"แสนสิริ" เตรียมจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ หวังลดต้นทุนด้านดอกเบี้ย ด้าน "พลัส" ตั้งเป้าปีนี้โต 100% รายได้ 2,400 ล้าน เพิ่มสัดส่วนรายได้จากการขาย 85% เตรียมซื้อที่ดินเพิ่มอีกกว่า 6 แปลง เพื่อพัฒนาในปี 49 แบ่งสร้างทาวน์เฮาส์ 3 โครงการ คอนโดฯอีก 3 โครงการ
จากทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่เริ่มปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องหาวิธีลดต้นทุนทางด้านการเงินลง ด้วยการหาแหล่งเงินทุนที่มีอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะได้เปรียบ เพราะมีช่องทางในการระดมทุนมากกว่า ซึ่งปัจจุบันการตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ผู้ประกอบการเริ่มหันมาใช้ นอกเหนือจากการออกพันธบัตรหรือระดมทุนผ่านหุ้นกู้
โดยล่าสุดบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) มีแผนจัดตั้งกองทุนอสังหาฯ เพื่อระดมทุนในตลาดทุนที่ยังมีอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีต้นทุนทางการเงินในระดับต่ำ โดยบริษัทแสนสิริชี้ว่ามีสินทรัพย์จำนวนมากที่จะนำมาจัดตั้งกองทุนอสังหาฯ โดยสินทรัพย์ดังกล่าวจะสร้างรายได้ และมูลค่าเพิ่มให้แก่กองทุนอสังหาฯได้อย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางในการจัดตั้งกองทุน หลังจากนั้นจะทำการคัดเลือกทรัพย์สินที่จะมีมาขายให้กับกองทุนต่อไป
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัทแสนสิริฯ เปิดเผยว่า ในปี 2548 บริษัทตั้งเป้าสัดส่วนยอดขายจากการขายบ้านเดี่ยวอยู่ที่ประมาณ 70% ขณะที่สัดส่วนยอดขายจากคอนโดมิเนียมอยู่ที่ประมาณ 30% จากปี 2547 ที่ผ่านมาบริษัทฯมีสัดส่วนบ้านเดี่ยวและคอนโดฯอย่างละ 50% สำหรับแนวโน้มการปรับอัตราดอกเบี้ยในช่วงขาขึ้น หากมีการปรับขึ้นประมาณ 1-2% จะไม่กระทบต่อบริษัทและลูกค้า เนื่องจากในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 5-6% ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่า ในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ปรับกลยุทธ์การแข่งขัน โดยลดขนาดของพื้นที่ใช้สอยในการสร้าง ที่อยู่อาศัย อีกทั้งบริษัทเริ่มรุกตลาดบ้านระดับกลางที่มีราคา 3-5 ล้านบาทมากขึ้น
อย่างไรก็ดี เมื่อเร็วๆ นี้บริษัทแสนสิริได้ร่วมกับกลุ่มพันธมิตร ได้แก่ บริษัทสยามไดกิ้นเซลส์ จำกัด, บริษัทเดคคอร์มาร์ท จำกัด, บริษัทเบตี้เรดเซล (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัทสี่พระยาก่อสร้าง จำกัด, บริษัทฤทธา จำกัด และโรงพยาบาลฟัน กรุงเทพฯ จัดโครงการแสนสิริ เพื่อช่วยเพื่อนฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยจากคลื่นสึนามิ โดยจัดขึ้นเพื่อก่อสร้างอาคารศูนย์บริการสาธารณสุขชุมชน มูลค่ากว่า 2.5 แสนบาท รวมทั้งสนับสนุนจัดหาครุภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์
นายเมธา จันทร์แจ่มจรัส กรรมการผู้จัดการบริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ทเนอร์ จำกัด หรือ พลัส บริษัทในเครือแสนสิริ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้ามีอัตราการเติบโต 100% หรือมีรายได้ 2,400 ล้านบาท จากปี 2547 ที่ทำรายได้ 1,200 ล้านบาท โดยคาดว่าปีนี้จะมีสัดส่วนรายได้จากการขายโครงการ 85% และรายได้จากการรับบริหารการขาย และบริหารโครงการอีก 15% ซึ่งก่อนหน้านี้ในปี 2547 บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการขายโครงการต่างๆคิดเป็น 75% ส่วนอีก 25% มาจากการรับบริหารการขายและบริหารโครงการ เช่น โครงการซอฟต์แวร์ปาร์ค ของกระทรวงยุติธรรม ตึกวิทยนิเวศน์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งนี้ในส่วนของการรับบริหารการขายและบริหารโครงการในปีที่ผ่านมา บริษัทฯมีโครงการที่รับบริหารทั้งหมด 83 โครงการ คิดเป็นพื้นที่รวม 3 ล้านตร.ม. ขณะนี้บริษัทฯกำลังเจรจากับอีกหลายโครงการเพื่อเข้าไปบริหาร อาทิ อาคารสำนักงาน และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์
ด้านแผนการพัฒนาโครงการในปีนี้บริษัทฯ มีแผนจะทยอยเปิดขายทาวน์เฮาส์ 6 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ในแผนเดิมจะเริ่มทยอยเปิด ตั้งแต่ปลายปี 2547 แต่เนื่องจากภาวะของตลาดและความพร้อมที่จะเปิดโครงการ จึงเลื่อนมาเปิดในปีนี้แทน คาดว่าจะทยอยเปิดขายโครงการที่เหลือให้หมดภายในครึ่งปีแรก
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการทาวน์เฮาส์ 3 โครงการ และโครงการ คอนโดมิเนียมอีก 3 โครงการ เพื่อเปิดขายในปี 2549 เน้นทำเลที่มีการคมนาคมสะดวก ใกล้เมือง อาทิ ลาดพร้าว และประชาชื่น ส่วนคอนโดฯเน้นทำเลย่านสุขุมวิท และในเขตศูนย์กลางธุรกิจ (ซีบีดี)
|