ปูนใหญ่สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ จ่ายปันผลสูงสุดหุ้นละ 15 บาท สำหรับงวดปี 47 เนื่องจากยอดขายพุ่งจากทุกธุรกิจ โดยเฉพาะปิโตรเคมีที่อยู่ในช่วงขาขึ้น เผยปีนี้เตรียมงบลงทุนอีกกว่าหมื่นล้านบาท พร้อมออกหุ้นกู้หมื่นล้านบาทรีไฟแนนซ์หนี้เดิมที่จะครบดีลเมษายนนี้
นายชุมพล ณ ลำเลียง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้อนุมัติการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 15 บาท โดยบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 5.50 บาท เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 47 และจะจ่ายอีกหุ้นละ 9.50 บาท วันที่ 19 เมษายน 48 โดยจะขอมติจากผู้ถือหุ้น 23 มีนาคมนี้ นับว่าเป็นการจ่ายปันผลสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของบริษัทฯ
โดยเป็นผลจากการดำเนินงานงวดสิ้นปี 47 ที่ SCC และบริษัทย่อย มียอดขายรวม 192,395 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% ซึ่งมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนรายการพิเศษ 33,707 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 89% และมีกำไรสุทธิ 36,483 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 83% เมื่อเทียบกับ ปีก่อน ขณะที่งบการเงินไตรมาส 4 ปี 47 บริษัทฯและบริษัทย่อยมียอดขายรวม 50,795 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 30% และมีกำไรสุทธิ 9,397 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57% เทียบกับปีก่อน
เนื่องจากทุกธุรกิจของ SCC มียอดขายรวมเพิ่มขึ้นทั้งหมดที่โดดเด่น สุดคือ ธุรกิจปิโตรเคมีที่เพิ่มขึ้น 48% จากปีก่อน เนื่องจากราคาโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์ตลาดโลกเพิ่มขึ้นมาก ตามปริมาณความต้องการที่เพิ่มขึ้น ส่วนธุรกิจกระดาษและบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น 14% ธุรกิจซีเมนต์เพิ่มขึ้น 20% และธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้างเพิ่มขึ้น 13%
นายชุมพลกล่าวถึงผลการดำเนินงานปีนี้ว่า ทุกธุรกิจของบริษัทจะมีอัตราการเติบโตในระดับ 7-10% โดยเฉพาะธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้างที่เติบโตมากสุดถึง ประมาณ 10% ขณะที่ธุรกิจกระดาษและบรรจุภัณฑ์เติบโตประมาณ 7-9% ส่วนธุรกิจปิโตรเคมีจะชะลอลงบ้าง เนื่องจากปีนี้บริษัทจะต้องหยุดซ่อมบำรุงโรงระยองโอเลฟินส์ระยะเวลา 4-6 สัปดาห์ในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้ แต่จะไม่ส่งผลต่อการดำเนินงานมากนัก แม้จะส่งผลกระทบต่อยอดขายแต่ก็เพียง 10% ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อยอดการผลิตรวมของบริษัทแต่อย่างใด
สำหรับแผนการใช้เงินลงทุนปีนี้อยู่ที่ 1-1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งธุรกิจปิโตรเคมีบริษัทมีแผนที่จะเข้าลงทุนต่างประเทศโดยเฉพาะตะวันออกกลาง แต่ขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาซึ่งยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ซึ่งหากมีการดำเนินการจริงจะเป็นลักษณะร่วมทุนในการผลิตปิโตรเคมีกึ่งสำเร็จรูปหรืออาจจะเป็นปิโตรเคมีสำเร็จรูปขึ้นอยู่กับความเหมาะสม
สำหรับธุรกิจบรรจุภัณฑ์คาดว่าจะมีการสร้างโรงงานกระดาษแห่งใหม่ในประเทศ ทั้งกระดาษขาวและกระดาษคราฟต์ เนื่องจากความต้องการใช้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะใช้งบลงทุน 4-5 พันล้านบาท ซึ่งกระดาษขาวจะใช้งบลงทุนมากกว่า โดยกระดาษคราฟต์จะมีกำลังการผลิตประมาณปีละ 2-3 แสนตันส่วนกระดาษขาว 1.5 แสนตันต่อปี ขณะที่วัสดุก่อสร้างยังเติบโตต่อเนื่อง
นายชุมพลกล่าวถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าดอลลาร์สหรัฐ แต่เมื่อเทียบกับยูโรและเยนยังอ่อนค่ากว่า ซึ่งมีผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทบ้าง เพราะมีการส่งออกมากกว่านำเข้า แต่ปีนี้จะลดการส่งออกเพราะความต้องการในประเทศสูงขึ้น
นายกานต์ ตระกูลฮุน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ SCC กล่าวว่าปีนี้ SCC จะออกหุ้นกู้ 1 หมื่นล้านบาท เพื่อนำเงินมารีไฟแนนซ์หนี้เดิมที่ครบดีลปีนี้ โดยหุ้นกู้ล็อตใหม่อายุ 4 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2552 อัตราดอกเบี้ยคงที่ตามราคาตลาดในขณะที่ออก และมีกำหนดจ่ายดอกเบี้ยทุกๆ 3 เดือน ซึ่งจะเสนอขายเฉพาะผู้ถือหุ้นกู้บริษัทปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 4/2542 ประเภทบุคคลธรรมดา หรือนิติบุคคลที่ไม่ใช่ผู้ลงทุนสถาบัน ซึ่งจะครบกำหนดไถ่ถอน 1 เมษายน 48 ตามสัดส่วนจำนวนหุ้นกู้เดิมที่ถือต่อจำนวนหุ้นที่ออกใหม่ เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 7-30 มีนาคม 48
นอกจากนี้ ยังมีหุ้นกู้ที่จะครบดีลอีก 7,500 ล้านบาท ในเดือนตุลาคมนี้ แต่คงไม่ต้องออกหมดทั้งจำนวน เพราะบางส่วนจะใช้เงินจากการดำเนินงาน เนื่องจากผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อ และต้นทุนที่ลดลง เนื่องจากการจ่ายชำระคืนหนี้ทำให้ดอกเบี้ยจ่ายลดลงมากก่อนหน้านี้ โดยประหยัดดอกเบี้ยจ่ายถึง 2,500 ล้านบาท ส่วนปีนี้คาดว่าจะประหยัดดอกเบี้ยจ่ายประมาณ 1 พันล้านบาท และปีนี้จะล้างหนี้อีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาทตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
ปัจจุบัน SCC หนี้สินต่อทุนที่ 0.7-0.8 เท่า ส่วนตัวเลข NET DEBP TO EBITDA อยู่ที่ 100,600 ล้านบาท หรือลดเหลือ 1.8 เท่าเมื่อต้นปี 47 ลดลงจากปี 46 ที่มีอยู่ 3 เท่า โดยบริษัทจะรักษาสัดส่วนหนี้ให้อยู่ที่ระดับ 2-2.5 เท่า ขณะที่หนี้สินต่อทุน (DE) อยู่ที่ 0.7-0.8 เท่า
|