Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page


ตีพิมพ์ใน นิตยสารผู้จัดการ
ฉบับ กุมภาพันธ์ 2548








 
นิตยสารผู้จัดการ กุมภาพันธ์ 2548
ผู้นำเอเชีย             
โดย ธวัชชัย อนุพงศ์อนันต์
 





สึนามิถล่มประเทศในแถบเอเชียครั้งนี้ ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ไม่เพียงแต่ประเทศผู้ประสบภัยเท่านั้น แต่อาจจะส่งผลให้ดุลอำนาจทางการเมืองระหว่างประเทศเปลี่ยนแปลงไปนับจากวันนี้

แม้ขณะที่ผมกำลังเขียนบทความชิ้นนี้ ตัวเลขอย่างเป็นทางการของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สึนามิจะยังไม่ประกาศออกมาอย่างชัดเจน แต่คาดการณ์กันว่าจะมีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 160,000 คน ในขณะที่องค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่า อาจถึง 300,000 คน เนื่องจากโรคอหิวาต์หลังเหตุการณ์

จำนวนเงินช่วยเหลือทั่วโลกต่างหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศที่ประสบภัยอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะในการประชุมสุดยอดเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิที่ประเทศอินโดนีเซียเพื่อแก้ปัญหาด่วนนี้ องค์การสหประชาชาติได้มอบเงินสดช่วยเหลือทันทีเกือบ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา (หรือคิดเป็นหนึ่งพันสามร้อยล้านเหรียญออสเตรเลีย)

ความเคลื่อนไหวที่โดดเด่นความเคลื่อนไหวหนึ่งในเหตุการณ์นี้ คือ บทบาทของรัฐบาลออสเตรเลียภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี จอห์น โฮเวิร์ด

จอห์น โฮเวิร์ด ประกาศในการประชุม สุดยอดนี้ว่า รัฐบาลออสเตรเลียจะช่วยเหลือเป็นเงินหนึ่งพันล้านเหรียญออสเตรเลียแก่ประเทศอินโดนีเซียซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศประสบภัย โดยเงินช่วยเหลือนี้จะจัดการร่วมกันโดยรัฐบาลอินโดนีเซียและรัฐบาลออสเตรเลีย

เงินหนึ่งพันล้านเหรียญประกอบด้วย 500 ล้านเหรียญ เป็นเงินให้เปล่าในช่วงห้าปีและอีก 500 ล้านเหรียญ เป็นเงินกู้ปราศจากดอกเบี้ย

เงินบริจาคหนึ่งพันล้านเหรียญออสเตรเลียนี้ ถือเป็นเงินบริจาคในนามรัฐบาลที่สูงที่สุดเมื่อเทียบกับเงินบริจาคของรัฐบาลประเทศอื่นๆ ทั่วโลก (ดูตารางที่ 1 ประกอบ)

มีเหตุผลสำคัญอยู่สองประการที่พอจะอธิบายการเคลื่อนไหวของรัฐบาลออสเตรเลีย ดังนี้

หนึ่ง คือ ความต้องการเป็นผู้นำเอเชียของออสเตรเลีย

ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลออสเตรเลีย ในช่วงเหตุการณ์สึนามิที่ผ่านมา โดยเฉพาะบทบาทของนายกรัฐมนตรีจอห์น โฮเวิร์ด ช่วยผลักดันให้เขากลายเป็นนายกรัฐมนตรีออสเตรเลียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแง่ความสัมพันธ์เกี่ยวดองกับประเทศแถบเอเชีย

ท่ามกลางการโห่ร้องสรรเสริญของเหล่าผู้นำในการประชุมสุดยอดครั้งนี้ ไม่มีใครคาดคิดว่า จะได้เห็นการเคลื่อนไหวและนโยบายต่อเอเชียของนายจอห์น โฮเวิร์ด เมื่อครั้งที่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อปี 1996 โดยเฉพาะการรับมรดกแนวคิดที่ต่อต้านการอพยพเข้าเมืองของชาวเอเชียในช่วงทศวรรษ 1980

อย่างไรก็ตาม ถ้าเราติดตามบทบาทของรัฐบาลจอห์น โฮเวิร์ดในช่วงสองปีที่ผ่านมา จะเห็นแนวทางนโยบายต่อเอเชียที่เปลี่ยนไปที่สำคัญ ได้แก่

- รัฐบาลออสเตรเลียทำข้อตกลงการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ กับประเทศสิงคโปร์และไทย

- ปรับเปลี่ยนบทบาทในเรื่องที่เกี่ยว ข้องกับประเทศในแถบมหาสมุทรแปซิฟิก โดยทุ่มการช่วยเหลือภาครัฐบาลไปสู่การปรับปรุงความสัมพันธ์และการรักษาความปลอดภัยทางการทหาร

- การตกลงในเบื้องต้นกับประเทศมาเลเซีย ภายใต้รัฐบาลใหม่หลังการลงจากอำนาจของอดีตนายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัดในเดือนตุลาคม 2003 ซึ่งมีนโยบายต่อต้านออสเตรเลีย โดยจะจัดทำข้อตกลงการค้าเสรี หรือเอฟทีเอ ระหว่างกัน

- การเป็นผู้นำออสเตรเลียคนแรกนับจากอดีตนายกรัฐมนตรีมัลคอล์ม เฟรเซอร์ ที่เข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน เมื่อปลายปีที่ผ่านมา และประสบความสำเร็จในการทำข้อตกลงที่จะเริ่มต้นเจรจาเพื่อทำเอฟทีเอกับประเทศอาเซียนทั้งสิบในอนาคตอันใกล้

- นำประเทศออสเตรเลียไปสู่การเจรจาเพื่อทำเอฟทีเอกับประเทศจีน

เหตุการณ์สึนามิครั้งนี้เป็นมหันตภัยทางธรรมชาติครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก และส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศ 11 ประเทศ รวมถึงผู้คนจาก 51 ประเทศ ไม่ว่ารวยหรือจน ล้วนเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้

แต่สำหรับหลายๆ ประเทศแล้ว เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นโอกาสทองที่จะขยายอิทธิพลในพื้นที่ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว โดยเฉพาะในประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และถูกผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิมากที่สุด

การทุ่มเงินช่วยเหลือถึงหนึ่งพันล้านเหรียญของออสเตรเลีย จึงไม่ใช่เป็นเพียงเรื่องมนุษยธรรมเพียงอย่างเดียว เพราะการช่วยเหลือนี้เกี่ยวพันกับการแสดงบารมีในวงการการเมืองระดับโลก โดยเฉพาะบทบาทต่อประเทศในแถบเอเชีย ซึ่งเป็นการแก่งแย่งของยักษ์ใหญ่หลายๆ ราย ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, จีน และอินเดีย

เช่นเดียวกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่ส่งเงินและทหารไปสู่อินโดนีเซีย โดยเป็นหนึ่งในโอกาสที่จะลบล้างภาพพจน์ที่ไม่ค่อยดีนักในหมู่ประเทศมุสลิมในช่วงที่ผ่านมา

จีนและญี่ปุ่น ก็เป็นอีกสองประเทศที่ต้องการจะมีบทบาททางการเมืองและเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

โดยจีนและญี่ปุ่นต่างแข่งขันกันเพื่อเป็นผู้นำในการจัดตั้งระบบเตือนภัยสึนามิในมหาสมุทรอินเดีย

ญี่ปุ่นทุ่มเงินประมาณ 650 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมถึงการปลดหนี้สำหรับประเทศประสบภัย ส่วนจีนเสนอเงินช่วยเหลือประมาณ 100 ล้านเหรียญ แม้จะไม่มากนัก แต่ก็ติดอยู่ในกลุ่มประเทศผู้บริจาครายใหญ่ และแสดงถึงความต้องการจะมีบทบาททางการเมืองและเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศแถบนี้ แต่บทบาทของจีนก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า ไม่สามารถแสดงตัวเป็นผู้นำเอเชียได้อย่างสมศักดิ์ศรี และทำให้นักวิเคราะห์หลายๆ รายต่างชี้ว่า สหรัฐอเมริกา รวมถึงญี่ปุ่น จะยังเป็นผู้นำในกลุ่มประเทศเอเชียต่อไป และจีนจะต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่เพื่อพิสูจน์ตัวเอง

ในขณะที่อินเดียซึ่งเป็นประเทศที่ประสบภัยอย่างหนักประเทศหนึ่งก็ปฏิเสธความช่วยเหลือจากต่างประเทศ โดยนักวิเคราะห์เห็นว่า นี่อาจจะเป็นการแสดงให้เห็นว่า พวกเขาเป็นประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจที่สามารถพึ่งตัวเองได้

อย่างไรก็ดี สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาโพ้นทะเลของสหราชอาณาจักรประมาณการว่า จะต้องใช้เงินมากถึง 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานและที่อยู่อาศัยของผู้ประสบภัยทั้งหมด

เหตุผลประการที่สอง คือ ความต้องการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างออสเตรเลีย กับอินโดนีเซียที่ค่อนข้างหมางเมินในช่วงที่ผ่านมา

เหตุการณ์สึนามิครั้งนี้ ทำให้รัฐบาลออสเตรเลียและรัฐบาลอินโดนีเซียใกล้ชิดกันมากขึ้นอีกครั้งหนึ่ง หลังจากเหตุการณ์ที่สร้างความไม่พอใจระหว่างสองรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการส่งทหารออสเตรเลียไปปกป้องติมอร์ตะวันออกจากการโจมตีของรัฐบาลอินโดนีเซียเมื่อปี 1999, การวางระเบิดที่เกาะบาหลี และเหตุการณ์ระเบิดที่หน้าสถานทูตออสเตรเลียในกรุงจาการ์ตา เมื่อปีที่ผ่านมา

การทุ่มเงินช่วยเหลือครั้งนี้ นักวิเคราะห์บางคนเห็นว่า จะนำไปสู่การร่วมมือกันที่แนบแน่นขึ้นระหว่างสองรัฐบาลในการต่อต้านการก่อการร้าย ในขณะที่การค้าและการลงทุนของประเทศออสเตรเลียในอินโดนีเซียก็จะสามารถเติบโตยั่งยืนต่อไปได้ ภายใต้ข้อสัญญาที่จะให้สิทธิประโยชน์มากมายและมากขึ้นแก่นักลงทุนชาวออสเตรเลีย

ที่เห็นชัดๆ ตอนนี้ก็คือการเคลื่อนไหวของบริษัทสัญชาติออสเตรเลียหลายรายที่ต้องการมีผลประโยชน์ในโครงการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานสำคัญๆ ในจังหวัดอาเจะห์ ในระยะห้าปีต่อจากนี้ ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางคนเห็นว่า นโยบายต่อเอเชียของรัฐบาลออสเตรเลีย เป็นการฉกฉวยโอกาสจากเหตุการณ์และปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยนับเนื่องหลังเหตุการณ์การก่อการร้ายเมื่อวันที่ 11 กันยายน รัฐบาลจอห์น โฮเวิร์ด ก็ทุ่มทรัพยากรและเงินทองมากมายเพื่อพัฒนาระบบต่อต้านการก่อการร้ายร่วมกันกับประเทศในแถบเอเชีย รวมถึงบทบาทความเป็นผู้นำในเหตุการณ์วางระเบิดที่เกาะบาหลีและเหตุการณ์คลื่นสึนามิถล่ม

สำหรับภาคประชาชนของออสเตรเลีย ก็มีการบริจาคอย่างล้นหลามเช่นกัน โดยสภาเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของออสเตรเลีย คาดการณ์ว่า ชาวออสเตรเลียบริจาคเงินมากถึง 12 ล้านเหรียญออสเตรเลียต่อวัน และทำให้ชาวออสเตรเลียติดอันดับแรกๆ ของ โลกของจำนวนเงินบริจาคต่อหัวประชากร

โดยรายงาน ณ วันที่เขียนบทความชิ้นนี้พบว่า กาชาดออสเตรเลีย (Red Cross) ได้รับเงินบริจาค 62 ล้านเหรียญ, เวิลด์ วิชั่น (World Vision) 50.8 ล้านเหรียญ, แคร์ ออสเตรเลีย (Care Australia) 18 ล้านเหรียญ และอ็อกแฟม (Oxfam-Community Aid Abroad) 14 ล้านเหรียญ

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการบริจาคค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (8 มกราคม 2005) โทรทัศน์ฟรีทีวีของออสเตรเลียสามช่องร่วมกับเวิลด์ วิชั่น จัดคอนเสิร์ต Australia United-Reach Out to Asia โดยประชาชนออสเตรเลียกว่า 8.6 ล้านคนร่วมชมรายการ และได้รับเงินบริจาคกว่า 15 ล้านเหรียญ โดยรายการนี้ได้แพร่ภาพผ่านสถานี ABC ไปยัง 52 ประเทศและอาณานิคมต่างๆ ด้วย

เช่นเดียวกับที่ผมกำลังนั่งชมคริกเก็ต การกุศลเพื่อหาเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย ระหว่างทีม ASIA กับทีม The rest of the world โดยถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์ช่อง 9 ของออสเตรเลีย ซึ่งบัตรชมการแข่งขันกว่า 20,000 ใบ ขายหมดภายในเวลาเพียงครึ่งวันเท่านั้น

ไม่ว่าการบริจาคเงินในส่วนภาครัฐจะแฝงด้วยเป้าหมายอะไรก็ตาม แต่ผมเชื่อว่า การบริจาคของประชาชนทั่วโลก ทำด้วยใจบริสุทธิ์จริงๆ

อ่ า น เ พิ่ ม เ ติ ม

1. PM plays Asia card to full advantage, หนังสือพิมพ์ The Weekend Australian Financial Review ฉบับวันที่ 8-9 มกราคม 2005 หน้า 3

2. Tsunami death toll rises as disease fears mount, หนังสือพิมพ์ The Weekend Australian Financial Review ฉบับวันที่ 8-9 มกราคม 2005 หน้า 3

3. Tsunami : the power plays begin, หนังสือพิมพ์ The Weekend Australian Financial Review ฉบับวันที่ 8-9 มกราคม 2005 หน้า 16

4. Europe v US : that old tense feeling returns, หนังสือพิมพ์ The Weekend Australian Financial Review ฉบับวันที่ 8-9 มกราคม 2005 หน้า 17

5. China misses its cue in public relations contest, หนังสือพิมพ์ The Weekend Australian Financial Review ฉบับวันที่ 8-9 มกราคม 2005 หน้า 18

6. $12m a day in pledges, but falling, หนังสือพิมพ์ The Australian ฉบับวันที่ 10 มกราคม 2005

7. Rescue first, then the queue for contracts, หนังสือพิมพ์ The Australian Financial Review ฉบับวันที่ 10 มกราคม 2005 หน้า 7

8. Australia has vital relief role to play, หนังสือพิมพ์ The Australian Financial Review ฉบับวันที่ 29 ธันวาคม 2004-3 มกราคม 2005 หน้า 3

9. I gave at the office, หนังสือพิมพ์ The Weekend Australian ฉบับวันที่ 8-9 มกราคม 2005 หน้า 27   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us