|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
ผู้บริหารแอ๊ดคินซันชี้หลังจากการควบรวมกิจการผลประกอบการจะดีขึ้น หลังจากล้างขาดทุนสะสมหมดแล้วและเริ่มมีกำไร พร้อมที่จะจ่ายเงินปันผลคาดจะมีส่วนแบ่งการตลาดติดอันดับ 1 ใน 10 เผยบล.แอ๊ดคินซัน จ่ายเงินตอบแทนการโอนกิจการ 142.88 ล้านบาท กำหนดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อชี้ขาดการควบรวม 17 มี.ค.นี้
นางอาภา คิ้วคชา ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์แอ๊ดคินซัน จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายหลังจากการที่บล.แอ๊ดคินซันได้นำบล.เอเพกซ์เข้ามาควบรวมจะทำให้ผลประกอบการของบริษัทดีขึ้น โดยในหลายปีที่ผ่านมาบริษัทยังมีขาดทุนสะสมอยู่ แต่เมื่อปี 2547 ที่ผ่านมาสามารถล้างขาดทุนสะสมแล้ว และเริ่มมีกำไรสะสมจึงคาดว่าภายในอนาคตจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้
"สาเหตุของการควบรวมกิจการนั้นเพราะที่ผ่านมาผลประกอบการของบล. เอเพกซ์ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรเนื่องจากภาวะการแข่งขันที่สูงและมีการดำเนินการที่ซ้ำซ้อน ดังนั้นจึงต้องการให้เกิดความชัดเจนและถือว่าเป็นการเพิ่มศักยภาพให้บริษัทมีความแข็งแกร่งมากขึ้น รวมถึงจะช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานจากการทำงานที่ซ้ำซ้อน โดยคาดว่าจะสามารถลดต้นทุนได้เดือนละหลายล้านบาท" นางอาภากล่าว
ทั้งนี้ จากการควบรวมกิจการดังกล่าว คาดว่าจะทำให้สินทรัพย์ของบริษัทเพิ่มขึ้น โดยบล.แอ๊ดคินซันมีสินทรัพย์ประมาณ 4 พันล้านบาท ขณะที่ บล.เอเพกซ์มีสินทรัพย์อยู่ที่ระดับ 300-400 ล้านบาท ในด้านส่วนแบ่งการตลาดนั้นคาดว่าหลังจากควบรวมกิจการแล้วจะอยู่ที่ระดับ 3% ซึ่งจะมาจากบล.แอ๊ดคินซันประมาณ 1.8-2% และจากบล.เอเพกซ์ประมาณ 1% ซึ่งคาดว่าจะทำให้บริษัทเป็นโบรกเกอร์ที่มีส่วนแบ่งการตลาดติดอันดับ 1 ใน 10
สำหรับในส่วนของพนักงานของบล.เอเพกซ์หลังจากการควบรวมกิจการแล้วบล.แอ๊ดคินซันจะพยายามรับให้มากที่สุด แต่ในส่วนงานที่ซ้ำซ้อนเช่นในส่วนของแบ็กออฟฟิศบางส่วนอาจจะจำเป็นต้องปลดพนักงาน แต่ก็พร้อมที่จะจ่ายชดเชยตามกฎหมาย
"ปัจจุบันนี้พนักงานของบล.เอเพกซ์มีจำนวนประมาณ 350 คน แบ่งเป็นเจ้าหน้าที่การตลาดที่อยู่ทั้งสำนักงานใหญ่และสาขาต่างๆ อีก 23 แห่งเป็นจำนวนกว่า 200 คน ซึ่งบล.แอ๊ดคินซันก็พร้อมที่จะรับไว้ทั้งหมด แต่ก็ขึ้นอยู่กับเจ้าหน้าที่การตลาดด้วยว่าจะทำย้ายมาอยู่ที่ บล.แอ๊ดคินซันหรือไม่ และถ้าเจ้าหน้าที่การตลาดต้องการลาออกก็พร้อมที่จะให้ออกขณะนี้ในส่วนของพนักงานด้านแบ็กออฟฟิศนั้นมีจำนวน 101คน โดยรวมเจ้าหน้าที่ด้านวาณิชธนกิจซึ่งมีประมาณ 10 คนเศษนั้น ต้องพิจารณาถ้าส่วนใดที่มีความซับซ้อนก็อาจจะต้องปลดพนักงานออก แต่บริษัทก็พร้อมที่จะจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมาย"
นางอาภากล่าวถึงสาขาบริการค้าหลักทรัพย์ที่มีความซ้ำซ้อนกัน โดยเฉพาะในจังหวัดใหญ่ๆ เช่น จังหวัดเชียงใหม่, เชียงราย, ภูเก็ต และอุบลราชธานี จะต้องเข้าไปศึกษา แต่ที่ผ่านมาสาขาเหล่านี้สามารถสร้างมูลค่าการซื้อขายได้ดีและมีผลประกอบการที่มีกำไร ดังนั้นจึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา และจากการควบรวมกันในครั้งนี้ทำให้บล.แอ๊ดคินซันจะมีสาขารวมกันทั้งสิ้นจำนวน 65 สาขา ดังนั้นจึงทำให้บล.แอ๊ดคินซันก็จะชะลอแผนการเปิดสาขาบริการค้าหลักทรัพย์ออกไปก่อนจากเดิมที่มีแผนจะเปิดเพิ่ม
นางอาภากล่าวว่า การควบรวมในครั้งนี้เป็นลักษณะของบล.แอ๊ดคินซันเข้าไปซื้อทรัพย์สินและหนี้สินของบล. เอเพกซ์ ดังนั้นในส่วนของใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ของบล.เอเพกซ์ก็จะดำเนินการขายออกไป แต่ที่ผ่านมายังไม่มีใครติดต่อที่จะซื้อซึ่งการขายจะขึ้นอยู่กับราคาว่าจะได้ในระดับใด เพราะที่ผ่านมาได้มีการซื้อขายใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ในระดับราคา 300-500 ล้านบาท ดังนั้น ราคาขายใบอนุญาตของบล.เอเพกซ์ น่าจะไม่ต่ำกว่าระดับดังกล่าว
สำหรับกรณีที่บล.กิมเอ็ง (สิงคโปร์) เข้ามาถือหุ้นของบล.แอ๊ดคินซันในสัดส่วน 3% เศษนั้น ถือได้ว่าเป็นการเข้ามาลงทุนเท่านั้น โดยไม่ได้ส่งตัวแทนเข้ามาเป็นกรรมการของบริษัทแต่อย่างใด และขณะนี้บริษัทก็ยังไม่แผนที่จะหาพันธมิตรเข้ามาร่วมถือหุ้นแต่อย่างใด ทิศทางต่อไปของบล.แอ๊ดคินซันหลังจากที่ควบรวมกิจการแล้วนั้นจะมุ่งเน้นในธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์ เพราะฐานลูกค้าของบริษัทจะเป็นนักลงทุนรายย่อยรวมถึงธุรกิจวาณิชธนกิจ ซึ่งจะดึงทีมงานจากบล.เอเพกซ์นำมารวมกับทีมวาณิชธนกิจใหม่ที่บริษัทจะดึงมา โดยบริษัทมีแผนที่จะขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจการเป็นผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย (อันเดอร์ไรเตอร์) กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ซึ่งจะใช้ต้องเสีย ค่าขอใบอนุญาตประมาณ 100 ล้านบาทโดยคาดว่าจะได้รับใบอนุญาตประมาณกลางปีนี้
เมื่อวานนี้ (10 ก.พ.) บล.แอ๊ดคินซัน ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯถึงผลการประชุมคณะกรรมการซึ่งได้มีมติรับโอนกิจการของบล.เอเพกซ์โดยบริษัทได้จ่ายค่าตอบแทนในการโอนกิจการเบื้องต้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 เป็นจำนวนเงิน 142.88 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยค่าตอบแทนในการโอนสินทรัพย์จำนวนเงินประมาณ 351.76 ล้านบาท หักด้วยมูลค่าของหนี้ และภาระจำนวนเงินประมาณ 208.87 ล้านบาทโดยบริษัทตกลงจะชำระค่าตอบแทนในการโอนกิจการดังกล่าวด้วยเงินสดหรือเช็คธนาคารซึ่งคาดว่าจะเริ่ม ดำเนินการได้ภายในช่วงปลายไตรมาส 1 หรือต้นไตรมาส 2 ของปี 2548 โดยจะมีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2548 ในวันที่ 17 มีนาคม 2548 เวลา 9.00 น. ณ โรงแรมวินเซอร์สวีท กรุงเทพฯ
นอกจากนี้ กำหนดให้ปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นตั้งแต่วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2548 เวลา 12.00 น. จนกว่าการประชุมจะแล้วเสร็จคณะกรรมการบริษัทยังได้อนุมัติการแต่งตั้งบริษัทเอสซี-เอ็มบี จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและบริษัทเดอะลีจิสท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษากฎหมายในการดำเนินการรับโอนกิจการดังกล่าว
สำหรับราคาหุ้น บล.แอ๊ดคินซันปิด ที่ 9.90 บาท เพิ่มขึ้น 0.10 บาท หรือ 1.02% มูลค่าการซื้อขาย 256.02 ล้านบาท
|
|
|
|
|