"เราทำงานตามจังหวะเต้นของหัวใจ" เป็นคำพูด จำนรรค์ ศิริตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเจเอสแอล ที่สะท้อนให้เห็นถึงสไตล์ในการทำงานของกลุ่มนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 25 ปีเป็นอย่างดี

จังหวะของหัวใจที่ไม่เคยถูกกระตุ้นให้เร็วขึ้นหรือช้าลงอย่างผิดธรรมชาติเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้บริษัทนี้ยืนหยัดอยู่ได้ ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยมีการแถลงข่าวเรื่องอะไรที่น่าตื่นเต้นอย่างบริษัทผลิตรายการยักษ์ใหญ่อื่นๆ

จำนรรค์เล่าว่าความเงียบของเจเอสแอล ทำให้วันหนึ่ง มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ผู้อำนวยการสถานีทีวีช่อง 9 ถึงกับถามว่า "ตอนนี้บริษัทมีรายได้เท่าไร พอตอบไป ท่านก็บอกว่าไม่เคยรู้เลยว่า บริษัทมีรายได้สูงขนาดนี้"

ปีที่ผ่านมา บริษัทเจเอสแอล มียอดรายได้จากบริษัทและบริษัทในเครือทั้งหมดประมาณ 1,000 ล้านบาท เป็นรายได้จากการผลิตรายการโทรทัศน์ 650 ล้านบาท จำนวน 12 รายการ ทางช่อง 5,7,9 รวมเวลาออกอากาศ 17 ชั่วโมง 30 นาทีต่อสัปดาห์ เป็นสัดส่วน 60 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั้งหมด มีรายได้จากธุรกิจ event 18 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 22 เปอร์เซ็นต์ เป็นรายได้จากกิจกรรมพิเศษของบริษัทในเครือและสตูดิโอ เช่น บริษัท เดอะซัน บริษัทโมโด และสตูดิโอแอ็คทีฟ

ผู้บริหารบริษัทเจเอสแอล ยอมรับว่า ในปี 2548 การทำรายการโทรทัศน์เป็นเรื่องที่ยากขึ้น เพราะมีผู้จัดมากขึ้น รายการ เยอะมากขึ้นในขณะที่เวลามีจำกัด จึงได้เตรียมแผนรุกหนักในเรื่องของธุรกิจ event ซึ่งบริษัทมีจุดแข็งเรื่องสายสัมพันธ์อันยาว นานกับหน่วยราชการอยู่แล้ว และหวังจะให้เป็นรายได้ที่จะดันยอดรายได้รวมของบริษัทในปี 2548 ให้สูงถึง 1,500 ล้านบาทโดยเฉพาะงานทางด้านการฟื้นฟูในเรื่องศิลปวัฒนธรรม เรื่องของ อาหารสุขภาพและคุณภาพชีวิตทั่วไป ส่วนงานใหญ่ที่มีอยู่ในมือแล้วตอนนี้ เช่น งานแฟชั่นโรดโชว์มูลค่า 160 ล้านบาท งานเอ็กซ์โป 200 ล้านบาท ไม่รวมกับโครงการอื่นๆ ที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

ทางด้านการผลิตรายการโทรทัศน์ของเจเอสแอลดูเหมือน บริษัททีวีบูรพา ของสุทธิพงษ์ ธรรมวุฒ เจ้าของรายการฅนค้นฅน และกบนอกกะลา เป็นบริษัทเดียวที่กำลังนำความคิดของรายการ ต่างๆ มาต่อยอด โดยตั้งเป็นสำนักพิมพ์บูรพา ผลิตพ็อกเก็ตบุ๊ก โดยตั้งเป้าการผลิตไว้ประมาณ 30 ปกต่อปี รวมทั้งวางแผนทำนิตยสารใหม่อีกหนึ่งเล่มด้วย

รายได้อีกตัวหนึ่งของเจเอสแอลที่น่าสนใจคือ การไปเสนอ จัดงานพิธีเปิด-ปิดกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งประกาศออกมาแล้วว่า JSL ถูกคัดเลือกเป็น 1 ใน 3 บริษัทที่เข้า รอบสุดท้าย โดยมีบริษัทร่วมทุนจากอังกฤษและฝรั่งเศส 1 บริษัท และบริษัทจากออสเตรเลีย อีก 1 บริษัทเป็นคู่แข่ง โดยคาดว่าจะตัดสินในเดือนมีนาคม ซึ่งทางอินโดนีเซียกำหนดงบประมาณในการจัดสูงมากอาจจะถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐ

งานนี้ไม่ได้ถูกระบุไว้เป็นรายได้ของบริษัทในปีนี้ เพราะ จำนรรค์ ศิริตัน บอกว่า JSL ชอบอยู่กับความจริงมากกว่าความฝัน แต่ถ้าฝันนี้เป็นจริง เธอบอกว่า แน่นอนตัวเลขยอดรายได้ที่วางไว้ในปี 2548 จำนวน 1,500 ล้านบาทนั้น ต้องเพิ่มขึ้นอีกมหาศาลทีเดียว