|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
 |
บลจ.เอ็มเอฟซีนัดถกสมาคมธนาคารไทย สภาธุรกิจตลาดทุน สมาคมโบรกเกอร์ และสมาคมบลจ.ร่วมลงขันตั้ง"สึนามิฟันด์" มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท ซับน้ำตาอันดามัน เผยกรอบการร่วมทุนเบื้องต้นคาดว่าจะร่วมลงทุน-ปล่อยกู้ ให้กับผู้ประกอบการที่มีขนาดกลางที่มีสินทรัพย์ก่อนเจอคลื่นยักษ์ 200 ล้านบาทขึ้นไป ระยะเวลาโครงการ 10 ปี MFC ใจปั้มไม่คิดค่าฟี ขณะที่ก.ล.ต.คลอดหลักเกณฑ์กว้างเปิดทางบลจ.อื่นที่สนใจสามารถจัดตั้งได้ทันที
นายศุภกร สุนทรกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) (MFC) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (28 มกราคม) เวลาประมาณ 14.00 น.คณะทำงานจัดตั้ง"กองทุนเปิดเพื่อพัฒนาและฟื้นฟูกิจการที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิ" มูลค่าโครงการ 3 พันล้านบาท จะจัดประชุมร่วมกัน เพื่อพิจารณากรอบการลงทุน และการร่วมลงขันกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยในเบื้องต้นสมาคมธนาคารไทยจะร่วมลงขันประมาณ 2 พันล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 1 พันล้านบาท เป็นเงินจากธนาคารออมสิน สภาธุรกิจตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม
"วันนี้น่าจะได้ข้อสรุปว่าแต่ละส่วนจะช่วยเหลือวงเงินเท่าไหร่ เพราะเรื่องนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เร่งผลักดันให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบจากคลื่นยักษ์สึนามิ ซึ่งต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน"นายศุภกรกล่าว
สำหรับแนวทางการลงทุนของกองทุนเปิดเพื่อพัฒนาและฟื้นฟูกิจการที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิ ภายใต้การบริหารของบลจ.เอ็มเอฟซี จะเน้นการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบการเป็นหลัก โดยเป็นกองทุนร่วมทุนเป็นเวลา 10 ปี นโยบายการลงทุนจะมีความยืดหยุ่น ไม่ว่าจะเป็นการร่วมทุน การให้เงินกู้แบบมีเงื่อนไข และเข้าไปช่วยเหลือในเรื่องของการลงบันทึกบัญชี การพัฒนาบุคลากร และเน้นการสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารงาน
"บลจ.เอ็มเอฟซีจะไม่คิดค่าธรรมเนียมจากการบริหารงาน เนื่องจากกองทุนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการเป็นสำคัญ"นายศุภกรกล่าว
อย่างไรก็ตาม หากมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวข้องกับค่าจ้างที่ปรึกษาทางกฎหมาย การประเมินมูลค่าทรัพย์สิน (ดิวดิลิเจนท์) หรือการว่าจ้างคณะกรรมการตรวจสอบ อาจต้องใช้เงินส่วนกลางเข้ามาเป็นค่าใช้จ่าย
สำหรับการเข้าไปช่วยเหลือหรือร่วมลงทุน บลจ.จะเข้าไปช่วยเหลือผู้ประกอบการที่มีขนาดสินทรัพย์ก่อนเกิดคลื่นยักษ์ถล่มมูลค่า 200 ล้านบาทขึ้นไป เนื่องจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) มีกองทุนที่เข้าไปช่วยเหลือเอสเอ็มอีกอยู่แล้ว
ขณะที่รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ออกประกาศใหม่ 3 ฉบับ เพื่อรองรับการจัดตั้ง "กองทุนรวมสึนามิ" เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ของกิจการที่ได้รับความเสียหายโดยตรงจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ โดยมุ่งขายเฉพาะผู้ลงทุนสถาบัน โดยขณะนี้มี บลจ.เอ็มเอฟซี ประเดิมขอจัดตั้งแล้วเป็นรายแรก มูลค่ากองทุน 3 พันล้านบาท
รายงานข่าวจาก ก.ล.ต. แจ้งว่า ตามที่กระทรวงการคลังมีนโยบายจัดตั้งกองทุนรวมเพื่อระดมเงินไปลงทุนในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยและคลื่นยักษ์สึนามิในพื้นที่ 6 จังหวัดภาคใต้ ในส่วนของ ก.ล.ต. ได้มีการพิจารณาผ่อนผันเกณฑ์การจัดตั้งกองทุนรวม เพื่อรองรับวัตถุประสงค์ดังกล่าว โดยได้ออกประกาศสำนักงานคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่เกี่ยวข้องรวม 3 ฉบับ
โดยลักษณะสำคัญของกองทุนรวมสึนามิ ได้แก่ เป็นกองทุนรวมที่เสนอขายเฉพาะแก่ผู้ลงทุนประเภทสถาบัน (non-retail) เน้นลงทุนในหลักทรัพย์ของกิจการที่ได้รับความเสียหายโดยตรงจากเหตุการณ์สึนามิ สามารถลงทุนโดยตรง (direct investment) ในกิจการกลุ่มเป้าหมายได้ เนื่องจากอาจมีหลายบริษัทไม่ได้เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
สามารถลงทุนในลักษณะสัญญาร่วมลงทุน (private equity) คือ การส่งผู้แทนของกองทุนรวมเข้าร่วมเป็นกรรมการในกิจการที่มีการลงทุน มีอัตราส่วนการลงทนแตกต่างจากกองทุนรวมโดยทั่วไป เช่น สามารถลงทุนในหุ้นของบริษัทได้ถึง 100% สามารถลงทุนในหลักทรัพย์ของบริษัทที่มิได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ถึง 100% ของ
มูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน (NAV) โดยมี company limit ของการลงทุนในแต่ละบริษัทไม่เกินร้อยละ 25 ของ NAV
สำหรับการยื่นจัดตั้งกองทุนรวมดังกล่าว ต้องยื่นคำขอจัดตั้งภายใน 6 เดือน นับจากวันที่ 26 มกราคม 2548 และต้องจดทะเบียนเป็นกองทุนรวมภายใน 6 เดือน นับจากวันที่ ก.ล.ต. อนุมัติคำขอจัดตั้ง ต้องนำเงินทั้งหมดไปลงทุนภายใน 2 ปี นับจากวันจดทะเบียนเป็นกองทุนรวม โดยขณะนี้มีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) 1 แห่ง ที่ยื่นขออนุมัติจัดตั้งกองทุนรวมประเภทนี้ และได้รับการอนุมัติจาก ก.ล.ต. แล้ว ได้แก่ บลจ.เอ็มเอฟซี ขอจัดตั้ง "กองทุนเปิดเพื่อพัฒนาและฟื้นฟูกิจการที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิ" โดยมีมูลค่ากองทุน 3 พันล้านบาท
|
|
 |
|
|