การสัมมนาในหัวข้อ "เศรษฐกิจฟื้น ธุรกิจเริ่มเข้มแข็ง ตลาดหุ้นถึงเวลาทะยาน?"
ซึ่งจัดขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 27 มีนาคมที่ผ่านมา
ดูเหมือนจะกระตุ้น
ให้บรรยากาศการพูดคุยในเรื่องของตลาดหุ้นกลับมาสู่ความคึกคักอีกครั้งหนึ่ง
หลังจากต้องอยู่กับภาวะซบเซาติดต่อกันมา เกือบ 5 ปีเต็ม "ช่วงตั้งแต่เกิดวิกฤติ
ก็มีการจัดวงสัมมนาเกี่ยวกับเรื่องหุ้น
กันหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ดูจะคึกคักที่สุด" ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา ผู้ดำเนินรายการ
Money Talk ซึ่งได้ไปร่วมเป็นพิธีกรในการสัมมนาครั้งนี้ด้วย กล่าวกับ "ผู้จัดการ"
ดร.ไพบูลย์ เคยเป็นวิทยากรเจ้าประจำ
ในฐานะนักวิชาการที่เข้าร่วมการสัมมนา และอภิปรายเรื่องตลาดหุ้นแทบทุก ครั้ง
ในยุคตลาดหุ้นเฟื่องฟูระหว่างปี 2530-2538 ซึ่งระยะนั้น มีนักวิชาการที่เป็นวิทยากรร่วมกับ
ดร.ไพบูลย์ประกอบด้วย
ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และดร.พิพัฒน์ พิชญาอฉริยกุล
ปัจจุบัน ดร.สมคิด ได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐ มนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ส่วนดร.พิพัฒน์
เสียชีวิตไปแล้วด้วยโรคมะเร็ง ขณะที่ ดร.สมชาย ค่อนข้าง low profile ลงไปในเรื่องนี้
แต่ยังคง ทำหน้าที่เป็นวิทยากรผู้บรรยายในเรื่องของการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจ
สำหรับการสัมมนาเรื่องตลาดหุ้นในครั้งนี้ ได้จัดขึ้นในช่วงเย็น บรรยากาศภายในห้องนภาลัย
ของโรงแรมดุสิตธานี แน่นขนัดไปด้วย ผู้ที่เข้ามาร่วมสัมมนา ซึ่งมีทั้งนักลงทุน
เจ้าหน้าที่การตลาดของบริษัทหลักทรัพย์ ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ และสื่อมวลชน
จนเก้าอี้ที่เตรียมไว้ไม่พอนั่ง "เฉพาะคนที่ซื้อบัตรเข้ามาลงทะเบียนร่วมสัมมนาครั้งนี้
ไม่ต่ำกว่า 750 คน"
เจ้าหน้าที่ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งทำหน้าที่ลงทะเบียนผู้เข้าสัมมนา บอก
การสัมมนาเริ่มต้นด้วยการกล่าวเปิดของ ดร.สมคิด จาตุ ศรีพิทักษ์
ซึ่งพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เข้าร่วมสัมมนาว่ารัฐบาลกำลังพยายามแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจอย่างเต็มที่
พร้อมชี้ว่าเศรษฐกิจของไทยโดยภาพรวม เมื่อเปรียบเทียบกับหลายปีที่ผ่านมาดีขึ้นมาก
หลังจากนั้นเป็นการสัมมนาในช่วงแรก ซึ่งมีการพูดถึงภาพรวมทางด้านเศรษฐกิจมหภาคของประเทศไทย
โดยผู้ที่มาเป็นวิทยากรล้วนเป็นระดับผู้นำหน่วยงานรัฐที่ดูแลรับผิดชอบเรื่องเศรษฐกิจ
ประกอบด้วยจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช เลขาธิการ สภา พัฒน์, สมพงษ์ วนาภา เลขาธิการ
บีโอไอ, วิโรจน์ อมตกุลชัย ประธานกรรมาธิการเศรษฐกิจ พาณิชย์และอุตสาหกรรม
วุฒิสภา และดร.ธนวรรธน์
พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอ การค้าไทย
โดยมี ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ เป็นพิธีกร การสัมมนาช่วงแรก เน้นหนักไปทางด้านวิชาการ
และภาพรวม
และได้เริ่มเข้มข้นขึ้นในช่วง ที่ 2 ซึ่งมีการพูดกันลงลึกถึงเรื่องของธุรกิจและ
ตลาดหุ้น ทำให้ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมฟังสัมมนามากขึ้น วิทยากรที่มาร่วมอภิปรายช่วงนี้
ล้วนแต่เป็นคนระดับนำในองค์กรธุรกิจ ที่เกือบทั้งหมดมีบริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์
ประกอบด้วยธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัทเครือซีพี, ชาติศิริ
โสภณพนิช กรรมการ
ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ, อนันต์ อัศวโภคิน ประธานกรรมการ แลนด์แอนด์เฮ้าส์,
อนุทิน ชาญวีรกูล กรรมการผู้จัดการ ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัค,
นินนาท ไชยธีรภิญโญ ประธาน
กรรมการ โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย และศุภลักษณ์ อัมพุช รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส
เดอะมอลล์ กรุ๊ป มี ดร.ไพบูลย์ เสรีวิวัฒนา เป็นพิธีกร ความที่ ดร.ไพบูลย์
เป็นคนคุยสนุก
และมักมีมุขเด็ดๆ ที่สามารถเรียกเสียงหัวเราะจากผู้เข้ารับฟังการสัมมนาได้บ่อยครั้ง
ทำให้บรรยากาศช่วงนี้ไม่เป็นแบบวิชาการเหมือนช่วงแรก เพราะ
นอกจากจะเปิดโอกาสให้วิทยากรแต่ละท่านได้พูดถึงทิศทางของธุรกิจของตนเองแล้ว
ยังมีการตอดเล็กตอดน้อย ให้พูดถึงเรื่องแนวโน้มของราคาหุ้นในลักษณะทีเล่นทีจริง
เป็นที่ถูกใจคนที่นั่งฟังอยู่มาก
"บรรยากาศการสัมมนาครั้งนี้ เหมือนกับในช่วงปี 2536-37" ผู้ร่วมฟังสัมมนาผู้หนึ่งให้ความเห็น
ปี 2536-2537 เป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยบูมสุดขีด ดัชนีราคา หุ้นเคยขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ระดับ
1,700 กว่าจุด
ก่อนที่จะค่อยๆลดระดับลงมา จนกระทั่งเกิดวิกฤติในปี 2540 การเปรียบเทียบบรรยากาศในห้องสัมมนาครั้งนี้
กับบรรยากาศในห้องสัมมนาช่วงหุ้นบูม อาจเป็นเพียงความพยายามสร้างกำลังใจ
และความเชื่อมั่นของนักลงทุนผู้เข้าร่วมรับฟังการสัมมนาเท่านั้น แต่หากพิจารณาถึงปัจจัยแวดล้อมโดยรวม
ไม่ว่าจะเป็นนโยบายของรัฐบาล ที่แสดงออกอย่างไม่อ้อมค้อมว่าต้องการกระตุ้นตลาดหุ้น
และตลาดอสังหาริมทรัพย์ เพื่อให้เป็นธงนำในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ประกอบกับเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติที่ไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นตั้งแต่ต้นปี
จนทำให้มูลค่าการซื้อขายกลับขึ้นมายืนเหนือระดับวันละ
1 หมื่นล้านบาท ประกอบกับความเคลื่อนไหวในวงการธุรกิจหลักทรัพย์ ที่เริ่มมีความคึกคักขึ้นมาแล้ว
บ่งบอกถึงแนวโน้มได้ว่าบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นปีนี้ ไม่น่าจะหงอยเหงา
เหมือน 4-5
ปีที่ผ่านมา การสัมมนาในวันนั้น มีต่อไปจนถึงช่วงดึกประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ
เพราะหลังจากช่วงที่ 2 ซึ่งนักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุดแล้ว ยังมีช่วงที่
3
ที่ให้ผู้จัดการกองทุนขึ้นมาพูดถึงทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้นของกองทุนรวม
ซึ่งแม้จะมีผู้ร่วมรับฟังหลายคนทยอยเดินทางกลับบ้านไปบ้างแล้ว แต่ผู้คนที่ยังเหลือนั่งฟังอยู่
ก็ยังดูแน่นห้องประชุม
หลังเสร็จสิ้นการสัมมนา นักลงทุนที่ได้เข้าไปรับฟังดูเหมือนจะมีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่า
จากนี้ไป การลงทุนในตลาดหุ้นคงจะไม่เลวร้ายลงไปกว่านี้อีกแล้ว แต่จะให้กลับมาคึกคัก
เป็นบรรยากาศกระทิงเต็มตัวเหมือนเมื่อหลายปีก่อนได้นั้น คงต้องรอให้ปัจจัยพื้นฐานปรับทิศทางให้ลงตัวก่อน
รวมถึงต้องให้เวลาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินมาตรการกระตุ้นต่อไปอีกสักระยะ
ระหว่างนี้
คงต้องดูแต่เงาของกระทิงตัวใหม่ไปพลางๆ ก่อน