เป็นครั้งแรกที่การสื่อสารฯ ควักกระเป๋าจ่ายเงินให้เอเยนซี่เพื่อจัดงานของตัวเองนอกสถานที่ พร้อมประกาศจุดเริ่มต้นของการประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบนับจากนี้เป็นต้นไป

ออกจะเป็นเรื่องแปลกใจสำหรับบรรดานักข่าวไม่น้อย เมื่อได้รับหมายเชิญงานแถลงข่าวของบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ซึ่งจัดขึ้นบริเวณลานด้านหน้าทั้งหมดของศูนย์การค้ามาบุญครอง เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

สาเหตุไม่ได้เป็นเพราะว่างานครั้งนี้ ถูกจัดได้อย่างยิ่งใหญ่และมีคนเข้าร่วมงานเยอะเท่านั้น แต่นี่ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนของ กสท ที่ถึงกับยอมลงทุนด้วยเงินก้อนหนาในการทำประชา สัมพันธ์สินค้าของตัวเองแก่สาธารณชนด้วยรูปแบบของ event marketing

ในงานมีวิทิต สัจจพงษ์ กรรมการ ผู้จัดการใหญ่ หัวเรือใหญ่ของ กสท พร้อม กับผู้บริหารคนอื่นๆ เดินทางมาร่วมงานกันครบถ้วน แม้จะเป็นเย็นของวันเสาร์ก็ตามที โดยตอนหนึ่งของการพูดคุยกับวิทิต เขาบอกถึงความเชื่อมโยงของการจัดงานในครั้งนี้ขึ้นมาว่า เป็นอีกแผนหนึ่งที่ กสท ต้องการโปรโมตชื่อขององค์กรและ ชื่อสินค้าภายใต้แบรนด์ CAT ให้ติดหูคน ใช้งานในวงกว้างมากขึ้น ถือเป็นการเน้น แผนการตลาดในเชิงรุกมากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นการจัดงานในสถานที่ประเภทห้างสรรพสินค้า หรือตามที่ที่มีคนมากๆ นั้นจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

ขณะที่ปีนี้ทั้งปี วิทิตยกให้เป็นปีแห่ง การสร้างแบรนด์ CAT แต่วิทิตเองก็ยอมรับ ว่า ที่ผ่านมา กสท ยังไม่เคยได้ทำการศึกษา หรือสำรวจเลยว่าชื่อ CAT นั้น ประสบความสำเร็จและคนรู้จักมากแค่ไหน นี่คือสิ่งเร่งด่วนที่ กสท คำนึงถึง โดยปัจจุบัน กสท เร่งหาที่ปรึกษาทั้งในและต่างประเทศ เข้ามาช่วยทำการสำรวจให้ นอกจากนี้ที่ ปรึกษาที่คัดเลือกเข้ามายังจะช่วยวางแผน การประชาสัมพันธ์แบรนด์ การออกแบบ packaging สินค้าที่มีอยู่ใหม่ทั้งหมด หัวจดหมาย สื่อสิ่งพิมพ์ ข้อความที่กระจายไป ตามสื่อ หรืออาจจะขยับไปถึงการเปลี่ยน โลโกของบริษัท และเข้ามาช่วยปรับเปลี่ยน วัฒนธรรมขององค์กรให้เข้ากับแผนการตลาดแบบใหม่ด้วยอีกทาง

นี่ถือเป็นการรีแบรนด์ครั้งสำคัญที่อาจจะเกิดขึ้นของ กสท เพื่อให้ภาพลักษณ์ ของตนดูทันสมัย และให้คนติดหูว่าไม่ใช่องค์กรที่ดูเก่าอีกต่อไป เพราะจุดอ่อนที่ กสท ยอมรับอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ เรื่อง ของแบรนด์ CAT ที่อาจจะเข้าถึงกลุ่มคนได้ไม่ทั่วถึง แม้จะยังใช้ชื่อนี้ต่อไป แต่การเปลี่ยนวิธีการทำตลาดแบบเชิงรุกมากขึ้นก็อาจจะเป็นผลได้ในที่สุด

"บริษัทที่จะประสบความสำเร็จได้ จะต้องมีแบรนด์ที่เข้มแข็ง ดังนั้นหากเราเตรียมพร้อมด้วยการพัฒนากลยุทธ์ในการสร้างแบรนด์ที่ดี ก็ทำให้ตัวบริษัทนั้นประสบ ความสำเร็จได้อย่างที่หวังไว้" วิทิตกล่าว

เช่นเดียวกันกับการพัฒนาตัวสินค้า ให้รองรับความต้องการของตลาดปัจจุบัน วิทิตเปิดเผยว่า รายได้หลักของ กสท ในทุกวันนี้อยู่ที่การให้บริการโทรศัพท์ทางไกล ไปต่างประเทศ ซึ่งคิดเป็น 45% ของรายได้ รวมทั้งหมด รองลงมาอีก 25% คือรายได้จากการร่วมทุนกับฮัทชิสัน ไวร์เลส ให้บริการโทรศัพท์มือถือแบรนด์ฮัทช์ และอีก 20% เป็นการสื่อสารข้อมูล และรายได้อื่นๆ อีกในส่วนที่เหลือ

แต่สถานการณ์ของการแข่งขันทาง ด้านราคา คู่แข่งในตลาดที่มากขึ้น และ เทคโนโลยีใหม่เข้ามาแทนที่การให้บริการแบบนี้ เป็นผลทำให้ราคาของการให้บริการ โทรศัพท์ทางไกลต่างประเทศลดลง นั่นเป็น เหตุให้รายได้ของการให้บริการของ กสท ลดลงอย่างต่อเนื่องในแต่ละปี

กสท จึงวางแนวทางของการให้บริการโทรศัพท์แบบใหม่ที่เรียกว่า Voice over IP (VoIP) หรือการให้บริการโทรศัพท์ ผ่านเครือข่ายไอพี โดยวิทิตชี้แจงว่านับจากนี้ กสท จะจัดวางระบบการให้บริการแบบนี้อย่างเป็นระบบ อาจจะต้องวางเทคโนโลยี และทีมงานในการดูแลโครงการให้ดีขึ้นและ เปิดให้ทดลองใช้ฟรีจนกว่าจะถึงเวลาเปิดให้บริการในเชิงพาณิชย์ เพราะท้ายที่สุดแล้วเทคโนโลยีการสื่อสารแบบนี้จะเข้าแทนที่การใช้โทรศัพท์บ้านอย่างแน่นอน