ธนาคารกรุงไทย, นายสุบิน แสงสุวรรณเมฆา, นายบัญชา ยินดี, นายไมตรี เหลืองนิมิตรมาศ และน.ส.วราลี บุนนาค

ส่วนอีก 2 คดี มีทั้งสิ้น 10 คน บางรายซ้ำซ้อน ทั้ง 2 หรือ 3 คดี เมื่อนับรวมทั้ง 3 คดี ทำให้ผู้ถูกกล่าวหารวม 21 ราย อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่าคณะกรรมการบริหารซึ่งมี 5 คน ถูกดำเนินคดี 3 คน ที่เหลืออีก 2 คน คือนายอุตตม สาวนายน (ผู้ช่วยรัฐมนตรีคลัง) และนายชัยณรงค์ อินทรมีทรัพย์ (ตัวแทนจากภาคเอกชน) ไม่โดนดำเนินคดี

"ทั้ง 2 คน ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี ซึ่งทำให้คดีมีนำหนักมากขึ้น ดังนั้นจึงได้กันตัวไว้เป็นพยาน ซึ่งการดำเนินการในลักษณะนี้ทาง ธปท.ก็เคยทำมาแล้วในกรณีของธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ (บีบีซี)และทำให้ชนะในคดีดังกล่าว" ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าฯธปท. อ้างในการแถลงข่าววานนี้

ม.ร.ว.ปรีดิยาธรเปิดเผยว่า ผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการให้สินเชื่อ 12 กรณีของธนาคารกรุงไทยก่อนหน้านี้ ธปท.พบว่ามี 3 กรณี ทำให้ธนาคารกรุงไทยเสียหาย แต่ธนาคารได้กันสำรองเผื่อหนี้สูญไว้เพียงพอแล้ว จึงไม่กระทบกับการทำกำไร และฐานะการเงิน ส่วนลูกหนี้ที่เหลืออีก 9 รายที่ยังไม่ปรากฏหลักฐานว่าเป็นการอนุมัติหรือการปฏิบัติที่เอื้อประโยชน์แก่ลูกหนี้หรือบุคคลภายนอกจนผิดปกติ แต่ถือเป็นหนี้ด้วยคุณภาพที่ต้องทวงถามต่อไป โดยหนี้ทั้ง 9 รายดังกล่าวมีการกันสำรองเผื่อหนี้สูญไว้เพียงพอแล้วเช่นกัน

ผู้ว่าฯธปท.ระบุว่า โทษของคดีมีทั้งทางอาญาและการฟ้องเพื่อได้เงินคืนจากผู้ที่ได้รับประโยชน์ โดยห้ามออกนอกประเทศ แต่ในเรื่องการอายัดทรัพย์นั้น ขณะนี้ได้ส่งเรื่องไปให้ปปง.พิจารณาว่าจะอายัดทรัพย์หรือไม่

"อุ๋ย" เพ้อเชื่อเก้าอี้ผู้ว่าฯยังอยู่

ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าวว่า ก่อนที่จะได้ดำเนินการฟ้องร้อง ตนได้รายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบก่อนแล้ว ซึ่งนายกฯก็รับฟังเป็นอย่างดี และมั่นใจว่าการดำเนินการครั้งนี้จะไม่มีผลต่อตำแหน่งผู้ว่าฯ ธปท. เนื่องจากเป็นการทำตามหน้าที่ ซึ่งหากพบการกระทำที่ผิดก็ต้องดำเนินการ

"ผมทำตามหน้าที่ หากไม่ทำผมก็ไม่สามารถอยู่ในตำแหน่งนี้ได้เพราะจะมีความผิดละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และไม่ดูแลความเสียหายของธนาคารพาณิชย์ ซึ่งกรณีการฟ้องร้องนี้ เมื่อหาหลักฐานเสร็จก็ได้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการประสานงาน ซึ่งอัยการ ตำรวจ ธปท.ผู้เสียหายที่มีปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานซึ่งได้เห็นชอบให้ธปท.กลับมาดำเนินการกล่าวโทษร้องทุกข์ได้"

ผู้บริหารกรุงไทยลาออก

สำหรับตามขั้นตอนการฟ้องร้อง เริ่มจากธปท.จะต้องไปกล่าวโทษกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อให้ดำเนินการสอบสวน และเมื่อสอบสวนเสร็จจะส่งเรื่องต่อให้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) เพื่อกล่าวโทษ จากนั้นก็จะส่งให้สำนักงานอัยการ เพื่อยื่นฟ้องต่อศาล

โดยวานนี้ ผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร กรุงไทยที่ถูกกล่าวโทษและปฏิบัติงานอยู่ในปัจจุบัน ได้มีการขอย้ายจากตำแหน่งเกี่ยวกับสินเชื่อ เพื่อเปิดทางให้ธปท.ดำเนินคดีตามขั้นตอน

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า หากจะมีการฟ้องร้องผู้บริหารที่เป็นข่าวเป็นเรื่องของตัวบุคคล ในขณะที่ธนาคารเป็นนิติบุคคลแยกต่างหากและสินเชื่อที่เป็นข่าวนั้น เป็นเรื่องเก่าที่ธนาคารได้กันสำรองเผื่อหนี้เสียไว้เรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีผลกระทบต่อฐานะของธนาคาร (อ่านรายละเอียดข่าว "อภิศักดิ์" ลั่นปรับใหญ่ ดันกรุงไทยสู้แข่งขัน)

"สุชาติ" ข้องใจ "อุ๋ย" เลือกปฏิบัติ

ร.อ.สุชาติ เชาว์วิศิษฐ อดีตรมว.คลังและ พี่ชายร.ท.สุชายกล่าวว่าได้พูดคุยกับร.ท.สุชาย แล้ว และได้ตั้งข้อสังเกตว่ากรรมการบริหารธนาคารกรุงไทยขณะนั้นมี 5 คน แต่คนที่ถูกฟ้องมีเพียงแค่ 3 คน อีก 2 คน กลับไม่โดนฟ้อง จึงอยากถามว่าเหตุใดจึงเลือกปฏิบัติ ทั้งๆ ที่เคยมีคำพิพากษาศาลฎีกาออกมาว่า หากมีความผิดพลาดเกิดขึ้น กรรมการทั้งหมดจะต้องรับผิดชอบร่วมกัน

"เรื่องนี้คงไม่มีปัญหาอะไร ฟ้องก็ฟ้อง น้องชายผมก็ยินดีที่จะพิสูจน์ทุกอย่าง และคงไม่เกี่ยวข้องและไม่กระทบกับการเมืองอย่างแน่นอน ส่วนตำแหน่งทางการเมืองในรัฐบาลใหม่นั้น ผมยังไม่อยากพูดอะไร เพราะตั้งแต่ลาออกจากรมว.คลัง ก็ยังไม่อยากรับตำแหน่งอะไรอีก และที่ผ่านมาก็เป็นมาหมดแล้ว"

"วิโรจน์" ลั่นถูกกลั่นแกล้ง

นายวิโรจน์กล่าวว่าถือเป็นการเลือกปฏิบัติและการกลั่นแกล้งตนและผู้ถูกกล่าวหาคนอื่น เนื่องจากการอนุมัติสินเชื่อของธนาคารในช่วงเวลาดังกล่าว มีมติเป็นเอกฉันท์จากคณะกรรมการธนาคาร ซึ่งการอนุมัติสินเชื่อหากมีคณะกรรมการท่านใดไม่เห็นด้วยก็สามารถคัดค้านได้ แต่ในช่วงที่ผ่านมาการอนุมัติสินเชื่อไม่มีคณะกรรมการท่านใดคัดค้านจึงถือว่าคณะกรรมการทุกท่านให้ความเห็นชอบ

ขั้นตอนต่อจากนี้ทั้งตนและผู้ที่ถูกกล่าวหา จะต้องมาพิจารณาหาข้อกล่าวหาของธปท. ซึ่งตั้งแต่ที่มีข่าวตนเองได้ตั้งทนายเพื่อมาดูข้อกล่าวหาของแบงก์ชาติ เพื่อที่จะได้ดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งในรวมถึงการกล่าวหาของแบงก์ชาติในวันนี้ด้วย

"โดยปกติคดีทางธุรกิจถ้ามีความผิดถึงขั้นยอมรับไม่ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการให้ข้อมูลข่าวสารที่หลอกลวงประชาชนหรือการออกผลิตภัณฑ์ให้ประชาชนเข้าใจผิด ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องร้ายแรง แต่ในเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกใจเจ้าหน้าที่ และการมีความเห็นไม่ตรงกันระหว่างทางการกับผู้ปฏิบัติงานไม่ใช่เรื่องร้ายแรง แต่การฟ้องร้องของแบงก์ชาติที่เป็นข่าวไม่เข้าใจว่าทำไมคุณมัชฌิมาเข้ามาเกี่ยวข้องได้อย่างไร"

"เกราะป้องกันตัวเองในขณะนี้ก็คือความจริง ซึ่งเราอาจจะพลาดบ้างก็คือความโง่ของเราที่เราอาจรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่สิ่งที่เราทำถือว่าสุดความสามารถ และทำด้วยความสุจริต ซึ่งคิดว่าทุกคนเข้าใจดี"

ขณะที่นายมัชฌิมากล่าวว่า การกล่าวหาดังกล่าวอาจจะเกิดจากความเข้าใจผิดของ ธปท. เนื่องจากตนไม่ได้เป็นกรรมการในการปล่อยสินเชื่อ แต่สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นเพราะเป็นคนสนิทของนายวิโรจน์ทำให้เกิดการเข้าใจผิด แต่อย่างไรก็ตามตนเองก็พร้อมที่จะเข้าไปชี้แจงต่อธปท.

ตร.เตรียมสรุปสำนวนส่งป.ป.ช.

พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร. กล่าวว่า มอบหมายให้ พล.ต.ท.บุญฤทธิ์ รัตนาพร ผู้ช่วยผบ.ตร. ฝ่ายกฎหมายและสอบสวนเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการสอบสวน แต่ขณะนี้ พล.ต.ท.บุญฤทธิ์ อยู่ระหว่างการปฏิบัติราชการที่ต่างประเทศ

พ.ต.อ.ชาญ วัฒนธรรม รองผู้บังคับการ กองคดี รักษาราชการแทน ผู้บังคับการกองคดี (รรท.ผบก.คด.) กล่าวว่า หลังจากที่ ธปท. ร้องทุกข์กล่าวโทษมากองคดีได้รับมอบหมายให้พิจารณากลั่นกรองซึ่งได้สรุปและประมวลผลตั้งแต่วันที่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมาและนำเสนอต่อ พล.ต.ท.บุญฤทธิ์ ไปแล้วโดยมีความเห็นว่าเป็นการร้องทุกข์กล่าวโทษว่าเจ้าพนักงานของรัฐกระทำผิดจึงเห็นควรส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการ ทราบว่าขณะนี้ พล.ต.ท.บุญฤทธิ์ ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางไปสรุปสำนวนส่ง ป.ป.ช.ต่อไปภายใน 30 วัน

"แม้ว่าจะมีการกล่าวหาว่ามีการกระทำผิดในกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับแต่เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้วความผิดมีเพียงฐานเดียวคือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบจึงต้องส่งสำนวนคดีทั้งหมดให้ป.ป.ช.พิจารณาเท่านั้น" รองผบก.คด. กล่าว

ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายรายหนึ่งตั้ง ข้อสังเกตว่าเหตุใด ธปท. จึงต้องส่งเรื่องมายังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งที่ทราบดีว่าผู้ถูกกล่าวหานั้นเป็นเจ้าพนักงานของรัฐซึ่งเข้าข่าย พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ต้องไปร้องทุกข์ ต่อ ป.ป.ช.การมาร้องทุกข์กับตำรวจทำให้เกิดขั้นตอน ที่ไม่จำเป็นและล่าช้า

พล.ต.ท.อัมรินทร์ เนียมสกุล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) กล่าวถึงการห้ามผู้ถูกกล่าวหาเดินทางออกนอกประเทศเป็นการชั่วคราว 15 วัน ว่าขณะนี้ตนยังไม่ทราบ เรื่อง อย่างไรก็ตาม การที่จะห้ามบุคคลใดออกนอกราชอาณาจักรได้ก็ต่อเมื่อมีคำสั่งจากศาลเท่านั้น โดยตำรวจไม่มีอำนาจ และหากมีการแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษแล้ว ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน และหากเห็นว่า มีมูลและมีความจำเป็นที่จะต้องห้ามบุคคลที่ถูกกล่าวโทษออกนอกราชอาณาจักรก็จะยื่นเรื่องต่อศาล เพื่อให้ศาลมีคำสั่ง   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us