เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ กระจาย 23 ล้านหุ้น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ขณะนี้ยื่นไฟลิ่งให้ ก.ล.ต. นับหนึ่งแล้ว โดยแต่งตั้งให้ บล.ฟาอีสต์เป็นที่ปรึกษาการเงิน ซึ่งจะขายให้แก่ผู้มีอุปการคุณต่อบริษัท ต่อผู้จำหน่ายและให้นักลงทุนสถาบัน

บริษัท เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด(มหาชน) (ACAP) ได้ยื่นไฟลิ่งให้สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นับหนึ่งแล้ว เพื่อที่จะทำการกระจายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 23 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 23% ของทุนที่เรียกชำระแล้ว ซึ่งจะนำ บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ mai

โดยหุ้นที่จะจัดสรร บริษัทจะจัดสรรให้กับบุคคลทั่วไปที่มีอุปการคุณต่อผู้จัดจำหน่ายของบริษัท เสนอขายต่อบุคคลทั่วไปที่มีอุปการคุณต่อบริษัทและเสนอขายต่อนักลงทุนสถาบัน ซึ่งบริษัทได้แต่งตั้งให้บริษัทหลักทรัพย์ ฟาอีสต์ เป็นที่ปรึกษาการ เงินในการจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้

ปัจจุบัน เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ มีทุนจดทะเบียน 100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยชำระแล้ว 77 ล้านบาท และภายหลังการเพิ่มทุนแล้ว จะทำให้ทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วเพิ่มเป็น 100 ล้านบาท มีหุ้นสามัญ 100 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 1 บาท

ขณะที่กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่คือ กลุ่ม ดร.วิวัฒน์ วิทูรย์เธียร ถือหุ้น 79.01% และกลุ่มเจแปน เอเชีย อินเวสต์เม้นท์ ถือหุ้น 9.09% ภายหลังการเพิ่มทุนจะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นลดลงเหลือ 60.84% และ 7% ตามลำดับ

โดยเงินที่ได้จากการขายหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ บริษัทจะนำไปใช้เป็นทุนสำหรับวางค้ำประกันศาล สำหรับธุรกิจให้บริการเป็นผู้ทำแผนหรือผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ ใช้เป็นเงินทุนหมุนวียนอื่นๆ รวมทั้งประมูลงานหาลูกค้า ตลอดจนใช้จ่ายในการลงทุนทรัพย์สินเพื่อการขยายธุรกิจในอนาคตด้วย และบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน

สำหรับโครงสร้างรายได้ของบริษัทมาจากการปรับโครงสร้างหนี้ 38% จัดหาแหล่งเงินทุน 10% ที่ปรึกษาการเงิน 24% บริษัทสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ 27% ที่เหลือคืออื่นๆ โดยมีรายได้รวม 61 ล้านบาท และ 9 เดือนปี 47 มีหนี้สินรวม 172.62 ล้านบาท มีทรัพย์สินรวม 75.18 ล้านบาท

โดยผลงานงวดสําหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2547 บริษัทฯและบริษัทย่อย มีรายได้จากการให้บริการทั้งสิ้น 60.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าในอัตราร้อยละ 22 โดยในไตรมาส 3 ปี 2547 บริษัทฯเริ่มมีรายได้จากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเข้ามาประเภท Base Fee บางส่วน รวมทั้งมีการขยายรายได้จากธุรกิจอื่น นอกเหนือจากธุรกิจปรับโครงสร้างหนี้เพิ่มขึ้น เป็นผลให้มีลูกค้าจากธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินอื่น ได้แก่ การทํา due diligence การทํารายงาน cash monitoring เป็นต้น เพิ่มเข้ามา ทําให้ บริษัทฯมีสัดส่วนของรายได้จากธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพคิดเป็นร้อยละ 23 จากรายได้รวม และมีรายได้จากที่ ปรึกษาทางการเงินอื่นเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ระดับเพียงร้อยละ 13 เป็นร้อยละ 21 ของรายได้รวม สําหรับรายได้จาก การปรับโครงสร้างหนี้มีสัดส่วนลดลงไปเหลือเพียง ร้อยละ 47 ของรายได้รวม

สำหรับ เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ เป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจให้บริการที่ปรึกษาทางการเงิน และบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ โดยมีบริษัทย่อย 2 แห่ง คือ บริษัท เอเชี่ยน อินเตอร์ เนชั่นแนล แพลนเนอร์ส จำกัด มีทุนจดทะเบียน 4 ล้านบาท เพื่อเป็นผู้จัดทำแผน และบริหารแผนฟื้นฟูกิจการ ภายใต้กระบวนการศาลล้มละลายกลาง และบริษัท เอแคป เซอร์วิสเซส จำกัด ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจเป็นผู้ลงทุนในทรัพย์สินและระบบซึ่งบริษัทจะใช้ในการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ซึ่งเอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ ถือหุ้นเกือบทั้งหมดในสองบริษัทดังกล่าว