มิตซูบิชิ ประเทศไทย ยันการประกาศแผนฟื้นฟูอีกรอบ พร้อมกับเปลี่ยนแปลงผู้บริหารชุดใหม่ของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศญี่ปุ่น ไม่กระทบประสิทธิภาพการขาย การบริหาร และการลงทุน รวมถึงการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกทั่วโลก โดยเฉพาะเป้าหมายตลาดในไทย ที่ปีนี้จะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ตั้งเป้ายอดขายทะลุ 4.5 หมื่นคัน เติบโต 9% จากการเปิดตัวปิกอัพโมเดลใหม่ในช่วงไตรมาส 3 ดันแชร์ตลาดปิกอัพเพิ่มเป็น 9%
นายฮิซาโยชิ คุมาอิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า การประกาศแผนฟื้นฟูกิจการใหม่ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศญี่ปุ่น (MMC) พร้อมกับมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารระดับสูงเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทางผู้บริหารเชื่อว่าจะเกิดผลดีต่อมิตซูบิชิทั่วโลก ทั้งในด้านยอดขายและการบริหารงาน ภายหลังจากผลการดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูครั้งแรกไม่ประสบความสำเร็จในปีที่แล้วจนมีผู้บริหารแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก
"การประกาศแผนฟื้นฟูของเอ็มเอ็มซี เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อการเพิ่มประสิทธิภาพทั้งด้านการขาย และบริหารองค์กร ของมิตซูบิชิในประเทศไทย ถึงแม้ผลประกอบการของเอ็มเอ็มซีจะขาดทุนทั่วโลก แต่ในส่วนของไทยมีสัญญาณที่ดีจากบริษัทแม่ตลอด ถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารชุดใหม่ รวมถึงการลงทุนและใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกทั่วโลก"
ในส่วนของนโยบายและทิศทางการดำเนินงานของมิตซูบิชิประเทศไทยปีนี้ บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าจะประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นปีของมิตซูบิชิในประเทศไทย มียอดขายถึง 35,255 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 9% ซึ่งเป็นผลจากการทำตลาดออกมาต่อเนื่องตลอดปี โดยเฉพาะปิกอัพสตราดาที่ทำยอดขายสูงถึง 28,000 หมื่นคัน เพิ่มขึ้นถึง 18% แม้จะไม่มีการเปิดตัวโมเดลใหม่สู่ตลาด
"ผลจากความสำเร็จดังกล่าว ทำให้เชื่อมั่นว่าปีนี้จะมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าไว้ทั้งหมด 45,000 คัน คิดเป็น 6-7% ของตลาดรถยนต์ไทยรวมทั้งหมดประมาณ 650,000-680,000 คัน แบ่งเป็นกลุ่มรถยนต์นั่ง 5,000 คัน รถอเนกประสงค์ (MPV) 4,000 คัน และโดยเฉพาะปิกอัพ 36,000 คัน ซึ่งเรากำหนดเป้าหมายในเชิงรุกไว้ว่า จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดขึ้นอีก" นายคุมาอิกล่าวและว่า
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทฯ มั่นใจในการผลักดันให้ยอดขายเติบโต เนื่องจากได้วางแผนและกลยุทธ์ทางการตลาด เพื่อรองรับกับนโยบายดังกล่าวไว้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นด้านเครือข่ายพันธมิตรผู้จำหน่าย โชว์รูมและศูนย์บริการ ซึ่งปัจจุบันมีผู้จำหน่ายอยู่ 92 ราย กับโชว์รูมและศูนย์บริการรวม 152 แห่งทั่วประเทศ พร้อมกับเน้นประสิทธิภาพด้านการขาย การบริการหลังการขาย และการบริการชิ้นส่วนและอะไหล่ (3S : Sales, Service, Spare Parts) โดยจะเน้นศักยภาพความพร้อมในด้านต่างๆ ของเครือข่าย เพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของโชว์รูม และศูนย์บริการมิตซูบิชิให้ปรากฏต่อลูกค้ามากยิ่งขึ้น
นายคุมาอิกล่าวว่า สำหรับการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดในปี 2548 นี้ จะมีการแนะนำรุ่นพิเศษที่มีการปรับปรุงโฉม ทั้งการดีไซน์และสมรรถนะการขับขี่ออกสู่ตลาดตลอดทั้งปี โดยจะครอบคลุมทั้งรถส่วนบุคคล รถอเนกประสงค์ และปิกอัพ เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการความแตกต่างจากรถในตลาดทั่วไป
"ภายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ เราจะทำการเปิดตัวปิกอัพโฉมใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดปิกอัพ ซึ่งเรามั่นใจว่าปิกอัพรุ่นใหม่จะสร้างยอดขายให้กับตลาดรถยนต์เป็นประวัติการณ์อีกครั้ง ทั้งจากผลการตอบรับของปิกอัพมิตซูบิชิใหม่เอง และอัตราการเติบโตของตลาดปิกอัพ ที่จะเพิ่มเป็นประมาณ 4 แสนคันในปีนี้ หรือประมาณ 10% จากปีที่แล้ว โดยปิกอัพมิตซูบิชิจะทำได้ประมาณ 3.6 หมื่นคัน หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มเป็น 9% จากปีที่แล้วมีส่วนแบ่งกว่า 8%"
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการศึกษาตลาด สำหรับการนำรถยนต์มิตซูบิชิ อีโวลูชั่น 9 มาทำตลาดในไทย เพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถที่มีสมรรถนะสูงสไตล์รถสปอร์ต และในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ ต้นเดือนเมษายนนี้ ยังจะนำรถยนต์มิตซูบิชิ แลนเซอร์ ดับเบิลยูอาร์ซี (WRC) และรถมิตซูบิชิ เรซซิ่ง ทรัค อีโวลูชั่น รถแข่งคู่ใจของนักแข่งไทยในการแข่งขันรายการแลลี่ดาร์กาที่ผ่านมา และผลจากการเปิดตัวรถรุ่นต่างๆ ในช่วงต้นปี จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยผลักดันยอดขายของมิตซูบิชิในประเทศไทยให้ประสบความสำเร็จอีกครั้ง
ด้านการส่งออกต่างประเทศนั้น นาคุมาอิกล่าวว่า ปีนี้จะเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองยอดการส่งมอบรถยนต์ของมิตซูบิชิในช่วง 17 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2531-ปัจจุบัน โดยบริษัทฯ จะส่งออกครบ 700,000 คัน ภายในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ หลังจากปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จสูงสุด มียอดส่งออก 109,000 คัน คิดเป็นมูลค่า 4.3 หมื่นล้านบาท ส่วนปีนี้น่าจะอยู่ที่ประมาณกว่า 100,000 คัน ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว ไม่เพิ่มขึ้นมากเพราะเป็นช่วงปรับเปลี่ยนรถปิกอัพโมเดลใหม่
|