Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน17 เมษายน 2545
วิโรจน์เผยเป้าหมายกรุงไทย ปฏิรูปคน-สาขาก่อนสิ้นปี45             
 


   
search resources

ธนาคารกรุงไทย
วิโรจน์ นวลแข




ปี2545 "วิโรจน์ นวลแข" เร่งสะสางปัญหาภายในแบงก์กรุงไทย โดยเฉพาะ ปฏิรูปสาขา-พนักงาน เพื่อรองรับเศรษฐกิจฟื้นตัวในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า เตรียมขายหนี้เอ็นพีแอล 6 หมื่นล้านราคา 60-70%

ให้บสท.เร่งลดสินทรัพย์รอการขาย 2 หมื่นล้านเพื่อสร้างเงินคืนกับธนาคาร พร้อมเปลี่ยนโฉมบริการธนาคารเป็น 24 ชั่วโมง นายวิโรจน์ นวลแข กรรม-การผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) KTB

เปิดเผยเป้าหมายของธนาคารในปี 2545 ว่า มีหลายปัญหาที่ธนาคารจะต้องพยายาม สะสางให้แล้วเสร็จเพื่อทำให้ธนาคาร สามารถดำเนินธุรกิจและแข่งขันกับ ธนาคารพาณิชย์อื่นได้ ซึ่งภารกิจเร่งด่วนคือ

จะต้องจัดการทุกเรื่องภายในธนาคารให้เรียบร้อยก่อน "ต้องล้างบ้านเพื่อให้บ้านมีความสะอาดเพราะจากการประเมิน เศรษฐกิจนับจากนี้ไป 1-2 ปีเศรษฐกิจน่าจะเริ่มดีขึ้น เพราะฉะนั้น

ธนาคารต้องเร่งทำความสะอาดบ้านให้แล้วเสร็จหากปีนี้ยังไม่สามารถทำได้อีกปีหน้า และปีต่อๆไปก็จะเป็นเรื่องที่ยากเพิ่มขึ้นตลอด ภารกิจที่ว่าคือ สางปัญหาหนี้ด้อยคุณภาพ การระบายสินทรัพย์รอการขาย

การปฏิรูปสาขา รวมถึงการปฏิรูปคนของแบงก์กรุงไทยด้วย" นายวิโรจน์กล่าว สำหรับหนี้ด้อยคุณภาพที่มีปัญหาอยู่กับธนาคารจำนวน 6 หมื่นล้านบาทจะดำเนินการขายหนี้ดังกล่าวให้กับบรรษัทบริหารสินทรัพย์

ไทย (บสท.) ซึ่งธนาคารคาดว่าจะขายได้ในราคา 4.7 หมื่นล้านบาทหรือในราคาประมาณ 60-70% จากราคามูลหนี้ที่มีอยู่ 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นลูกหนี้ที่มียอดหนี้ต่ำกว่า 50 ล้านบาท โดยธนาคารไม่ได้รับเป็นเงิน

สดจากการขายหนี้ดังกล่าว แต่จะได้รับเป็นตั๋วเงินแทน (ซึ่งธนาคารจะได้รับดอกเบี้ยจากการถือตั๋วเงิน ดังกล่าว) ธนาคารจะดำเนินการขาย ให้กับบสท.ให้แล้วเสร็จภายในเดือน

พฤษภาคมนี้เพราะได้มีการประชุมหารือกับบสท.มาแล้วกว่า 2 สัปดาห์ "ธนาคารจะเหลือหนี้ที่ต้องบริหารจัดการประมาณ 2 หมื่นล้าน บาท ขณะเดียวกันธนาคารก็ต้องเร่งจัดการกับสินทรัพย์รอการขายที่มีอยู่ 2

หมื่นล้านบาทโดยจะเปิดให้บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เข้ามาประมูล อีกครั้งเพื่อนำสินทรัพย์ดังกล่าวไป บริหารต่อไปเป้าหมายของธนาคารคือต้องจัดการ

ให้แล้วเสร็จภายในปีนี้ทั้งหมด" นายวิโรจน์กล่าวอย่างชัดเจนว่า เป้าหมายการขยายสินเชื่อปีนี้จะเป็นไปได้ตามแผนที่วางไว้ 170,000 ล้านบาท

โดยสินเชื่อส่วนใหญ่จะเน้นการสนับสนุนหน่วยงานภาครัฐและรัฐวิสาหกิจเพราะไม่มีความเสี่ยง เฉพาะเดือนเมษายนเดือน เดียวแม้ว่ายังไม่จบเดือนธนาคารยังสามารถปล่อยกู้ไปแล้ว 45,000 ล้านบาท

"การให้ความสำคัญกับการปล่อยกู้กับหน่วยงานรัฐทำให้ธนาคารไม่ต้องมีภาระเรื่องการ ตั้งสำรองและการปล่อยสินเชื่อให้กับรัฐบางครั้งก็ได้รับการค้ำประกันอีกด้วยจึงถือว่าไม่มีความเสี่ยง" นายวิโรจน์กล่าว

สนองลูกค้าคือหัวใจแบงก์กรุงไทย นายวิโรจน์ กล่าวว่า ในส่วนของการปฏิรูป สาขา ธนาคารต้องการให้สาขาเปิดให้บริการ24 ชั่วโมงแต่ไม่ได้หมายความว่าทุกสาขาต้องเปิดให้บริการลูกค้า 24 ชั่วโมง

ทั้งนี้ให้สาขาแต่ละแห่งเป็นผู้บริหารจัดการเองว่าจะดำเนินการได้หรือไม่ "ในความเป็นจริงแล้วธนาคารต้องการให้สาขาเป็น CEO เพราะปัจจุบัน มีผู้ว่าราชการจังหวัด CEO

อยู่แล้วและเป็นสิ่งที่ไม่แปลกที่ธนาคารกรุงไทยจะมี สาขา CEO" นายวิโรจน์กล่าวและย้ำว่า "ผมมั่นใจว่ากรุงไทยทำสาขา CEO

ได้เพราะปีนี้ระบบรีเอ็นจิเนียริ่งของสาขาเสร็จสมบูรณ์แน่ ในขณะที่การรีเอ็นจิเนียริ่งคนก็เสร็จแล้ว โครงสร้างผู้บริหารใหม่ก็เสร็จไปแล้วและใช้มาแล้วเมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเพราะฉะนั้นลำดับต่อไปคือต้องเปิดให้บริการกับลูกค้าได้24

ชั่วโมง โดยที่พนักงานของแบงก์ไม่ต้องทำงาน 24 ชั่วโมง แต่ให้ระบบงานทำหน้าที่แทนโดยเฉพาะระบบคอมพิวเตอร์" ขณะเดียวกันเป้าหมายที่จะทำให้ธนาคารเป็นจริงได้ พนักงานระดับผู้จัดการสาขาต้องเขียน

เป้าหมายหรือแผนการทำงานว่าใน 6 เดือนจะทำอะไรบ้างเสนอมา 6 ข้อ เพราะหากเกิน 6 ข้อผู้จัดการสาขาจะไม่สามารถปฏิบัติได้ สำหรับสินเชื่อผู้บริโภค ที่ส่วนใหญ่เป็นราย ย่อยมาก ๆนั้น

ธนาคารยังไม่มีความชำนาญ และเชื่อว่าธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบก็ยังไม่มีใครรู้เรื่อง นี้จริงเหตุที่ธนาคารยังไม่เน้นเพราะยังไม่มีข้อมูล

ที่แท้จริงไม่มีความพร้อมในช่วงนี้ธนาคารกำลังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาหาข้อมูลอยู่คาดว่าใช้เวลาประมาณ 6 เดือนนับจากนี้ สินเชื่อผู้บริโภค บริษัทจีอี และ

อิออนธนสินทรัพย์เท่านั้นที่มีความชำนาญในเรื่องนี้และมีฐานลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจนและถือว่าเป็นบริษัท ที่รู้เรื่องนี้จริงและบริษัทเหล่านี้ไม่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

ทำให้สามารถทำธุรกรรมได้สะดวกและรวดเร็วกว่าธนาคารพาณิชย์และที่สำคัญไม่ต้องมีภาระการตั้งสำรองเหมือนกับธนาคารพาณิชย์

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us