|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
เอเซียเมทัลขยายไซเลนต์พีเรียด 30 ล้านหุ้น ออกไปอีก 1 ปีจากเดิมที่จะหมด 12 ก.พ.นี้ สร้างความเชื่อมั่นให้รายย่อย หวังเป็นตัวอย่างให้กับหุ้นน้องใหม่อื่นๆ พร้อมประกาศเพิ่มทุนจาก 200 ล้านเป็น 400 ล้าน นำเงินทำศูนย์กระจายสินค้า ตั้งเป้าปีนี้ยอดขายโต 30% เล็งปันผลไม่ใช่เงิน
นายวิเชียร เอื้อสงวนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายวาณิชธนกิจบริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงินบริษัทเอเซียเมทัล (AMC) เปิดเผยว่าภายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2548 นี้ หุ้นจำนวน 30 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 25% ของผู้ถือหุ้นใหญ่ที่ติดไซเลนต์พีเรียดจะสามารถนำออกมาเสนอขายได้โดยหุ้นเหล่านี้มีต้นทุนในราคาหุ้นละ 1 บาท
อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นใหญ่ได้คำนึงถึงผู้ถือหุ้นรายย่อย จึงได้มีการประชุมคณะกรรมการและมีมติออกมาว่าจะขอตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่จะยืดระยะเวลาไซเลนต์พีเรียดออกไปอีก 1 ปี ดังนั้นหุ้นจำนวนนี้จะนำออกมาขายได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2549
ทั้งนี้ สาเหตุที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ขอยืดระยะเวลาไซเลนต์พีเรียดออกไป เนื่องจากไม่ต้องการให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยต้องมากังวลและเป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่ต้องการที่จะขายหุ้นออกมา และเชื่อว่าการดำเนินการของผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทเอเซียเมทัลในครั้งนี้จะเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับหุ้นใหม่
นอกจากนี้ AMC ยังจะมีข่าวดีเกี่ยวกับการจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นซึ่งจะมีการประชุมภายในเดือนมีนาคมนี้ โดยการจ่ายปันผลนั้นไม่จำเป็นต้องจ่ายเป็นเงินสดเท่านั้นซึ่งจะต้องพิจารณาความเหมาะสม และในอนาคตบริษัทอาจจะมีการระดมทุน โดยการออกตราสารหนี้ได้
นายชูศักดิ์ ยงวงศ์ไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการบริษัทเอเซียเมทัล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติที่จะเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 200 ล้านบาท เพิ่มเป็น 400 ล้านบาท โดยจะเสนอขายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมโดยจัดสรรในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ในราคาหุ้นละ 1 บาทซึ่งถือว่าเป็นระดับราคาที่ต่ำมาก โดยต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีซึ่งขณะนี้อยู่ที่หุ้นละ 1.80 บาท โดยยังไม่รวมกับผลประกอบการในปี 2547
อย่างไรก็ตาม จะต้องรอให้ผู้ถือหุ้นให้ความเห็นชอบเสียก่อน โดยจะมีการจัดประชุมวิสามัญ ผู้ถือหุ้นในวันที่ 1 มีนาคม 2548 นี้การเพิ่มทุนในครั้งนี้จะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นรวมเพิ่มขึ้นจาก 520 ล้านบาท เพิ่มเป็น 720 ล้านบาท และหนี้สินต่อทุนจะลดลงจาก 1.2 เท่าลดลงเหลือไม่ถึง 1 เท่า ซึ่งทำให้ฐานะการเงินแข็งแกร่งขึ้นและมีความสามารถในการกู้เงินจากสถาบันการเงินได้มากยิ่งขึ้น
สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวน 200 ล้านบาทนี้ จะนำไปเช่าพื้นที่ในจังหวัดนครราชสีมา เพื่อใช้เป็นศูนย์ในการกระจายสินค้าซึ่งบริษัทจะเน้นการจัดจำหน่ายในกรุงเทพฯและรอบปริมณฑลซึ่งจะใช้เงินประมาณ 50 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 150 ล้านบาทนั้น จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
สาเหตุที่บริษัทเพิ่มทุนเสนอขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิมนั้นเนื่องจากต้องการผู้ถือหุ้นรายย่อยได้รับประโยชน์จากการลงทุน และการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะทำให้ฐานทุนของบริษัทมีขนาดใหญ่ขึ้นซึ่งทำให้การประมูลงานของภาครัฐได้รับความเชื่อมั่นมากขึ้น
"ในแง่ของยอดขายบริษัทเอเซียเมทัลนั้น อยู่ในระดับใกล้เคียงกับบริษัทแปซิฟิกไพพ์, บริษัทสามชัย สตีลอินดัสเทรียล และบริษัทค้าเหล็กไทยแต่ในส่วนของทุนนั้นจะน้อยกว่าดังนั้นการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะช่วยทำให้ฐานของทุนมีความใกล้เคียงกัน" นายชูศักดิ์กล่าว
ทั้งนี้ ในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้าว่ามียอดขายภายในปี 2548 เพิ่มขึ้นประมาณ 30% โดยสินค้าของบริษัทในปัจจุบันนี้ที่มี 3 ประเภท คือท่อเหล็ก, เหล็กรูปตัวซีและศูนย์บริการเหล็กโดยในส่วนของท่อเหล็กซึ่งเป็นสินค้าที่ทำรายได้มากสุดนั้นคาดว่าภายในปีนี้จะมียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 100%
สำหรับกำลังการผลิตของบริษัทโดยรวมมีจำนวน 2.2 แสนตันต่อปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 1.38 แสนตันต่อปี โดยแบ่งเป็นท่อเหล็ก 8 หมื่นตันต่อปี, เหล็กรูปตัวซีจำนวน 5 หมื่นตันต่อปี และศูนย์บริการเหล็กจำนวน 9 หมื่นตันต่อปี สาเหตุที่กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นนั้นเนื่องจากมีการก่อสร้างโรงงานเพิ่มเติมทำให้พื้นที่โรงงานขยายจาก 1 หมื่นตารางเมตร เพิ่มเป็น 1.7 หมื่นตารางเมตร และได้มีการจัดซื้อที่ดินพื้นที่ 3 ไร่เศษเพื่อก่อสร้างโกดังสินค้า
นายชูศักดิ์กล่าวว่า ผลประกอบการปี 2547 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 121.30 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิ 173.70 ล้านบาท จากปี 2546 ที่มีกำไรสุทธิ 44.32 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้รวมปี 2547 ทั้งสิ้น 2,931.20 ล้านบาทจากรายได้รวมปี 2546 ซึ่งมีจำนวน 1,676.82 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 74.81% สาเหตุที่ผลประกอบการดีเนื่องจากความต้องการใช้เหล็กทั้งท่อเหล็ก เหล็กรูปตัวซี รวมทั้งความต้องการใช้เหล็กแผ่นรีดร้อนของผู้ผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศเพิ่มขึ้นมาก ทั้งในอุตสาหกรรมก่อสร้าง อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์, อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมยานยนต์
|
|
|
|
|