หัวเหว่ยคว้าซีดีเอ็มเอตามคาดด้วยราคาสุดต่ำ 7.199 พันล้านบาท หรือต่ำกว่างบประมาณ 46.4% สมใจนายกฯ ที่เตรียมนำวิธี e-Auction มาใช้กับโครงการขนาดใหญ่อย่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ด้านกลุ่มสามารถถอนฟ้องศาลปกครองหลังเห็นราคาหัวเหว่ย
เมื่อวานนี้ (24 ม.ค.) บริษัท กสท โทรคมนาคม ได้มีการประมูลโครงการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบซีดีเอ็มเอ ภูมิภาค 51 จังหวัด งบประมาณ 1.34 หมื่นล้านบาท ด้วยระบบประมูลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) โดยมีบริษัทเข้าร่วมประมูล 3 ราย คือ 1. บริษัท โมโตโรล่า (ประเทศไทย) 2. คอนซอร์เตี้ยมบริษัท อีริคสัน (ประเทศไทย) บริษัท อีริคสัน ไทยเน็ทเวอร์ค และบริษัท อีริคสัน ผลิตกรรม (ประเทศไทย) และ 3. คอนซอร์เตี้ยมหัวเหว่ย ประกอบด้วย บริษัท หัวเหว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) และบริษัท หัวเหว่ย เทค อินเวสเมนท์
การประมูลครั้งนี้มีผู้สนใจเข้าร่วมสังเกตการณ์เป็นจำนวนมากโดยมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี พล.ท.อนุสรณ์ เทพธาดา ประธานบอร์ด กสท นายวิทิต สัจจพงษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กสท ตัวแทนจากบริษัทเอกชนจำนวนมาก
ในช่วงแรกที่เริ่มการประมูลโมโตโรล่าเป็นผู้เสนอราคาก่อนที่ 1.33 หมื่นล้านบาท ก่อนที่จะเสนอราคาอยู่หลายครั้งเพื่อพยายามตามคู่แข่งให้ทัน จนได้ราคาต่ำสุดที่ 9.788 พันล้านบาท ส่วนบริษัท อีริคสัน เสนอราคาแรก 1.27 หมื่นล้านบาท และเสนอต่ออีก 2 ครั้ง จนได้ราคาสุดท้ายที่ 7.89 พันล้านบาท และบริษัท หัวเหว่ย ได้เสนอราคาแรกที่ 1.15 หมื่นล้านบาท และปรับลดลงในช่วงประมาณ 10 วินาทีสุดท้าย ที่ 7.19 พันล้านบาท ซึ่งต่ำกว่างบกลาง ประมาณ 46.4% จึงเป็นผู้ที่เสนอราคาต่ำสุดและชนะการประมูลในครั้งนี้ไป โดยรวมการประมูลครั้งนี้มีการเสนอราคาเพื่อแข่งขันกันทั้งหมดมากกว่า 30 ครั้ง ตลอดระยะเวลา 1 ชั่วโมง
พล.ท.อนุสรณ์ เทพธาดา ประธานคณะกรรมการ กสท กล่าวว่า บริษัทที่เสนอราคาต่ำสุดคือหัวเหว่ยที่ 7,199,998,000 บาท ซึ่งเป็นราคา ที่ต่ำกว่าราคากลางที่ตั้งไว้ 1.34 หมื่นล้านบาท ถึง 6,203,002,000 บาท คิดเป็น 46.4% จากเดิมที่ตั้งเป้า ประหยัดงบประมาณรัฐ 20% ผู้เสนอราคาลำดับที่ 2 คืออีริคสัน เสนอราคาสุดท้ายที่ 7,898,989,898 บาท และลำดับที่ 3 คือบริษัทโมโตโรล่า (ประเทศไทย) เสนอราคาสุดท้ายที่ 9,788,899,800 บาทตามลำดับซึ่งจะมีการประกาศผลอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 ม.ค.
กรณี 2 บริษัทเอกชน คือกลุ่มคอนซอร์เตี้ยม ZSZ (ประกอบด้วย บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น บริษัท ZTE CORPORATION และบริษัท แซดทีอี ไทยแลนด์) และกลุ่มคอนซอร์เตี้ยมจัสมิน อคิวเมนท์ และอิตัลไทย ที่ฟ้องศาลปกครองนั้นเชื่อว่ากรรมการ ก็มีข้อมูลชี้แจงต่อศาลปกครองได้ และในขณะนี้ก็ทราบแล้วว่าทางกลุ่ม ZSZ ได้มีการถอนฟ้องแล้ว ซึ่งก็ส่งผลดีที่เกิดความเข้าใจและยังไม่ส่งผลต่อการขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์ในการร่วมการงานในครั้งต่อไป
ด้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ราคาที่ได้ในครั้งนี้เป็นราคาที่ต่ำมาก หากเปรียบเทียบกับงบกลางที่ตั้งไว้ 1.3 หมื่นล้านบาท เพราะได้ส่วนลดถึง 6 พันกว่าล้านบาท เฉลี่ยต้นทุนต่อเลขหมายประมาณ 3 พันบาท จากทั้งหมด 2.3 ล้านเลขหมาย ซึ่งเป็นราคาที่ค่อนข้างถูกเมื่อเปรียบเทียบกับเทคโนโลยี และเห็นว่าการประมูลในครั้งนี้ได้ราคาถูกกว่าการดำเนินการของรัฐบาลชุดก่อนที่ตั้งราคากลางไว้ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท แม้จะมีการประมูลแล้วก็ยังได้ราคาสูงมาก
รัฐบาลชุดก่อนที่เสนอราคาสูงนั้นอาจจะมี 2 ประเด็น คือ 1. เดิมราคาเทคโนโลยีสูง และ 2. มีความไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้น โดยเห็นว่าการประมูลในครั้งนี้คงจะไม่มีการล้มแน่นอน แม้จะมีการฟ้องศาลปกครองถึงความไม่เป็นธรรมในการพิจารณาผู้เข้าร่วมประมูลก็ตาม เพราะบอร์ดกสทยืนยันว่าทุกอย่างได้พิจารณาอย่างถูกต้องทุกขั้นตอนแล้ว
อย่างไรก็ตาม ก็เห็นว่าการประมูลในครั้งนี้โปร่งใส หน่วยงานภาครัฐจะต้องเอาไปเป็นตัวอย่างในการดำเนินงานต่อไป หากจะมีการประมูลในโครงการต่างๆ อาจจะต้องพิจารณาใช้วิธีการประมูลแบบ e-Auction เพราะนอกจากจะได้ราคาถูกแล้ว ยังป้องกันการคอร์รัปชันได้ด้วย
"โครงการต่อไปที่จะให้นำวิธี e-Auction ไปใช้ คือ โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-บางใหญ่) ที่มีมูลค่าโครงการกว่า 3 หมื่นล้านบาท"
น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที กล่าวว่า การประมูลครั้งนี้ได้ช่วยรัฐประหยัดงบประมาณได้อย่างจำนวนมาก ซึ่งกระบวนการประมูลนั้นได้จบลงไปแล้ว ซึ่งโดยในส่วนตัวแล้วราคาที่ได้ถือว่าต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนกระบวนการ ต่อรองราคานั้น ขึ้นอยู่ทางคณะผู้บริหาร กสท จะดำเนินการ แต่จะต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบสัญญาและสามารถให้บริการได้ภายในสิ้นปีนี้ และสัญญาดังกล่าวจะต้องไม่ให้ฝ่ายรัฐเกิดข้อเสียเปรียบ หรือส่งผลตามมาในภายหลัง
นายธวัชชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สามารถ คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า กลุ่มคอนซอร์เตี้ยม ZSZ ได้ถอนฟ้องเรื่องการฟ้องร้องดังกล่าวจากศาลปกครองแล้ว เพราะเห็นว่าราคาที่หัวเหว่ยเสนอเป็นราคาที่ต่ำมาก หากได้เข้าร่วมเสนอราคาก็คงไม่สามารถปรับลดราคาได้ต่ำกว่าอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันก็เห็นว่าหากเรื่องดังกล่าว อยู่ในการพิจารณาของศาลปกครอง ซึ่งอาจทำให้เกิดมีการล้มประมูลและต้องประมูลใหม่ ทำให้โครงการนี้ล่าช้าออกไปอีก ก็ไม่ส่งผลดีกับ กสท หรือภาพรวมของประเทศ
"ราคา 7.1 พันล้านบาทต่ำมากให้เราประมูลก็สู้ไม่ได้"
ด้านแหล่งข่าวจากกลุ่มจัสมินกล่าวว่า ในวันนี้ (25 ม.ค.) กลุ่มคอนซอร์เตี้ยมจะไปถอนฟ้องจากศาลปกครองเช่นกัน เพราะเห็นว่าราคาที่หัวเหว่ยเสนอมาต่ำมากแล้ว
|