เอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส ยื่นคำร้องขอให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ จัดประชุมเจ้าหนี้
เพื่อขอมติขยายเวลาการขายสิน ทรัพย์รองออกไปอีก 1 ปี
หลังจากไม่สามารถเดินตามแผนฟื้นฟูกิจการด้วยการนำสินทรัพย์มูลค่า 200 ล้านเหรียญออกมาขายได้ภายในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา
นายเดวิด มอนด์ รองผู้อำนวยการ บริษัท เอ็ฟเฟ็คทีฟ แพลนเนอร์ส จำกัด
หรืออีพีแอล ในฐานะผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย
จำกัด (มหาชน) หรือทีพีไอ กล่าวว่า วานนี้ (10 เม.ย.) บริษัทได้ ยื่นคำร้องต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
(จพท.)
แห่งสำนักฟื้นฟูกิจการ เพื่อขอให้จัดประชุมเจ้าหนี้ ตามกฎหมายเพื่อลงมติแก้ไขแผนฟื้นฟูกิจการของบริษัททีพีไอใน
2 ประเด็น ประเด็นแรก คือการแก้ไขข้อ
กำหนดในแผนเกี่ยวกับวิธีการเปลี่ยนสาระสำคัญในแผนเพื่อให้ตรงกับแนวทางในพระราชบัญญัติล้มละลาย
โดยที่ยังคงสิทธิของคณะกรรมการเจ้าหนี้ในการจัดประชุมเจ้าหนี้
ที่เข้าร่วมแผนปรับโครงสร้างหนี้ทางการเงินในการประเมินเสียงสนับสนุน สำหรับข้อเสนอการแก้ไขแผนใดๆ
ก่อนที่จะมีการลงมติในการประชุมตามกฎ-หมายที่จัดโดยสำนักฟื้นฟูกิจการ ประเด็นที่สอง
การแก้ไขกำหนดเวลาการขายทรัพย์สินที่ไม่ใช่สินทรัพย์หลัก (สินทรัพย์รอง)
เป็นวันที่ 31 มีนาคม 2546 หรือวันอื่นที่อาจมีการขยายออกไปตาม ที่เสียงส่วนใหญ่ในที่ประชุมเจ้าหนี้ที่
เข้าร่วมแผนปรับโครงสร้างหนี้ทาง การเงินเห็นชอบ โดยคำร้องขอแก้ไขแผนได้ระบุว่า
การแก้ไขแผนใน 2 ประเด็น เป็นสิ่งจำเป็นในการฟื้นฟูกิจการ การจัดประชุมตามกฎหมาย
โดยสำนักฟื้นฟูกิจการเพื่อลงมติจะมีขึ้น ในราวกลางเดือนพฤษภาคม 2545 แต่ก่อนที่จะมีการลงมติในเรื่องดังกล่าวนั้น
อีพีแอลยังคงเป็นผู้บริหาร แผน
และดำเนินงานตามขั้นตอนของแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอต่อไป ด้านนายปีเตอร์ กอทธาร์ด
ผู้บริหารอาวุโสอีพีแอล กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทได้ขอให้ศาลล้มละลายกลางมีการแก้ไขหลักเกณฑ์
การลงคะแนนเสียงของเจ้าหนี้ทีพีไอ และการเลื่อนระยะเวลาการจำหน่ายทรัพย์สินรองเป็นวันที่
31 มีนาคม 2546 ซึ่งเจ้าหนี้ของทีพีไอจะต้องเข้าประชุม
เพื่อลงคะแนนเสียงสนับสนุนตามกฎหมายที่กำหนดไว้คาดว่าการประชุมเพื่อลง คะแนนเสียงดังกล่าวจะมีขึ้นราวหนึ่งเดือนข้างหน้า
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์การลงคะแนนเสียงที่ระบุไว้ในแผนเดิม
ที่ให้สิทธิแก่เจ้าหนี้รายหนึ่งให้สามารถทำให้มติใดๆ ตกไปด้วยเสียงของตนเพียงรายเดียว
ทำให้การแก้ไขเป็นไปได้ยากในทางปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบริษัทที่มี
เจ้าหนี้จำนวนมากถึง 130 ราย
การลงคะแนนเสียงของเจ้าหนี้ทีพีไอทุกครั้ง อีพีแอลจะได้รับเสียงสนับสนุนไม่ต่ำกว่า
89% ซึ่งการขอแก้ไขหลักเกณฑ์การลงคะแนนเสียงในแผนเพื่อให้เป็นแนว
ทางเดียวกับที่กำหนดในกฎหมายล้มละลายมาตรา 90/46 ขณะเดียว กันคณะกรรมการเจ้าหนี้
ยังสามารถประเมินเสียงสนับสนุนต่อ ข้อเสนอการแก้ไขแผนใดๆ
ก่อนที่จะมีการลงมติในการประชุมตามกฎหมายที่จัดโดยสำนักฟื้นฟูกิจการ สำหรับการจัดประชุมครั้งใหม่
นี้ สืบเนื่องจากอีพีแอล ผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการทีพีไอ ไม่สามารถ
ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการที่กำหนดไว้ คือ ต้องขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่สินทรัพย์หลัก
มูลค่าประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ได้ภายในวันที่
31 ธันวาคม 2544 ที่ผ่านมา
ดังนั้นอีพีแอล จึงจำเป็นต้องจัดให้มีการประชุมเพื่อขอมติให้มีการเลื่อนกำหนดการขายสิน
ทรัพย์รองออกไป โดยในการประชุมครั้งแรกนั้นได้มีเจ้าหนี้บางรายคัดค้านการขยายเวลาออกไป
ทำให้มติดังกล่าวเป็นอันตกไป และจะต้องมีการจัดประชุมเพื่อขอมติใหม่อีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ตามหลักเกณฑ์แล้วในการประชุมดังกล่าว จะต้องได้รับคะแนนเสียงไม่ต่ำกว่า
75% ของมูลหนี้ทั้งหมด
และเจ้าหนี้ทุกรายจะต้องเห็นด้วยกับการขยายระยะเวลาออกไป คือหากมีเจ้าหนี้เพียง
1 รายคัดค้าน ก็เท่ากับว่าแผนไม่ผ่าน