Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2548








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2548
วันเด็กกับ Los Reyes Magos             
โดย ธนิต แก้วสม
 





ตัวเอกสามคนที่ทำให้เวลาหัวรุ่งของวันที่ 6 มกราคมของทุกปีในประเทศสเปน เป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ เป็นรุ่งเช้าแห่งความสมปรารถนาของเด็กๆ มีชื่อว่า Los Reyes Magos

ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จักเรื่องราวจริงๆ ของ Los Reyes Magos ว่ามีความเป็นมาอย่างไร ส่วนหนึ่งเพราะว่าเป็นความประทับใจสมัยเด็ก และในตอนนั้นสิ่งที่สนใจมากกว่า และจำได้ดีกว่าคือ ของขวัญ

สามกษัตริย์หรือในภาษาอังกฤษ เรียกกันว่า Three Kings คนสเปนเรียกว่า โลส-เร-เยส-มา-โกส หากจะหาประวัติที่มาของพวกเขา เราต้องย้อนไปดูในคัมภีร์ไบเบิล

ในบทที่สอง จากวรรคที่หนึ่งไปจนถึงวรรคที่สิบสอง ได้กล่าวถึงเหล่าคณาจารย์กลุ่มหนึ่งว่า จากการตรวจดูความสว่างของดวงดาวบนท้องฟ้า เป็นนัยบอกให้รู้ว่ามีเหตุการณ์สำคัญอย่างหนึ่งบังเกิดขึ้น และเป็นเหตุให้พวกเขาได้มายังเมืองเยรูซาเล็น ที่หมู่บ้านเบเล็น เพื่อมาพบและมาบูชาเด็กน้อยเยซู ผู้เป็นศาสดาใหม่ที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้น เมื่อเข้าไปในบ้านก็พบกับนางมาเรียผู้เป็นแม่ จากนั้นก็ได้ทำการสักการะ พร้อมมอบของขวัญส่วนตัวคนละชิ้นแก่ผู้มาเกิดใหม่

แต่ในพระคัมภีร์ก็ไม่ได้กล่าวรายละเอียดว่าพวกเขามาจากไหน และก็ไม่ได้บอกด้วยว่าเป็นกษัตริย์ ผู้รู้หลายท่านจึงให้ความเห็นว่า ที่กล่าวกันว่าเป็นกษัตริย์ ทั้งนี้ก็เพื่อยกระดับฐานะของพระเยซูให้อยู่ในระดับที่สูง ในฐานะเป็นคนที่พระเจ้าส่งมา

และยังมีการตีความในลักษณะอย่างอื่นอีก เช่น บอกว่า สามกษัตริย์นั้นน่าจะเป็นคณาจารย์ทางโหราศาสตร์จากบาบิโลเนีย หรือไม่ก็เป็นนักบวชชาวเปอร์เซีย ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องโหราศาสตร์มาก และในสมัยนั้นทั้งเมืองบาบิโลเนียและเมืองเปอร์เซีย ก็เป็นศูนย์กลางการศึกษาทางโหราศาสตร์ พวกคณาจารย์เหล่านี้ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีในสังคม และมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนในสมัยนั้นอยู่ไม่น้อย

ส่วนในเรื่องของตัวเลข ก็บอกไม่ชัดว่าเป็นสาม หรือเป็นเท่าไรกันแน่ แต่ก็ยอมรับกันว่า สาม นับตามจำนวนของขวัญที่นำมามอบให้กับเด็กน้อยเยซู

สามกษัตริย์นั้นมีนามเรียกขานกันดังนี้ Melchor (เมลชอร์) Gaspar (กาสปาร์) และ Baltasar (บัลทาซาร์) แต่ก็เป็นเพียงชื่อที่เรียกกันในประเทศตะวันตก ชื่อเดิมจริงๆ ไม่มีใครทราบและก็ไม่มีบันทึกไว้ที่ไหน

ลักษณะของสามกษัตริย์นี้จะนำเสนอ สามชาติพันธุ์ Melchor เป็นชายแก่ผิวขาว มีหนวดเคราสีขาวยาว Gaspar จะหนุ่มกว่า มีผมสีทอง ส่วน Baltasar มีผิวดำเข้ม การบรรยายลักษณะผิวพรรณนี้เป็นการบรรยายตามที่มีการกำหนดขึ้นในภายหลัง ราวศตวรรษที่ 14 ทั้งนี้ก็เพื่อแสดงความเป็นสากลของพระเยซูที่มีผู้เคารพจากหลายชนชาติและเผ่าพันธุ์

แต่อย่างไรก็ตาม ลักษณะของสามกษัตริย์ในแต่ละตำนานและแต่ละภาษาก็แตกต่างกันไป ไม่ว่าเป็นเรื่องของชื่อ หรือแม้กระทั่งจำนวน พวกกรีกก็ว่าอย่างหนึ่ง พวกยิวก็ว่าอีกอย่างหนึ่ง

หลังจากที่สามกษัตริย์ได้เข้าคารวะเด็กน้อยเยซูแล้ว ก็ได้กลับไปยังถิ่นฐานของตน เรื่องราวเป็นอย่างไรต่อไป ก็ไม่ได้มีบันทึกไว้ที่ไหน แต่มีการเล่ากันว่า พวกเขาได้ไปเป็นนักบุญ ได้ทุ่มเทเผยแผ่คำสอนของพระเยซูจนสิ้นชีวิตในราวปี ค.ศ.60

ธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันในปัจจุบัน เอามาจากเรื่องตามตำนานดังที่กล่าวแล้วในข้างต้น แต่ตัดตอนมาได้ในช่วงที่ว่า มีผู้ยิ่งใหญ่สามท่านขี่อูฐมาจากแดนไกล นำของขวัญและของเล่นมามอบให้เด็กๆ

ก่อนถึงวันเรเยส เด็กๆ ทุกคนจะเขียนจดหมาย ไปถึง Los Reyes Magos บอกความปรารถนาของตนลงไปในจดหมายแล้วในเช้าวันที่ 6 มกราคม เมื่อเปิดประตูออกมาก็จะพบกับสิ่งที่ตนได้ขอไว้ วางอยู่หน้าประตูนั่นเอง มันช่างวิเศษจริงๆ เหมือนดั่งความฝัน สร้างความประทับใจให้กับเด็กๆ เป็นอย่างมาก เพราะความอัศจรรย์อย่างนี้เองจึงเรียกพวกเขา ขวัญใจเด็กๆ ว่า Reyes Magos คำว่า Rey หมายถึง กษัตริย์ ส่วน คำว่า Mago หมายถึง พ่อมด หรือผู้มีฤทธิ์ รวมกันก็เป็นกษัตริย์ผู้มีฤทธิ์ ผู้สามารถบันดาลความปรารถนาของเด็กๆ ให้สำเร็จได้อย่างอัศจรรย์

ในวันที่ 6 มกราคม ช่วงกลางวัน ก็จะมีการจัดกิจกรรมที่หลากหลายให้กับเด็กๆ ได้สนุกกัน แต่ที่ทำกันเป็นประจำ คือ จะจัดเป็นขบวนแห่ไปตามถนนบนรถก็จะมีสามกษัตริย์คอยแจกและหว่านของขวัญให้กับเด็กๆ ที่ยืนคอยอยู่ตลอดสองข้างทาง ของขวัญในขบวนส่วนใหญ่เป็นลูกกวาดและช็อกโกแลต ว่ากันว่า ในวันดังกล่าวลูกกวาดและขนมถูกแจกไปหลายสิบตัน

ถ้าถามเด็กๆ ในสเปนว่า ระหว่าง Santa C กับ Reyes Magos รู้จักใครมากกว่ากัน เด็กๆ ก็จะตอบตรงกันว่า Reyes Magos และถ้าถามต่อว่า แล้วชอบใครมากกว่า เด็กๆ ก็จะตอบอีกว่า Reyes Magos เหตุผลก็คือ ขออะไรไป ก็ได้ทุกครั้ง เด็กๆ บางคนถึงกับวางแผนข้ามปี ว่าปีหน้าจะเอาอะไร ส่วนใหญ่แล้วจะขอของขวัญชิ้นใหญ่และแพงเป็นพิเศษ

แม้ว่าการหาชื้อของขวัญโดยเฉพาะของเด็กเล่น ในช่วงปีใหม่ไม่ใช่เรื่องยาก แต่จะยากในการหาของเล่นราคาประหยัด เพราะมักจะมีราคาเพิ่มขึ้น 2-3 เท่า

สำหรับคุณพ่อคุณแม่แล้ว ต้องร่วมมือกับ Reyes Magos อย่างเต็มกำลัง (ทั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์) เพื่อจะสร้างความอัศจรรย์ของเช้าตรู่วันที่ 6 มกราคมให้บังเกิดขึ้น แม้ว่าความตื่นเต้นและความประทับใจจะลดน้อยลงไปเมื่อเด็กน้อยเริ่มโตขึ้น แต่ก็ถือว่าสิ่งนี้ได้สร้างสีสันให้กับครอบครัวในช่วงปีใหม่ได้ไม่น้อย   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us