เตียง จิราธิวัฒน์ เปิดร้าน GROCERY เล็กๆ ที่สี่พระยา โดยนำเข้าสินค้า
- หนังสือและอื่นๆ มาขาย โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์เป็นผู้ออกแอล/ซี
ปี 2499 เปิดห้างสรรพสินค้าแห่งแรกของประเทศไทยที่วังบูรพาด้วยเงินลงทุนประมาณ
3 ล้านบาท กู้มาจากธนาคารศรีนคร
ปี 2510 เปิดสาขาใหญ่ที่สีลม เตียง ต้องหอบโฉนดที่ดินไปแสดงเพื่อขอกู้เงินจากธนาคารศรีนครและธนาคารกรุงเทพ
ในวงเงินประมาณ 10 ล้านบาท "การหมุนเวียนเงินของห้างเซ็นทรัลในยุคนี้ใช้
2 แบงก์นี้เป็นส่วนใหญ่" ผู้รู้บอก
ห้วงเวลา 20 ปี ในยุคของ เตียง จิราธิวัฒน์ เขาเป็นผู้วางแผน และควบคุมการเงิน
"เขาเป็นคนไม่ค่อยจะไว้วางใจใคร แม้ป่วยนอนอยู่โรงพยาบาลยังต้องให้คนเอาเช็คไปให้เซ็น"
คนที่เดินเข้านอกออกในบ้านจิราธิวัฒน์ในสมัยนั้นบอก
ส่วนด้านบัญชีนั้นพอเปิดห้างที่วังบูรพา มุกดา (เอื้อวัฒนสกุล) ลูกสาวคนที่สองของเตียงก็ได้เข้ามาดูแล
ช่วงต่อที่เตียงจะลาโลกนั้น สุทธิชัย จิราธิวัฒน์ ได้กลับจากต่างประเทศ
ได้เข้ามามีบทบาทด้านการเงินบ้าง แต่มากจริงๆ เมื่อเตียงตายไปแล้วและมีการจัดสรรตำแหน่งกันใหม่
แบ่งงานกันรับผิดชอบ เขาจึงได้รับผิดชอบงานด้านนี้
พอดีเป็นช่วงที่ธนาคารกรุงเทพกำลังเป็น "หนุ่มผยอง" ในวงการธนาคาร
และจับตามองห้างเซ็นทรัลที่กำลังมีอนาคตโครงการชิดลมที่ไปได้ดี ธนาคารกรุงเทพโชคดีที่
FINANCE จำนวนเงิน 60 ล้าน แทบจะเป็นรายเดียว และว่ากันว่าตอนนี้สุทธิชัยมีบทบาทเด่นชัด
ผู้สันทัดกรณีวิเคราะห์การก้าวกระโดของการเรียนรู้ การบริหารหนี้สิน (LIABILITY
MANAGEMENT) ของสุทธิชัย มีมูลเหตุสองประการ หนึ่ง - สุทธิชัย เป็นคนหัวสมัยใหม่
เรียนรู้ได้เร็ว (โปรดสังเกตนักบริหารเงินตราที่เก่งๆ หลายคนจบทางวิศวฯ)
และเขามีเพื่อนฝูงในวงการธนาคารไทยและต่างประเทศ สอง - ธนาคารกรุงเทพซึ่งถือว่าเป็นผู้นำด้านข่าวสารและเทคโนโลยีการธนาคาร
เป็นผู้แนะนำและพัฒนาลูกค้า ว่ากันว่าธนาคารแห่งนี้ได้ทำบทบาทเช่นนี้ก่อนใครๆ ในประเทศไทย
เมื่อจะลงมือทำโครงการคอมเพล็กซ์ที่ลาดพร้าว ในห้วงเวลาที่ดอกเบี้ยภายในประเทศอยู่ในอัตราสูง
และระบบธนาคารพาณิชย์ไทยมองเห็นว่าเป็นช่วงการลงทุนที่เสี่ยงเอามากๆ ทางเดินของเงินลงทุนของโครงการจึงมาสองทาง
1. เอาทรัพย์สินที่มีอยู่ค้ำประกันเงินกู้ในประเทศจากธนาคารศรีนครและธนาคารกรุงเทพ
2. กู้เงิน OFF-SHORE
กิจการห้างสรรพสินค้าในช่วงปี 2524 -5 เป็นช่วงก้าวกระโดดของการลงทุนถึง
3 แห่งในเวลาไล่เลี่ยกัน บริษัทห้างเซ็นทรัลดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเกือบทุกสาขา
(ยกเว้นชิดลม) ได้กู้เงินระยะยาวจากธนาคารพาณิชย์ในประเทศเมื่อต้นปี 2526
เป็นจำนวนเงิน 140 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยประมาณ 16-18% ต่อปี ซึ่งชำระไปแล้วประมาณ
36 ล้านบาท (สิงหาคม 2529)
สำหรับเงินกู้จากต่างประเทศนั้นเริ่มกู้ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม 2525 จนถึงปี
2527 วงเงินประมาณ 24.28 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยทำการกู้ 2 ลักษณะ เป็นสัญญาเงินกู้และตั๋วเงินกู้
"อัตราดอกเบี้ยนั้นกำหนดเป็น 2 ประเภท ระยะแรกๆ กู้แบบอัตราดอกเบี้ยตายตัว
อยู่ระหว่าง 14-15% ต่อปี ต่อมาเปลี่ยนเป็นอัตราดอกเบี้ย SIBOR บวกระหว่าง
0.75-1.25%" รายงานงบดุลระบุไว้ถึงพัฒนาการการกู้เงิน
ก่อนสิ้น 31 สิงหาคม 2528 ได้ชำระไปแล้วคิดเป็นเงินไทยประมาณ 250 ล้านบาท
และในช่วงกันยายน 2528 -31 สิงหาคม 2529 ห้างเซ็นทรัลต้องชำระอีกประมาณ 416
ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าช่วงใดๆ (เป็นอัตราที่ปรับปรุงหลังการลดค่าเงินบาทแล้ว)
"การลดค่าเงิน 2 ครั้งนั้นทำให้เกิดผลต่างถึงประมาณ 114 ล้านบาท"
เมื่อเผชิญกับการผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนมากเข้าในปี 2528 ห้างเซ็นทรัลได้ปรับการกู้เงินใหม่เป็นระบบ
MULTI CURRENCY LOAN โดยกู้เงินเป็นเงินเหรียญสหรัฐและเปลี่ยนเป็นเงินสกุลฟรังซ์สวิส
ผ่านจากสำนักงานตัวแทนหรือสาขาธนาคารต่างประเทศไทยสิงคโปร์ในอัตราดอกเบี้ย
SIBOR บวกระหว่าง 0.75-1.25% เป็นจำนวนเงินประมาณ 23.3 ล้านฟรังซ์สวิส
หนี้จาก OFFSHORE LOAN จำนวนนี้จะต้องชำระให้หมดภายในปี 2532 อีกประมาณ
426 ล้านบาท
ส่วนสาขาชิดลม ดำเนินกิจการโดยบริษัทชิดลมสรรพสินค้านั้น พลิกโฉมปรับปรุงครั้งใหญ่ประมาณปี
2526 โดยใช้เงิน OFFSHORE ประมาณ 11 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 300 ล้านบาท
ใช้คืนไปแล้วประมาณครึ่งหนึ่ง
การลงนามเงินกู้ทุกครั้งกระทำโดย สุทธิชัย จิราธิวัฒน์ (ฝ่ายเซ็นทรัล)
แต่เขาไม่เคยพูดหรือสัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนใดๆ เลย
สุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ เคยสัมภาษณ์เมื่อต้นปี 2527 ถึงแผนการณ์กู้เงินจากธนาคารต่างประเทศไว้ว่า
"ในช่วงใดที่ดอกเบี้ยธนาคารต่างประเทศถูกจะกู้มาก หากแพงจะหันมากู้จากธนาคารพาณิชย์ในประเทศแทน"
เขาบอกว่าปกติห้างเซ็นทรัลทุกสาขาจะต้องใช้เงินหมุนเวียนประมาณ 4-500 ล้านบาท
เป็นที่รู้กันว่าธนาคารต่างประเทศที่ให้การสนับสนุนทางการเงินกับห้างเซ็นทรัลนั้น
อาทิ ธนาคารคานาดา, SOCIETE GENERALE, ธนาคารบีบีซี, ธนาคารแห่งอเมริกา เป็นต้น
สำหรับปี 2529 นี้คาดว่ากำลังวางแผนกู้หรือกำลังกู้เงินก้อนใหญ่เพื่อก่อสร้างสาขาแห่งใหม่ที่รามคำแหง
"ธุรกิจค้าปลีกของห้างเซ็นทรัล เงินหมุนเวียนเร็ว ชำระหนี้ตรงตามเวลา
แม้หนี้จะมากก็ไม่มีปัญหาอะไรใหญ่โตคุยกันได้ คุยกันรู้เรื่อง" เจ้าหนี้รายหนึ่งกล่าวตบท้าย