Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน12 เมษายน 2545
ศึกพรประภารอบใหม่สยามกลการปะทะเคพีเอ็นเปิดรร.สอนดนตรี             
 


   
search resources

สยามกลการ, บจก.
เคพีเอ็น มิวสิค, บจก.




พบศึกธุรกิจในตระกูลพรประภารอบใหม่ เมื่อกลุ่มโรงเรียนสอนดนตรีสยามกลการ ของพรเทพ พรประภา ปะทะ เคพีเอ็น มิวสิค ของคุณหณิงพรทิพท์ ณรงค์เดช

ต่างฝ่ายต่างเร่งขยายตัวและปรับธุรกิจเพื่อการแข่งขันในธุรกิจโรงเรียนสอนดนตรี ด้านสยามกลการเตรียมปรับภาพลักษณ์ใหม่ทั้ง 76 สาขา ส่วนเคพีเอ็นเปิดได้เพียง 2 ปี

เร่งเปิดสาขาตามมาติดๆพร้อมดึงครูสอนดนตรีจากสยามกลการเข้ามาร่วมงานกับเคพีเอ็นด้วย นายอำนาจ สันติชีวิน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สยามดนตรียามาฮ่า จำกัด เปิดเผยว่า

ในปีนี้ทางบริษัทมีแผนที่จะปรับภาพลักษณ์ใหม่ ของโรงเรียดนตรีสยามกลการ หลังจากที่เปิดดำเนินการมานานกว่า 36 ปีแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาสาขาของโรงเรียนดนตรีสยามกลการ ที่เป็นของแฟรนไชส์ทั้งหมด

จะมีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป แต่ยังคงมีชื่อของ สยามดนตรียามาฮ่า หรือสยามกลการ อยู่ด้วย ซึ่งสร้างความสับสนให้แก่ประชาชนไม่น้อย ดังนั้น บริษัทจึงได้เปลี่ยนชื่อโรงเรียนให้เป็นชื่อเดียวกันทั้งหมด

โดยจะใช้ชื่อว่า โรงเรียนดนตรีสยามกลการ และมีสถาบันดนตรียามาฮ่าเป็นสถาบันรับรองหลักสูตรการสอน โดยมีนายพรเทพ พรประภา เป็นผู้อำนวยการสถาบัน ทั้งนี้ เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน

และสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ผู้เข้ามาเรียน การเปลี่ยนชื่อโรงเรียนในครั้งนี้ จะดำเนินการพร้อมกับการปรับเปลี่ยน ภาพลักษณ์ของโรงเรียนใหม่ให้เหมือน กันทุกแห่ง ทั้งโลโก้ บรรยากาศ

และหลักสูตรการสอนที่ต้องมีครบทุกหลักสูตรในทุกสาขา โดยคาดว่าในปีนี้จะดำเนินการแล้วเสร็จ 38 แห่ง จากสาขาที่มีอยู่ทั่วประเทศ 76 แห่ง นอก จากนี้จะขยายสาขาเพิ่มในปีนี้อีก 10 แห่ง

โดยจะเน้นเปิดในศูนย์การค้าเป็นหลัก สำหรับผู้สนใจจะซื้อแฟรนไชส์โรงเรียนดนตรีสยามกลการนั้น ไม่ต้อง เสียค่าใช้จ่ายมาก เพียงใช้เงินลงทุนขนาดพื้นที่ 400 ตารางเมตร ประมาณ 7-8 ล้านบาท

รองรับนักเรียนได้ 1,500 คนต่อเดือน เจ้าของแฟรนไชส์จะมีรายได้เดือนละ 1 ล้านบาท และเสียเพียงค่ารอยัลตี้ฟีให้แก่บริษัทเพียงเท่านั้น นายอำนาจ กล่าวว่า

การที่กลุ่มสยามกลการสนในเรื่องการเปิดโรงเรียนสอนดนตรีนั้น เนื่องจากเล็งเห็นว่าในปัจจุบันยังไม่มีสถาบันใดที่สอนดนตรี และมีใบรับรอง ให้แก่ผู้เรียนโดยเฉพาะ จึงได้ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อ

ส่งเสริมให้เยาวชนมีความสามารถในการเล่นดนตรี โดยลูกศิษย์ที่จบไปและสร้างชื่อเสียงให้แก่โรงเรียน อาทิ บุปผา ธรรมบุตร เป็นต้น นอกจากนี้ยังถือเป็นช่องทางจำหน่ายเครื่องดนตรียามาฮ่า

ที่บริษัทเป็นผู้นำเข้ามา จำหน่าย ซึ่งพบว่านักเรียนที่เข้ามาเรียน ในโรงเรียนดนตรีสยามกลการ ทั้ง 100% จะซื้อเครื่องดนตรียามาฮ่าไปฝึกซ้อมที่บ้านด้วย อย่างไรก็ตาม

การดำเนินงานของโรงเรียนดนตรีสยามกลการที่ผ่าน มายังต้องอาศัยรายได้จากการขายเครื่องดนตรี ที่มียอดขายปีละกว่า 200 ล้านบาท เป็นส่วนช่วยพยุงธุรกิจ แต่เชื่อว่านับจากนี้ไปในส่วนของโรงเรียน

จะสามารถเลี้ยงตัวเองได้ ในด้านการแข่งขันในธุรกิจโรงเรียนสอนดนตรีนั้น นายอำนาจ กล่าวว่า ปัจจุบันยังไม่มีคู่แข่งขันโดย ตรง ที่เปิดมาส่วนใหญ่เป็นโรงเรียนสอนร้องเพลง และมีเพียง 1-2 สาขาเท่านั้น

ส่วนโรงเรียนสอนดนตรี เคพีเอ็น มิวสิค จะว่าไปแล้วก็เป็นทั้งคู่แข่ง และคู่ค้า ในส่วนของคู่แข่งขัน ต่างคน ต่างเปิดโรงเรียนโดยใช้หลักสูตรไม่เหมือนกัน ส่วนการเป็นคู่ค้าก็คือ

ยังซื้อเครื่องดนตรีของยามาฮ่าไปใช้ในการสอน และเด็กนักเรียนก็ซื้อเครื่องดนตรียามาฮ่าไปเล่นที่บ้านด้วยเช่นเดียวกัน เคพีเอ็น ชี้ ต่างจากสยามกลการ ทางด้านนายณพ ณรงค์เดช (บุตรชายคุณหญิงพรทิพย์)

ประธานบริหาร บริษัท เคพีเอ็น มิวสิค จำกัด ในเครือบริษัท เคพีเอ็น โฮลดิ้ง ผู้บริหารสถาบันดนตรีเคพีเอ็น กล่าวว่า การดำเนินงานของสถาบันดนตรีเคพีเอ็นจะแตกต่างจากการดำเนินงานของบริษัท

สยามดนตรียามาฮ่า จำกัดอย่างสิ้นเชิง โดยสถาบันดนตรีเคพีเอ็น จะเน้นการเรียนการสอนดนตรี ในลักษณะเน้นการพัฒนาหลักสูตรดนตรี ในระดับสูงขึ้นไป เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจ ในดนตรี

รวมถึงการพัฒนาคุณภาพให้รวดเร็วขึ้น ในขณะที่โรงเรียนสยามดนตรียามาฮ่า (หรือโรงเรียนดนตรีสยามกลการ) จะเน้นการขายเครื่องดนตรีมากกว่า การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน

ซึ่งเมื่อนักเรียนเรียนดนตรีในระดับที่สูงขึ้น ก็มีความ จำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนเครื่องดนตรีไปในระดับเดียวกับหลักสูตรที่เรียน และทางโรงเรียนสยามดนตรี ยามาฮ่า ก็จะขายเครื่องดนตรีให้กับนักเรียน

ซึ่งแตกต่างจากการบริหารงานของสถาบันดนตรีเคพีเอ็น เพราะเคพีเอ็นจะไม่เน้นการขายเครื่องดนตรีเลย แต่ก็มีเครื่องดนตรีไว้รองรับกับความต้องการของลูกค้า บ้าง แต่ไม่ทุกชนิด ปัจจุบันนี้

ลูกค้าส่วนใหญ่จะรู้จักโรงเรียนสยาม ดนตรียามาฮ่ามากกว่าเคพีเอ็น เพราะตั้งมานานกว่า 35 ปี ในขณะที่สถาบันดนตรีเคพีเอ็นเปิดให้บริการเพียง 2 ปีเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทก็รู้ว่าจะเป็น

จุดอ่อนในการดำเนินงาน จึงได้เตรียมการรับมือด้วยการนำอาจารย์ ที่มีชื่อเสียงหลายคนเข้ามาช่วยในการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าว่า การที่เลือกที่เรียนที่สถาบัน

ดนตรีเคพีเอ็น จะมีคุณภาพเหมือนกับเรียนที่โรงเรียนที่มีชื่อเสียงและเปิดสอนมานาน สำหรับอาจารย์ที่เป็นที่ปรึกษาและร่วมเขียนหลักสูตรให้กับเคพีเอ็น ได้แก่ อาจารย์วิรัช อยู่ถาวร, อาจารย์วินัย พันธุรักษ์,

อาจารย์ดุษฎี พนมยงค์, อาจารย์นรอรรถ จันทร์กล่ำ, ผศ.ธงสรวง อิศรางกูร ณ อยุธยา, ดร.รังสิมา บุณสินสุข, ผศ.ดวงใจ อมาตยกุล, อาจารย์วรรณฤดี หาญสมบูรณ์ และอาจารย์เศกพล อยู่สำราญ เป็นต้น

นอกจากนำจุดเด่นของอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในวงการดนตรีมารวมอยู่ที่เคพีเอ็นแล้ว ยังมีทีมงานระดับผู้บริหารอีก 7 คน ที่เคยร่วมงานกับคุณหญิงพรทิพย์ ณรงค์เดช ผู้ก่อตั้งโรงเรียน สยามดนตรี ยามาฮ่า

มาร่วมงานกับเคพีเอ็นอีกด้วย ฉะนั้นด้วยประสบการณ์การทำงานของมืออาชีพ ประกอบกับมีอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในวงการดนตรีร่วมงานด้วย จะช่วยสร้างความมั่นใจว่าการเลือกเรียนที่สถาบันดนตรีเคพีเอ็นนั้น

จะได้คุณภาพแม้ว่าจะเปิดให้บริการ เพียง 2 ปีก็ตาม "คุณหญิงพรทิพย์ เป็นผู้ที่ริเริ่มและก่อตั้งโรงเรียนสยามดนตรียามาฮ่าแห่งแรกที่ถนนพระราม 1 ปทุมวัน เมื่อปี 2509 หรือเมื่อ 35-36 ปีก่อน

รวมทั้งเป็นผู้ที่ริเริ่มให้มีการประกวดร้องเพลงถ้วยพระราชทานชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย (KPN AWARD)

และการประกวดร้องเพลงยุวชนชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทยถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินินาถ (KPN JUNIOR AWARD) ด้วย ซึ่งตรงจุดนี้สะท้อนให้เห็นว่า

สถาบันดนตรีเคพีเอ็นจะสามารถสอนนักเรียนให้คุณภาพได้ เห็นได้จากนักร้องหลายคนที่มีชื่อเสียงในขณะนี้ เคยผ่านการประกวดร้องเพลงที่ในเวทีนี้มาก่อน เช่น ทาทายัง, เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์, น้องพลอย

ณัฐชา, นนทิยา จิวบางป่า" นายณพ กล่าว เคพีเอ็นเร่งสยายปีก นายณพ กล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเปิดสาขาเพิ่ม จะเน้นการขายแฟรนไชส์ และไม่เน้นการลงทุนเอง

เพราะการขายแฟรนไชส์จะช่วยให้มีสาขาให้บริการลูกค้าได้รวดเร็วกว่าการลงทุนเอง และครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยผู้สนใจสมัครเป็นแฟรนไชส์ จะต้องเสียค่าสมัคร 750,000 บาทต่อ 5 ปี

สามารถต่ออายุสัญญาได้อีก 5 ปี สำหรับค่าระบบการจัดการ, ซอฟต์แวร์, ค่ารอยัลตี้ฟีเดือนละ 35,000 บาท และค่าสถานที่รวมตกแต่ง ซึ่งจะต้องมีพื้นที่อย่างน้อย 350 ตารางเมตรขึ้นไป ทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท

รวมลงทุนทั้งสิ้น 5 ล้านบาท คาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 3 ปี บริษัทคาดว่า ในปีนี้จะเปิดสาขาของแฟรนไชส์ ได้ 15 แห่ง และจะเพิ่มเป็นอย่างน้อย 30 แห่ง ภายใน 3 ปี

ตั้งอยู่ในกรุงเทพฯเป็นส่วนใหญ่และต่างจังหวัด ตามหัวเมืองใหญ่ ๆ เช่น เชียงใหม่ สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต เป็นต้น จากที่ปัจจุบันมีสาขารวม 6 แห่ง เป็นสำนักงานใหญ่ที่ลงทุนโดยบริษัทเอง 1 แห่ง

ตั้งอยู่บนถนนพระราม 9 ส่วนที่เหลือเป็นการลงทุนของแฟรนไชส์ อีก 5 แห่ง ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านสีวลี รังสิต สยามสแควร์, ปิยรมย์ สุขุมวิท ซอย101, เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และเซ็นทรัล ลาดพร้าว

"การเปิดสาขาใหม่นั้นจะไม่ใช่การแข่งขันกันเอง ระหว่างบริษัทกับแฟรนไชส์ เพราะสำนักงาน ใหญ่จะปรับตัวเองด้วยการพัฒนาหลักสูตร และเปิดสอนตั้งแต่หลักสูตรเบื้องต้นจนถึงหลักสูตรระดับบน

แต่แฟรนไชส์จะเน้นการเรียนในหลักสูตร เบื้องต้นเป็นหลัก ดังนั้น จะไม่มีการแข่งขันกันเอง แต่จะเป็นการสร้างฐานลูกค้า และสร้างตลาดของธุรกิจโรงเรียนสอนดนตรีมากกว่า" นายณพกล่าว

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us