Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน10 กุมภาพันธ์ 2548
"ปริญสิริ"เบรกบ้านแพงรุกตลาดกลาง ตั้งเป้ารับรู้รายได้ 2,300 ล้านเติบโตจากปีก่อน 50%             
 


   
www resources

โฮมเพจ ปริญสิริ

   
search resources

ปริญสิริ, บมจ.
Real Estate




"ปริญสิริ" เปิดแผนปี48 เบรกผลิตบ้านแพง หันรุกหนักตลาดกลาง ผุดบ้านเดี่ยว-ทาวน์เฮาส์ 6-7 โครงการ มูลค่าขายกว่า 3,000 ล้านบาท เผยไตรมาส 1-2 เปิดขายก่อน 4 โครงการ ส่วนอีก 3-2 โครงการเตรียมเปิดขายไตรมาส 3-4 แจงสต็อกบ้านในมือกว่า 400 ยูนิต คาดไม่เกินไตรมาส 4 ระบายหมด ตั้งเป้าปี 48 รับรู้รายได้ 2,300 ล้านบาท ส่วนยอดขายคาดไม่ต่ำกว่า 3,000 ล้านบาทเติบโตจากปี47 ประมาณ 50 % ย้ำเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ปีนี้แน่นอน เตรียมแตกไลน์พัฒนาโครงการแนวสูง

นายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานบริหารโครงการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงกลยุทธ์การตลาดปี 2548 ว่า บริษัทจะรุกตลาดระดับกลางมากขึ้น โดยสินค้าที่พัฒนาออกมาสู่ตลาดจะเน้นในเรื่องความแตกต่างของตัวสินค้า เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันกับผู้ประกอบการในพื้นที่ และมีการจัดโปรโมชันเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้าเนื่องจากในปีนี้โปรโมชันต่างๆ โดยในช่วงไตรมาสแรกจะมีโปรโมชันออกมาประมาณ 1-2 ตัว ส่วนในช่วงไตรมาส 3-4 จะมีโปรโมชันออกมาเพิ่มอีกประมาณ 3-4 ตัว โดยโปรโมชันต่างๆ ที่จัดขึ้นจะมีมูลค่าประมาณ 3 แสนบาทต่อราย ส่วนในเรื่องการปรับราคาบ้านนั้นบริษัทจะยังคงราคาเดิมไว้จนถึงเดือน มี.ค.นี้ แต่หลังจากที่รัฐบาลมีการปล่อยลอยตัวราคาน้ำมันดีเซลล์แล้ว บริษัทจะมีการปรับราคาขึ้นอีกไม่เกิน 5 %

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมา บริษัทมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 1,500 ล้านบาท จากเป้าทั้งปี 1,800 ล้านบาท ส่วนในปี 2548 นี้ บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายที่ 3,000 ล้านบาท โดยจะมียอดรับรู้รายได้ประมาณ 2,300 ล้านบาท เติบโตจากปี46-47 ประมาณ 50 % และคาดว่าจะมีกำไรจากการขายอยู่ที่ประมาณ 20 % สำหรับรายได้จากการขายที่บริษัทตั้งเป้าประมาณการไว้จะเป็นยอดขายจากโครงการเดิมที่เปิดขายตั้งแต่ปี 2547 ที่ผ่านมาและอีกส่วนหนึ่งจะเป็นรายได้ที่เกิดจากการขายโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในปีนี้

ปัจจุบัน ปริญสิริมีสต็อกบ้านเหลืออยู่ในมือประมาณ 400 กว่ายูนิต หรือประมาณ 20-30 % แบ่งเป็นสต็อกบ้านจากโครงการเก่าประมาณ 200 กว่ายูนิต และสต็อกบ้านจากโครงการใหม่ที่กำลังจะเปิดขายในปี 2548 อีกกว่า 200 ยูนิต โดยแบ่งเป็น บ้านสั่งสร้าง 70 % โดยบ้านสั่งสร้างนี้จะก่อสร้างเฉพาะโครงสร้าง เพื่อให้ลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนและเพิ่มเติมได้ตามความต้อง ส่วนบ้านพร้อมอยู่จะมีอยู่ 30 % ซึ่งปริญสิริคาดว่าจะสามารถระบายสต็อกบ้านในมือทั้งหมดได้ภายในปีนี้ สำหรับบ้านในโครงการใหม่ที่กำลังจะเปิดขายในปีนี้ ได้มีการเริ่มก่อสร้างไปแล้ว เฉลี่ยความก้าวหน้าในการก่อสร้างในทุกยูนิตไม่ต่ำกว่า 50 %

สำหรับในปีนี้ ปริญสิริจะหันมาเจาะตลาดบ้านระดับราคาประมาณ 4-7 ล้านบาท และบ้านทาวน์เฮาส์ราคาอยู่ที่ 1-3 ล้านบาท มากขึ้น ส่วนบ้านราคาแพงระดับราคา 10-30 ล้านบาท นั้นบริษัทยังไม่มีแผนการพัฒนาเพิ่มเนื่องจากยังมีสต็อกเก่าเหลืออยู่ประมาณ 4-5 ยูนิต สำหรับปีนี้ สัดส่วนการสร้างบ้าน บริษัท แบ่งสัดส่วนการสร้างบ้านออกเป็น บ้านเดี่ยว และบ้านแฝด ระดับกลาง 60 % บ้านทาวน์เฮาส์ 30 % ส่วนที่เหลือจะเป็นบ้านระดับราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท 10 %

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มอีก 6-7 โครงการ แต่จะไม่ต่ำกว่า 6 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 3,000 กว่าล้านบาทโดยในปลายไตรมาส 1- 2 บริษัทจะเปิดตัว 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 2,500 ล้านบาท โดยเป็นบ้านเดี่ยว 3 โครงการคือ 1. ปริญญดาเทพารักษ์ เฟส 2 โดยในโครงการนี้จะมีทั้งบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด จำนวน 150 ยูนิต มูลค่า 300 กว่าล้านบาท 2.โครงการปริญญดา วงแหวนสาทร จำนวน 190 ยูนิต มูลค่ากว่า 985 ล้านบาท 3. ปริญญดา พระราม 2 จำนวน 70 ยูนิต มูลค่า 450 กว่าล้านบาท และ 4.โครงการทาวน์เฮาส์ ปริญลักษณ์ พระราม 2 จำนวน 164 ยูนิต มูลค่า 500 กว่าล้านบาท ส่วนที่เหลือ อีก 2ในจะเป็นโครงการทาวน์เฮ้าส์ ที่จะเริ่มเปิดตัวไตรมาส 3 จะเปิดโครงการใหม่ในย่านเอกมัย-รามอินทรา ทั้งนี้หากในช่วงปลายปีตลาดไม่มีการเปลี่ยนแปลงมา อาจจะมีการเปิดโครงการบ้านเดี่ยวเพิ่มอีก 1 โครงการ

อย่างไรก็ดี บริษัทคาดว่าโครงการทั้งหมดที่เปิดขายและกำลังพัฒนาอยู่ในปัจจุบัน จะสามารถรองรับความต้องการของลูกค้าได้ไปถึงปี 2549 ดังนั้นบริษัทจึงมีแผนที่จะซื้อที่ดินสะสม ในย่านเอกมัย, วงแหวนสาทร และ วงแหวนอ่อนนุช เข้ามาเพิ่มอีกประมาณ 2-3 แปลง เฉลี่ยแปลงละ 30-40 ไร่ หรือมีพื้นที่รวมไม่ต่ำกว่า 100 ไร่ เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ ในอนาคต โดยในช่วงนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจา ทั้งนี้ที่ผ่านมาราคาที่ดินได้มีการปรับขึ้นจากปี 2547 แล้วประมาณ 20-30 % แต่ในบางทำเล เช่น พื้นที่ที่มีถนนตัดใหม่ มีระบบขนส่งมวลชนตัดผ่าน รวมถึงรถไฟฟ้าใต้ดิน และพื้นที่ที่มีโครงการของภาครัฐบาลที่จะลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมีการปรับขึ้นราคาไปแล้วไม่ต่ำกว่า 50 % ส่วนที่ดินโซนตะวันออกบริเวณรอบนอกสนามบินสุวรรณภูมิราคาที่ดินได้ปรับขึ้นไปรอการพัฒนาตั้งแต่ปี 45 ที่ผ่านมาแล้ว ดังนั้นในช่วงนี้ราคาที่ดินโซนดังกล่าวจึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก

"สำหรับแผนการขายหุ้นบริษัทว่า บริษัทจะนำหุ้นของบริษัทเข้าซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์ปีนี้อย่างแน่นนอน แต่จะในช่วงใดนั้นยังไม่สามารถบอกได้ เนื่องจากยังรอดูภาวะของตลาดหุ้นอยู่ ตามแผนแล้วปริญสิริ จะขายหุ้นไอพีโอ 31 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 1 บาท คิดเป็น 25% โดยตระกูลโกวิทจินดาชัยถือหุ้น 75% จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 134 ล้านหุ้น ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 670 ล้านบาท ชำระแล้ว 515 ล้านบาท มีหนี้สินต่อทุนประมาณ 1.2-1.3 % "นายชัยวัฒน์ กล่าว

นายชัยวัฒน์ กล่าวถึงการพัฒนาโครงการแนวสูงว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาความเหมาะสมทั้งด้านผลตอบแทน ทำเลที่เหมาะสม และรูปแบบการลงทุนว่าจะคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ เนื่องจากโครงการแนวสูง หรือคอนโดมิเนียมเป็นโครงการที่จะต้องใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างและการส่งมอบรวมถึงการรับรู้รายได้ที่ค่อนข้างนานดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณษและศึกษารูปแบบโครงการ และความต้องการของตลาดโดยรวม ซึ่งหากบริษัทจะเข้าไปพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมก็จะต้องรอบครอบให้มาก ส่วนพื้นที่ที่คิดว่าจะเหมาะแก่การพัฒนาโครงการดังกล่าวนั้น ปริญสิริ มองว่าที่ดินในเขตรอยต่อระหว่างเมือง อาทิ รัชดา ลาดพร้าว สุขุมวิท ฯลฯ เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมกับการลงทุน อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้มีนายหน้าหลายรายเสนอที่ดินเข้ามาให้เลือกจำนวนมาก ซึ่งบริษัทกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าเหมาะสมกับการลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมหรือไม่   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us