"เจริญโภคภัณฑ์อาหาร" มั่นใจไตรมาสแรกปีนี้ยอดขาย โต 10-15%
เนื่องจากตลาดส่งออกขยายตัวขึ้นทั้งในแง่ปริมาณและราคา โดยเฉพาะเนื้อไก่ส่งออก
ยืนยันไม่ได้รับผลกระทบจากการตรวจเข้มหาสารตกค้างจากสหภาพยุโรป ลั่นยอดขายทั้งปีคาดว่าเป็นไปตามเป้าหมาย
8.2 หมื่นล้านบาท นายอดิเรก ศรีประทักษ์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท
เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF เปิดเผยว่า ยอดขายในไตรมาส 1/2545
เติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยขยายตัวเพิ่มขึ้น 10-15% เมื่อเทียบ
กับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดขาย 15,700
ล้านบาท หรือคิดเป็นยอดขายรวม 17,270-18,055 ล้านบาท คาดว่า ยอดขายทั้งปี
2545 น่าจะอยู่ที่ระดับ 82,000 ล้านบาท สาเหตุที่ยอดขายปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากราคาขายและปริมาณอยู่ในเกณฑ์ที่ดีในตลาดส่งออก
โดยเฉพาะเนื้อไก่ขยายตัวทั้งในแง่ปริมาณและราคา ซึ่งในไตรมาสแรกปีนี้ CPF
ส่งออก ไก่แปรรูปเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว โดยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 70-80%
จากยอดส่งออกทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วส่งออกเพียง
60% โดยตลาดสหภาพยุโรปขยายตัวปีละ 30% สำหรับกรณีที่สหภาพยุโรปตรวจพบสารไนโตรฟูแรนต์นั้น
CPF ไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว เพราะมีการตรวจเข้มงวดก่อนส่งออกไก่และกุ้งอยู่แล้ว
แต่เชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะส่งผลดีต่อธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมอาหาร
โดย CPF ส่งออกไก่ไปจำหน่ายในสหภาพ ยุโรปประมาณ 35-40% ญี่ปุ่น 40% ที่เหลือส่งออกไปยังเกาหลีและสิงคโปร์
เป็นต้น
ปัจจุบันโครงสร้างรายได้ของ CPF 40% จะมาจากธุรกิจอาหารสัตว์บก สัตว์น้ำ
ซึ่งมีความมั่นคงในแง่ของรายได้ โดยมีส่วนแบ่งการตลาด 60% และ 40% ตามลำดับ
ส่วนรายได้ที่เหลือ 35% จะมาจากการขายไก่
ไข่ไก่ หมูในประเทศ ซึ่งกำไรแต่ละตัวขึ้นอยู่กับความต้องการของตลาด ทำให้การควบ
คุมกำไรไม่ค่อยได้ อย่างไรก็ตาม เฉลี่ยแล้วกำไร ขั้นต้นยังคงไปได้ดี โดยมีส่วนแบ่งการตลาดไก่
1 ใน 3 ของประเทศ
ส่วนหมู มีส่วนแบ่งการตลาด 20% ส่วนรายได้ที่เหลืออีก 20-25% จะมาจากการส่งออกไก่
และกุ้ง โดยมีอัตราการขยายตัวที่ดี เพราะประเทศมีข้อได้เปรียบทางด้านพื้นฐานวัตถุดิบ
แรงงาน และค่าเงิน ซึ่งคาดว่า
ในส่วนนี้จะมีอัตราการขยายตัวที่ดีขึ้น เพราะในปีนี้บริษัทได้ขยายการลงทุนโรงงานอาหารสัตว์น้ำในประเทศจีน
มูลค่าลงทุน 400-500 ล้านบาท และคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายในระยะเวลา 3-5
ปี นอกจากนี้ CPF
ยังได้ลงทุนในธุรกิจไก่ครบวงจร มูลค่าลงทุนประมาณ 4,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการผลิตเนื้อไก่แช่แข็ง
และเนื้อไก่แปรรูป เพื่อการส่งออกประมาณ 105,000 ตันต่อปี สำหรับการลงทุนในต่างประเทศของบริษัท
อาทิ เช่น เวียดนาม มาเลเซีย อินเดียนั้น ยังมีกำไรเข้ามา ยกเว้นการลงทุนในประเทศสหรัฐ-
อเมริกาที่ยังรับรู้ผลขาดทุนอยู่ โดยในปี 2544 มีผลขาดทุนสุทธิ 14.6 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยคาดว่าจะสามารถลดการขาดทุนได้หมดในปีนี้ ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส
วิคเคอร์ส ระบุว่า สำนักงานมาตรฐานอาหารของอังกฤษ (FSA) แถลงผลการตรวจสอบเนื้อไก่นำเข้าจากไทย
และบราซิลพบว่า
มีสารไนโตรฟูแรนต์ปนเปื้อนอยู่ 5 ตัวอย่างใน 45 ตัวอย่าง ซึ่งเป็นของไทย
3 ตัวอย่าง และบราซิล 2 ตัวอย่าง แต่ปริมาณสารปนเปื้อนยังต่ำมาก และทาง FSA
ไม่ได้แนะนำให้ผู้บริโภคหลีกเลี่ยงการรับประทานแต่อย่างใด นอกจากนั้นยังมีการพบสารไนโตรฟูแรนต์
ในตัวอย่างของไก่ที่วางขายใน Tesco ของ Belfast แต่ตัวอย่างนี้ยังไม่ทราบว่ามาจากประเทศใด
นับเป็นข่าวจิตวิทยาทางลบต่ออุตสาหกรรม ส่งออกไก่ของไทย โดยเฉพาะ CPF และ
GFPT ซึ่งเป็นผู้ส่งออกไก่รายใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
อย่างไรก็ดี
ผลกระทบต่อการดำเนินงานจะไม่มาก เนื่องจากสาร ปนเปื้อนที่พบมีน้อยมาก และเชื่อว่าทางอังกฤษจะยังไม่มีการยกเลิกการนำเข้าไก่จากไทย
เพียงแต่จะตรวจสอบเข้มงวดต่อไปอย่างน้อยถึงมิถุนายนศกนี้
ด้านผู้บริหารของ CPF เชื่อมั่นว่าไก่ที่ส่งออกไปยุโรปและขายใน Tesco จะไม่ใช่ของ
CPF แน่นอน เพราะบริษัทใช้ไก่จากฟาร์มของตนเองและ Contract farm ทั้งหมด
ซึ่งสามารถควบคุมการใช้สารปฏิชีวนะได้
นอกจากนั้นการส่งออกทุกล็อตที่การตรวจสอบเข้มงวด รายย่อยเสนอยืดอายุวอร์แรนต์
ด้านบรรยากาศการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นของเจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) เมื่อวานนี้
(17 เมษายน) มีผู้ถือหุ้น CPF
ได้เสนอให้บรรจุวาระเพิ่มเติมคือ การขอยืดอายุใบสำคัญสิทธิชุดที่ 1(CPF-W1)
ออกไปอีก 2 ปีจากเดิมวอร์แรนต์ดังกล่าว จะหมดอายุเดือนมิถุนายนนี้ โดยให้เหตุผลว่าการยืดอายุ
CPF-W1เป็นเวลา 2 ปี
จะช่วยยอดขายของ CPF เพิ่มขึ้นประมาณ 10-15% ตรงจุดนี้จะส่งผลให้ราคาใช้สิทธิน่าจะดีขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม มีผู้ถือหุ้นราย อื่นแสดงความไม่เห็นด้วย โดยกล่าวว่าอายุวอร์
แรนต์เป็นสิ่งที่ทุกคนทราบดีอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริษัทฯได้เสนอให้นับคะแนนเสียงว่าสมควรให้มีการยืดอายุ
CPF-W1 ออกไป เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม ปรากฏว่า มีผู้ถือหุ้นเห็นด้วยในการยืดอายุวอร์
แรนต์เพียง 1.2 ล้านหุ้น
จึงส่งผลให้ข้อเสนอยืดอายุ CPF-W1 ไม่ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมฯ ซึ่งจะต้องได้รับเสียงสนับสนุนไม่น้อยกว่า
1 ใน 3 ของจำนวนหุ้นที่ออกจำหน่าย หรือคิดเป็นจำนวนเสียง 1,297 ล้านหุ้น