Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน17 เมษายน 2545
ตลท.เสนอ2แนวทางแปรรูป             
 


   
search resources

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย




ประธานตลท. เผยมี 2 แนวทางในการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์ เสนอให้กระทรวง คลังพิจารณา ทั้งลดโครงสร้างกรรมการ หรือตั้งบริษัทลูกรับทำ งานปฏิบัติการ พร้อมพอใจภาพรวมตลาดหุ้นไตรมาสแรก นายชวลิต

ธนะชานันท์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้คณะกรรมการพิจารณาการปรับองค์กรตลาดหลักทรัพย์เป็นองค์กรเอกชน ได้จัดทำแนวทาง การแปรรูป ตลท.

เสร็จเรียบร้อยแล้วจะนำเสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณาต่อไป สำหรับแนวทาง ในการแปรรูป ตลท.มีอยู่เพียง 2 แนวทาง คือ การปรับปรุงโครงสร้าง คณะกรรมการ ตลท. ให้มีความหลากหลาย

และสะท้อนความมีส่วนร่วมขององค์กรต่าง ๆ ในตลาด ทุนมากขึ้น ด้วยการลดสัดส่วนตัวแทนจากบริษัทหลักทรัพย์ที่เดิมมี 5 คน เหลือ 3 คน โดยให้ตัวแทน 2 คน ที่ถูกลดลงไป มาจาก

การสรรหาของคณะกรรมการสรรหากรรมการ ตลท. ขณะที่อีกแนวทางหนึ่งคือการจัดตั้งบริษัทลูกในรูปของบริษัทปฏิบัติการหรือ อ็อปโค ได้มีการวางแนวทางเบื้องต้นไว้แล้ว แต่ต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปี

เนื่องจากเป็นเรื่องที่ต้องผ่านขั้นตอนนิติบัญญัติจากรัฐสภาก่อน ทั้งนี้ การแปรรูปของ ตลท. จะหยุดอยู่แค่ 2 แนวทางดังกล่าวก่อน โดยจะยังไม่มีการดำเนินการในเรื่องการกระจายหุ้นให้กับประ- ชาชนทั่วไป

และนำหุ้นของ ตลท. เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น เนื่องจากปัจจุบันยังไม่สามารถหาข้อสรุปที่ชัดเจนได้ว่า การแปรรูปอย่างเต็มรูปในลักษณะดังกล่าว

จะเป็นผลดีต่อการพัฒนาระบบตลาดทุนของประเทศมากน้อยเพียงใด "การขายหุ้นให้กับประชาชนยังเป็นเรื่องที่ไกลเกินไป และไม่มีใครรับประกันได้ว่าจะมีประโยชน์อย่างไรบ้าง เพราะเมื่อ ตลท.

แปรรูปเป็นเอกชนแล้ว จะรู้ได้อย่างไรว่า ตลท. จะยังทำทุกอย่างเพื่อนักลงทุนอย่างแท้จริง เนื่องจากตัวเองก็ต้องเปลี่ยนบทบาทไปทำธุรกิจเพื่อแสวงหากำไรมากขึ้น ส่วนการจัดตั้งอ็อปโคนั้น

จะต้องมีการกำหนดออกมาว่าจะให้ใครเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วนเท่าใด ใครเป็นเจ้าของ และจะมีแนวทางในการดำเนินการอย่างไร ซึ่งประเด็นที่ว่าการจัดตั้งอ็อปโคแล้วจะทำให้การดำเนินงาน ของ ตลท.

ปลอดการแทรกแซงจากการเมืองหรือไม่นั้น เป็นเรื่องที่พูดยาก แต่ที่แน่ ๆ คือ จะทำให้การดำเนินงานของ ตลท. มีความคล่องตัวมากขึ้น" Q1'45 พอใจ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวต่ออีกว่า

ผลการดำเนินงานของ ตลท.ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาว่า โดยภาพรวมถือว่าน่าพอใจ เพราะดัชนีราคาหุ้นไทยปรับตัวขึ้นจากเมื่อ สิ้นปีที่แล้วถึงร้อยละ 27-28 ขณะที่มาร์เกตแคป ก็ปรับตัวสูงขึ้นกว่าร้อยละ 40

มาอยู่ที่ 1.96 ล้านล้านบาท แต่จุดที่ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร คือ การเพิ่มบริษัทจดทะเบียนในตลท.รวมถึงตลาดหลักทรัพย์ใหม่ (เอ็มเอไอ) โดยในส่วน ของบริษัทเอกชนมีจำนวนน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้

ส่วนรัฐวิสาหกิจนั้น ปรากฏว่ายังไม่มีรัฐวิสาหกิจ แห่งใดที่สามารถเข้าจดทะเบียนและกระจายหุ้นในตลท.เพิ่มเติม หลังจากที่ปีก่อนมีรัฐวิสาหกิจ 2 แห่ง คือ บริษัทอินเทอร์เน็ตประเทศไทย หรือไอเน็ตและบริษัท

ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้าจด ทะเบียน ขณะเดียวกัน กลับมีบริษัทจดทะเบียน เดิมหลายแห่งที่ขอเพิกถอนตัวเองออกไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีบริษัทเอกชนอยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อเข้าจดทะเบียนทั้งในตลท.

และเอ็มเอไออยู่ประมาณ 30 บริษัท ซึ่งทุกบริษัทแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินเรียบร้อยแล้ว และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการกระจายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไป (ไอพีโอ) ได้ตั้งแต่กลางปีเป็นต้นไป ทำให้ ตลท.มั่นใจว่า

เป้าหมายการเพิ่ม บริษัทจดทะเบียนของทั้ง 2 ตลาด รวม 50 บริษัทในปีนี้ที่เคยประกาศออกไป จะเป็นไปตามที่วางไว้ สำหรับปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อแนวโน้ม ตลาดหุ้นไทยต่อจากนี้ไป

ปัจจัยหลักยังเป็นเรื่องของภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่มีทิศทางการฟื้นตัวที่ชัดเจน ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้บริษัทที่กำลังเตรียมเข้าจดทะเบียนใน ตลท. เกิดความ ลังเล เพราะหากเศรษฐกิจไม่ดีอย่างที่คาดการณ์

ไว้ จะส่งผลต่อการเสนอขายหุ้นของบริษัททันที เท่าที่ทราบขณะนี้มีหลายบริษัทที่อยู่ในภาวะต้องตัดงบประมาณค่าใช้จ่ายต่างๆ ลงไปค่อนข้าง มาก สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทเหล่านี้มองว่าทิศทาง

เศรษฐกิจยังไม่ดีนัก "แม้ภาวะเศรษฐกิจของไทยในช่วงไตรมาส ที่แรกผ่านมายังดูไม่ดีนัก โดยจากข้อมูลของเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ตัวเลขการส่งออกที่เป็นตัวจักรสำคัญอย่างหนึ่งในการฟื้นเศรษฐกิจยังปรับตัวลดลงร้อยละ 8 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน

แต่ก็ถือว่าเร็วไปที่จะมาสรุปถึงทิศทางเศรษฐกิจในปีนี้ทั้งปีซึ่งยังเหลือเวลาอยู่อีกหลายเดือน โดยยอมรับว่า การที่เศรษฐกิจ ไทยจะฟื้นตัวหรือไม่ จะต้องดูทิศทางของเศรษฐกิจโลกด้วย

โดยเฉพาะเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หากเศรษฐกิจสหรัฐฯดี ประเทศไทยก็จะได้รับประโยชน์ไปด้วย" นายชวลิต กล่าว รายงานข่าวจาก ตลท. ระบุว่า บริษัทจดทะเบียนที่เข้าจดทะเบียนใน

ตลท.ในไตรมาสแรกที่ผ่านมามีจำนวน 1 บริษัท ได้แก่ บริษัทไอทีวี ส่วนที่เข้าจดทะเบียนในเอ็มเอไอมี 1 บริษัทเช่นกันคือ บริษัท ชูโอ เซ็นโก (ประเทศไทย) ขณะที่บริษัทจดทะเบียนที่ขอเพิกถอนออกจาก

ตลท.มีจำนวน 4 บริษัท ประกอบด้วยบริษัทเงินทุน เอไอจี ไฟแนนซ์ (ประเทศไทย)บริษัท ชลประทาน ซีเมนต์บริษัท ยูไนเต็ดฟูดส์ และบริษัท เดอะโคเจเนอเรชั่น

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us