Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน4 กุมภาพันธ์ 2548
หุ้น ROYNET ราคาร่วงตามคาดหลังเปิดเทรดก่อนถอนจาก mai             
 


   
www resources

โฮมเพจ รอยเนท

   
search resources

รอยเนท, บมจ.
Stock Exchange




หุ้น ROYNET ราคาร่วงติดฟลอร์ หลังตลท.อนุญาตซื้อขายอีกครั้ง ก่อนเพิกถอน 5 มี.ค.นี้ โดยวานนี้ราคาปิดติดลบ 0.39 บาท ลดลงติดลบ 54.16% ขณะที่ดัชนีตลาด mai ปิดที่ 204.21 จุด เพิ่มขึ้น 0.43 จุด มูลค่าการซื้อขาย 278.39 ล้านบาท

วานนี้(3 กุมภาพันธ์ )หุ้น ROYNET ของบริษัท รอยเนท จำกัด (มหาชน)(ROYNET)ได้ทำการซื้อขายอีกครั้ง หลังจากที่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้มีมติให้เพิกถอน ROYNET ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (mai)

โดยปิดตลาดช่วงเช้า ราคาหุ้น ROYNET ปรับลดลงมากที่สุดในการซื้อขายของหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ mai กล่าวคือช่วงเช้าปิดที่ราคา 0.33 บาท ลดลง 33 สตางค์ จากการซื้อขายครั้งล่าสุดเมื่อก่อนที่ราคา 0.72 บาท คิดเป็น 54.16% มูลค่าการซื้อขายสูงสุด 62.45 ล้านบาท ปริมาณหุ้นที่ซื้อขาย 198.35 ล้านหุ้น

สำหรับหุ้นที่มีราคาเปลี่ยนแปลงมากสุดในช่วงดังกล่าว คือหุ้น บริษัท ไทยมิตซูวา จำกัด (มหาชน) (TMW) เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 50 สตางค์ คืออยู่ที่ราคา 29.25 บาท คิดเป็นการเปลี่ยนแปลง 1.73% มูลค่าการซื้อขาย 18.52 ล้านบาท

ทั้งนี้ ตลท.ได้อนุญาตให้ซื้อขายหลักทรัพย์ ROYNET ก่อนการเพิกถอนตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 48 คิดเป็นเวลา 30 วัน ก่อนการเพิกถอนหลักทรัพย์ในวันที่ 5 มีนาคม 48 นั้น

อย่างไรก็ตาม ตลท.จึงขอให้ผู้ลงทุนโปรดใช้ความระมัดระวังในการตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท และเนื่องด้วย ROYNET ไม่สามารถแต่งตั้งกรรมการตรวจสอบให้ครบถ้วนภายในเวลาที่ ตลท.กำหนด ตลท. จึงขึ้นเครื่องหมาย "NP" (Notice Pending)หลักทรัพย์ของบริษัทดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2548 จนกว่าจะสิ้นสภาพการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ซึ่งการซื้อขายวานนี้หุ้น ROYNET ยังแขวนป้าย NP เตือนนักลงทุน

โบรกเกอร์ บล.กิมเอ็งฯ กล่าวว่าการที่มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นหลัง ตลท.อนุญาต เพราะยังมีนักลงทุนบางกลุ่มที่เข้ามาซื้อขายเพื่อหวังเก็งกำไร โดยไม่นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต ที่ผ่านมาว่าบริษัทเลวร้ายอย่างไร ถือเป็นเรื่องธรรมดาของตลาดทุน

สำหรับดัชนีตลาดหลักทรัพย์ mai วานนี้ช่วงเช้าปิดที่ 205.11 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 1.59 จุด คิดเป็น 0.18% มูลค่าการซื้อขาย 189.47 ล้านบาท ปริมาณหุ้นที่ซื้อขาย 220.49 ล้านหุ้น และช่วงบ่ายราคาหุ้น ROYNET ปรับลดลงมาที่ 0.28 สตางค์ ลดลงติดลบ 0.44 บาท คิดเป็นติดลบ 61.11% มูลค่าการซื้อขาย 209.26 ล้านบาท และปิดตลาดวานนี้ที่ราคา 0.33 บาท ลดลงติดลบ 0.39 บาท คิดเป็นติดลบ 54.16% มูลค่าการซื้อขาย 72.78 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาด mai ปิดที่ 204.21 จุด เพิ่มขึ้น 0.43 จุด มูลค่า การซื้อขาย 278.39 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่วานนี้จะพบราคาหุ้นสิบอันดับยอดนิยมในตลาด mai เทรดกันที่ราคาปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งหุ้น CIG ของบริษัท ซี.ไอ.กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่ดูเหมือนว่าหลังจากที่เข้ามาเป็นหุ้นน้องใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ mai ก็กลายเป็นหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดในแต่ละวันแทบจะทุกวัน

โดยวานนี้แม้มูลค่าการซื้อขายของ CIG จะเป็นอันดับสองรองจาก ROYNET แต่ก็เป็นหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดในบรรดาหุ้นที่มีราคาปรับเพิ่มสำหรับวานนี้ โดยปิดที่ราคา 3.40 บาท เพิ่มขึ้น 116 สตางค์ คิดเป็น 4.93% มูลค่าการซื้อขาย 56.35 ล้านบาท

ทั้งนี้ CIG ได้แจ้งงบการเงินของบริษัทต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำหรับงบการเงินสิ้นสุด 30 กันยายน 47 ซึ่งพบว่ามีรายได้รวม 180.21 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 27.94 ล้านบาทและมีกำไรต่อหุ้น 0.23 บาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี46 ที่มีกำไรสุทธิ 114.56 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 8.50 บาทและมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 9.04 บาท

ขณะที่งวด 9 เดือน ปี 47 มีรายได้รวม 454.04 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 399.20 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปี 46 ที่มีรายได้รวม 202.47 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 180.08 ล้านบาท และมีกำไรต่อหุ้นเพิ่มจาก 14.45 บาท เป็น 36.13 บาทต่อหุ้น

นอกจากนี้ ยังมีสินทรัพย์รวม 440.64 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 282.16 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานงวดดังกล่าวของปี 47 เพิ่มขึ้นจากปี 46 คือเพิ่มจาก 101.40 ล้านบาท เป็น 138.98 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us