แสนสิริ คาดอสังหาฯปี 48 ซัปพลายใหม่เพิ่ม 65,000 ยูนิต หรือโต 13% ในขณะที่ความต้องการสินค้าใหม่อยู่ที่กว่า 39,000 ยูนิต หรือโตจากปีก่อน 9% พร้อมเผยผลสำรวจครึ่งหลังปี 47 พบว่าทาวน์เฮาส์แชมป์ขายสูงสุด ส่วนคอนโดฯเปิดตัวใหม่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 89% แต่พบว่ามีจำนวนยูนิตที่สร้างไม่เสร็จตามกำหนดกว่า 8,000 ยูนิต
นายวันจักร์ บุรณศิริ ผู้ช่วยกรรมการ ผู้จัดการ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผย ถึงผลการวิจัยภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ครึ่งหลังปี 2547 ว่า จากการสำรวจโครงการ บ้านจัดสรรในช่วงครึ่งหลังปี 2547 ทั้งหมด 529 โครงการ แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 398 โครงการ จำนวน 24,761 ยูนิต และทาวน์เฮาส์ 131 โครงการจำนวน 11,019 ยูนิต รวมจำนวนบ้านเปิดขายทั้งสิ้น 35,780 ยูนิต ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก 15%
โดยทำเลที่มีการพัฒนามากที่สุดคือ ย่านทิศเหนือและตะวันตกของ กทม. ส่วนพื้นที่ด้านตะวันออกมีผู้ประกอบการให้ความสนใจพัฒนามากกว่าครึ่งปีแรกถึง 33% ส่วนยอดขายของบ้านเดี่ยวมีปริมาณการขายทั้งปีที่ 58% คิดเป็นปริมาณการขายต่อเดือนที่ 4.5 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการส่วนทาวน์เฮาส์อยู่ที่ 72% หรือมีปริมาณการขาย ต่อเดือนอยู่ที่ 7.5 ยูนิตต่อเดือนต่อโครงการ แต่เมื่อพิจารณาเฉพาะโครงการเปิดขายใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง 2547 มีจำนวนทั้งสิ้น 71 โครงการ จำนวนบ้าน 6,324 ยูนิต แบ่งเป็นประเภทบ้านเดี่ยว 52 โครงการ 4,809 ยูนิต และทาวน์เฮาส์ 19 โครงการ 1,515 ยูนิต เพิ่มขึ้นประมาณ 18%
ส่วนคอนโดมิเนียมในช่วงครึ่งปีหลังมีโครงการสร้างเสร็จ 5 โครงการรวม 847 ยูนิต และมีโครงการ ที่ดำเนินการก่อสร้างล่าช้าจากกำหนดและคาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จในปี 2548 มีประมาณ 8,222 ยูนิต โดยสาเหตุที่เสร็จล่าช้าเพราะส่วนหนึ่งมีโครงการ ที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ ทั้งนี้ ตลอดทั้งปี 2547 มี คอนโดฯใหม่เปิดตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2546 ประมาณ 89% เมื่อประเมินแล้วจะพบว่าในปีที่ผ่านมามีซัปพลายเกิดขึ้นประมาณ 58,143 ยูนิต ขณะที่อุปสงค์ในปี 2547 อยู่ที่ 36,727 ยูนิต (คิดจากโครงการที่เปิดตัวใหม่ปีที่แล้ว)
สำหรับแนวโน้มในปี 2548 คาดว่าน่าจะมี ซัปพลายออกมาไม่น้อยกว่า 65,686 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 13% และคาดว่าจะมีอุปสงค์จากโครงการที่เปิดใหม่ดังกล่าวประมาณ 39,852 ยูนิต อัตราการเติบโตที่ 9% แต่ที่น่าจับตามองมากที่สุดคือ ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ราคาระดับกลางที่จะมีการผลิตออกมาค่อนข้างมาก เพราะปริมาณการขายต่อเดือนอยู่ในระดับที่สูง
ด้านแนวโน้มปี 2548 คาดว่าจะมีการแข่งขันสูงทุกระดับ เพื่อเร่งระบายสต๊อกบ้านที่มีอยู่จำนวนมาก เพราะผู้ประกอบการไม่อยากแบกภาระดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้น และปริมาณบ้านสร้างเสร็จก่อนขายจะลดลง ส่วนคอนโดมิเนียมก็จะยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง แต่การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยอาจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการคอนโดมิเนียมได้ เนื่องจากเมื่อดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.5-1% ทำให้กำลังซื้อลดลง 5-10% และคาดว่าตลาดนี้อาจจะแข่งขันด้านราคาค่อนข้างมาก โดยเฉพาะจากผู้ประกอบการที่มีสินค้าค้างในระบบ
"อย่างไรก็ตาม คาดว่าในครึ่งปีแรกภาคอสังหาฯ จะมีการขายตัวในทุกเซกเตอร์และมีเสถียรภาพมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ส่วนอัตราการเติบโตของอสังหาฯโดยรวมปีนี้จะอยู่ในระดับเดียวกับปีที่ผ่านมา เพราะยังต้องเผชิญกับปัจจัยลบ คือภาวะเศรษฐกิจ ราคาน้ำมัน เงินเฟ้อ และการปรับตัวของดอกเบี้ย" นายวันจักร์ กล่าว
สำหรับอสังหาฯเพื่อเช่า ทั้งอพาร์ตเม้นต์, เซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์ และอาคารสำนักงาน โดยรวมแล้วอัตราการเข้าใช้พื้นที่สูงขึ้นและราคาปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเกรดเอและเกรดบีที่อยู่ในย่านใจกลางธุรกิจ ทั้งนี้ เนื่องจากมีปริมาณสินค้าในตลาดไม่ได้เพิ่มขึ้นมาก และจากความต้องการดังกล่าวเชื่อว่าในปีนี้จะมีโครงการเกิดขึ้นใหม่อีกหลายโครงการ
สำหรับแนวโน้มตลาดอาคารสำนักงานปี 2548 ยังคงเติบโตในเกณฑ์ดี เนื่องจากตลาดยังคงมีความต้องการเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก โดยอุปทานของพื้นที่อาคารสำนักงานยังมีไม่เพียงพอ ส่งผลให้ระดับราคาค่าเช่าพื้นที่ต่อตารางเมตรสูงขึ้น ซึ่งคาดว่าอาคารสำนักงานจะขาดแคลนในอีก 1-2 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะอาคารที่ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจ และบริเวณที่มีการคมนาคมสะดวก อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าภายในปีหน้าบริเวณดังกล่าวจะมีอาคารสำนักงานใหม่ทยอยเปิดดำเนินการ ซึ่งพื้นที่อาคารสำนักงานเหล่านั้น ล้วนแล้วแต่เป็นโครงการเก่าที่ได้รับการนำกลับมาพัฒนาใหม่ทั้งสิ้น สะท้อนให้เห็นแนวโน้มตลาดอาคารสำนักงานว่าอยู่ในช่วงฟื้นตัว
|