"ปัญจทรัพย์" สบช่องความต้องการที่อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมในพัทยารุ่ง ซื้อหนี้จากไฟแนนซ์ซึ่งเป็นโครงการของคุณหญิงลลิลทิพย์ ปัดฝุ่นใหม่ภายใต้แบรนด์ ปัญจ์ชาเล บูติค เรสซิเด้นท์ แห่งแรกในเมืองท่องเที่ยว จับตาผู้ถือหุ้นใหญ่เตรียมประกาศเพิ่มทุน หลังขยายการลงทุนเพียบ ด้านยอดรายได้รวมช่วงปี 45-43 โตต่อเนื่อง แต่ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่ว ส่งผลช่วง 3 ปีขาดทุนต่อเนื่อง

นายชาญชัย ปัญจทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปัญจทรัพย์ จำกัด ซึ่งประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มายาวนานกว่า 50 ปี เปิดเผยว่าบริษัทฯมีนโยบายในการขยายฐานลูกค้า โดยเน้นไปยังตลาดอสังหาฯในลักษณะอื่นนอกเหนือจากโครงการบ้านเดี่ยว และเมื่อวิเคราะห์และสำรวจตลาดโดยรวมแล้ว พบว่าตลาดคอนโดมิเนียมในเขตพัทยายังมีกำลังซื้ออีกมาก ในขณะที่มีสินค้าพร้อมขายอยู่น้อย ส่วนเรื่องทำเลนั้น บริเวณชายหาดจอมเทียนยังคงเป็นทำเลตากอากาศที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจากภาครัฐ

โดยบริษัทได้ร่วมกับนายไซมอน แลนดี้ (Simon Landy) ผู้ที่มีประสบการณ์ในวงการอสังหาฯเข้าร่วมพัฒนาโครงการปัญจ์ชาเลขึ้น ซึ่งเดิม เป็นโครงการคอนโดมิเนียมของคุณหญิงลลิลทิพย์ที่มีภาระหนี้กับสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง ทั้งนี้ โครงการปัญจ์ชาเลเป็นรูปแบบโครงการคอนโดมิเนียม Row-Rise สูง 7 ชั้น มีจำนวนห้องที่พร้อมขายประมาณครึ่งของจำนวน 75 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 5.2-6.9 ล้านบาท บนเนื้อที่เกือบ 5 ไร่ ติดถนนเลียบชายหาดจอมเทียน มูลค่าโครงการประมาณ 325 ล้านบาท ใช้แหล่งเงินจากทุนของบริษัทใน สัดส่วน 60% และอีก 40% กู้เงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)

"มองว่าการเข้ามาในตลาดคอนโดมิเนียมพัทยาของปัญจทรัพย์ ถือเป็นจุดกระตุ้นความคึกคักอีกครั้ง ภายหลังจากที่ตลาดเงียบไปกว่า 7-8 ปี โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่มองจะเป็นกลุ่มระดับสูงและนักธุรกิจต่างชาติที่เป็นกลุ่มมีกำลังซื้อสูง เพียงแต่ต้องนำเสนอสินค้าให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าได้ ซึ่งที่ผ่านมาจากการเริ่มทดลองขายตั้งแต่ปลายปี 2547 สามารถขายได้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ปัจจุบันเหลือเพียง 30 กว่ายูนิตเท่านั้น ทั้งนี้การเข้ามาเทกโอเวอร์โครงการ ผลตอบแทนจากการลงทุนที่มองจะต้องไม่ต่ำกว่า 15-20%" นายชาญชัยกล่าว

ผู้ถือหุ้นใหญ่เล็งเพิ่มทุนอีก

ในส่วนความพร้อมของทุนในการพัฒนาโครงการต่างๆ นายชาญชัยกล่าวว่า บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มทุนจดทะเบียนจากที่มีอยู่ แต่ทั้งนี้ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนเพียงแต่อยู่ในแผนเท่านั้น ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า บริษัทปัญจทรัพย์ฯปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท ขณะที่ตัวงบกำไรขาดทุนย้อนหลังระหว่างปี 2543-2545 เมื่อพิจารณาจากรายได้หลัก (เรียงตามลำดับ) จะมีอยู่ที่ 61.718 ล้านบาท 22.91 ล้านบาท และปี 2545 มีรายได้หลักเพิ่มเป็น 80.017 ล้านบาท รวมรายได้จะอยู่ที่ 65.513 ล้านบาท 24.715 ล้านบาท และ 81.100 ล้านบาท ด้านรายจ่ายรวมอยู่ที่ประมาณ 115.76 ล้านบาท 124.80 ล้านบาทและ 133.427 ล้านบาท รวมแล้วในช่วง 3 ปีย้อนหลังบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ขาดทุนมาตลอด คือ 50.25 ล้านบาท 100.89 ล้านบาท และ 52.327 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบผลการดำเนินงานในช่วงปี 45 และ 44 มีอัตราการเติบโตของยอดขายเท่ากับ 249.22% โดยยอดขายเพิ่มจาก 22.912 ล้านบาท เป็น 80.017 ล้านบาทในปี 45 ซึ่งเป็นตัวเลขล่าสุดที่บริษัทแจ้งต่อกระทรวงพาณิชย์

ด้านอัตราส่วนทุนหมุนเวียนพบว่า บริษัทมีค่าอัตราส่วนทุนหมุนเวียนเท่ากับ 5.94 เท่าในปี 45 และ 6.95 เท่าในปี 44 แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มทางด้านสภาพคล่องของบริษัทลดลง เนื่องจากสินค้าคงเหลือจัดเป็นสินทรัพย์หมุนเวียนเร็วเท่ากับ 0.23 เท่าและ 0.33 เท่าตามลำดับ เหตุผลเพราะบริษัทมีสินทรัพย์ที่มากกว่ายอดหนี้สินหมุนเวียน และมองใน แง่เฉพาะของสินทรัพย์สภาพคล่องสูงจะมีไม่เพียงพอ ต่อการเปลี่ยนสภาพเป็นเงินสดได้เร็วเพื่อจ่ายชำระหนี้ระยะสั้น ขณะที่โครงสร้างการจัดหาเงินทุน ประกอบด้วยหนี้สินมีระดับที่สูงเมื่อเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น ตรงนี้จะมีความเสี่ยงกับเจ้าหนี้ ประกอบกับส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ

"คาดว่ายอดขายในปี 2548 คงไม่หวือหวาหากเทียบกับปี 2547 แต่เราก็หวังว่าในปีนี้น่าจะเติบโตกว่า 10% ได้" นายชาญชัยกล่าว

สำหรับความคืบหน้าโครงการที่บริษัทปัญจทรัพย์ฯดำเนินการอยู่ ประกอบด้วย ปัญจทรัพย์ พาร์ค ปิ่นเกล้า ซึ่งขณะนี้ได้ปิดการขายไปแล้ว 5 เฟส และอยู่ระหว่างพัฒนาในเฟสที่ 6 ซึ่งจะเป็นในรูปแบบบ้านเดี่ยว ตลาดกลุ่มลูกค้าระดับ 2-3 ล้านบาท ซึ่งโครงการดังกล่าวจะทำให้บริษัทพัฒนาได้อีก 2-3 ปีเพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่, โครงการคอนโดมิเนียม ปัญจทรัพย์ สวีท, โครงการโชคชัย ปัญจทรัพย์ บนถนนรามคำแหง ซึ่งเป็นโครงการล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไป

ในส่วนที่ดินรอพัฒนา (แลนด์แบงก์) นายชาญชัยกล่าวว่าส่วนใหญ่จะอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพและสามารถพัฒนาโครงการได้หลากหลายรูปแบบ เช่น ที่ดินแถวถนนรามคำแหงประมาณกว่า 400 ไร่, ที่ดินตรงถนนรัชดาภิเษกใกล้กับทางขึ้นและลงรถไฟฟ้าใต้ดินอีกประมาณ 30 กว่าไร่ ซึ่งรูปแบบที่จะพัฒนาน่าจะเป็นโครงการคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ และที่ดินย่านฝั่งธนบุรีแถวปิ่นเกล้าฯนครชัยศรีอีกกว่า 100 ไร่ เป็นต้น