Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน24 มกราคม 2548
ตปท.ซื้อ-ไทยขายหุ้นไร้ทิศบิ๊กกองทุนเชื่อQ1-2ขาขึ้น             
 


   
search resources

Stock Exchange




นักลงทุนมึนทิศทางหุ้นไทยกองทุนขายตลอด ขณะที่ต่างประเทศซื้อตลอด 4.4 หมื่นล้านบาท "พิชิต-ผู้จัดการกองทุนเอ็มเอฟซี" เผยกองทุนยังทั้งซื้อและขาย พร้อมยอมรับมีกองทุนนอก 1 หมื่นล้านบาท แปลงสภาพจากปิดเป็นเปิดหลังหมดอายุ 10 ปี ทำให้มีความผันผวนบ้าง มีนักลงทุนบางส่วนไถ่ถอนหน่วยแต่ไม่มาก ระบุไตรมาส 1-2 สตอรี่หุ้นไทยขาขึ้น จากปัจจัยเศรษฐกิจ-Election Rally เงินตปท.ไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ ตลาดหุ้นไทยติดกลุ่มน่าสนใจร่วมกับจีน-อินเดีย ย้ำเงินนอกลงหุ้นไทย 1 ล้านล้าน ด้านซิกโก้แนะจับตาเงินนอกใกล้ชิดหลังมีแรงขายที่ฮ่องกง

สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยกลับมาทรุดตัวลงอีกครั้งเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยดัชนีตลาดหุ้นไทยหลุดระดับ 700 จุด มาปิดที่ 696.85 จุด (21 ม.ค.) หลังจากที่นักลงทุนตื่นเทขายทิ้งหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ (แบงก์) ออกมาอย่างหนัก ในขณะที่นักลงทุนต่างประเทศยังคงเป็นผู้ซื้อสุทธิ โดยตลอดเวลาที่ผ่านมานับแต่ต้นปีซื้อสุทธิไปแล้วทั้งสิ้น 4.4 หมื่นล้านบาท

ส่วนนักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 1.5 หมื่นล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยขายสุทธิ 2.8 หมื่นล้านบาท

บรรยากาศตลาดหุ้นไทยกลับมาคลุมเครือและไม่ชัดเจนอีกครั้ง ทิศทางตลาดหุ้นไทยจะยังปรับตัวขึ้นต่อไปได้จนถึงช่วงเลือกตั้งได้จริงหรือไม่ กำลังเป็นประเด็นที่น่าติดตาม

กองทุนเชื่อ Election Rally

นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในช่วงไตรมาสแรกและไตรมาสสองตลาดหุ้นไทยยังมีโกรทสตอรี่ค่อนข้างมาก ทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจไทยที่ยังเป็นขาขึ้น นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหรือแรงผลักดันจากการเลือกตั้ง (Election Rally) ซึ่งผู้จัดการกองทุนก็ยังเชื่อว่าเสถียรภาพทางการเมืองจะยังมีอยู่ต่อไป นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยภายนอกประเทศ ซึ่งต่างประเทศยังมองตลาดหุ้นไทยเป็นตลาดที่น่าสนใจอันดับต้นๆ และมีการเติบโตจัดอยู่ในกลุ่มเดียวกับ ประเทศจีน อินเดีย และนักลงทุนต่างประเทศยังไม่ไม่มีที่ไป เพราะตลาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่นยังไม่น่าสนใจ ศักยภาพการเติบโตไม่เท่าตลาดเกิดใหม่ที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างดี

"บางตลาดเกิดใหม่ให้ผลตอบแทนเป็นเลข 2 หลักก็จะสามารถดึงเงินให้เข้ามาได้มากกว่า แต่เงินเหล่านี้บางส่วนก็เลี่ยงยากว่าเป็นเงินระยะสั้น อาศัยค่าเงินบาทแข็ง นักลงทุนต่างประเทศหนีดอลลาร์มาเข้าเงินสกุลที่แพง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง" นายพิชิต กล่าว

เฟดขึ้นดอกเบี้ยกระทบไม่แรง

สำหรับประเด็นที่เป็นห่วงกันว่าหากเฟด หรือ ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะทำให้เงินไหลกลับไปยังสหรัฐฯ นายพิชิต กล่าวว่า ถ้าเฟดขึ้นดอกเบี้ยนั่นหมายถึงผลตอบแทนในสหรัฐฯจะดีขึ้นสำหรับคนฝากเงินและตราสารหนี้ จะส่งผลกระทบบ้าง แต่เชื่อว่าจะดึงไม่แรงและเชื่ออีกว่า เฟดจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยเยอะเพราะยังมีความจำเป็นที่จะต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ

"เขาต้องสร้างสมดุลให้เศรษฐกิจโต ถ้าขึ้นดอกเบี้ยสูงก็จะเป็นการขัดกันเฟดคงไม่ผลีผลามขึ้น"

กล่าวอย่างไรก็ดี ในส่วนของปัจจัยเรื่องผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนปีนี้ก็ไม่เป็นปัจจัยที่จะสร้างความเซอร์ไพรส์ให้กับตลาดหุ้นเพราะรับรู้กันว่าผลกำไรบริษัทจดทะเบียนจะโต 10-11%

เผยกองทุนตปท.หมดอายุ

นายพิชิตกล่าวถึงกรณีมีการระบุว่ากองทุนรวมเป็นผู้ขายหุ้นออกมาว่า โดยปกติกองทุนรวมจะไม่ขายหุ้นถ้าไม่จำเป็น โดยสาเหตุของการขายมาจากนักลงทุนไถ่ถอนหน่วยลงทุนต้องจ่ายเงินปันผล ซึ่งโดยภาพรวมก็ไม่มีกองทุนต้องจ่ายปันผลพร้อมๆ กันในขณะนี้ โดยรวมกองทุนก็ยังมีทั้งซื้อและขาย ซึ่งในส่วนของบลจ.เอ็มเอฟซีก็ไม่ได้เทขายหุ้นออกมาอย่างเดียว

อย่างไรก็ตาม นายพิชิตกล่าวยอมรับว่า มีกองทุนต่างประเทศที่ บลจ.เอ็มเอฟซีบริหาร เป็นลักษณะกองทุนปิด 10 ปี มูลค่ากองทุน 1 หมื่นล้าน บาท ซึ่งครบอายุโครงการแล้ว แต่ไม่ได้หมายความ ว่ากองทุนนี้จะต้องขายหุ้นออกมาหมดเพราะผู้ลงทุนไถ่ถอนหน่วยลงทุน เนื่องจากได้ใช้วิธีแปลงสภาพกองทุนดังกล่าวจากกองทุนปิดมาเป็นกองทุน เปิดตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ซึ่งทำตามกฎระเบียบสำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

"ผู้ลงทุนไม่ได้ไถ่ถอนหน่วยหมด 1 หมื่นล้านบาท บางคนอยากขายบางคนก็ยังอยากถืออยู่เราก็เลือกให้เป็นกองทุนเปิดซึ่งก็อาจทำให้มีความผันผวนบ้าง" นายพิชิตกล่าว

เงินตปท.ถือหุ้นไทย 25%

ในส่วนนักลงทุนต่างประเทศที่เรียกว่าซื้อมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงไตรมาสสี่ของปี 2546 กระทั่งปี 2548 ก็ยังซื้อสุทธิอีก 4.4 หมื่นล้าน ทำให้เกิดความกังวลว่านักลงทุนต่างประเทศจะขายหุ้นไทยออกมา

นายพิชิตกล่าวว่า ที่ผ่านมานักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างประเทศทั่วไปมีการเก็บหุ้นไทยมาตลอด ดังนั้นเมื่อถึงจุดหนึ่งก็ต้องมีการสร้างผลกำไร และมีการจ่ายเงินปันผล ดูมูลค่าซื้อสุทธิขายสุทธิวันละ 1-2 หมื่นล้านบาทอย่างเดียวถือว่าเป็นสัดส่วนที่น้อย เนื่องจากถ้าดูตัวเลขมูลค่าเงินลงทุนที่ต่างประเทศถืออยู่ประมาณ 25% ของมูลค่าตลาดรวมตลาดหลักทรัพย์ หรือประมาณ 1 ล้านล้านบาท ส่วนกองทุนถืออยู่ประมาณไม่ถึง 10% ไม่รวมกับส่วนของสถาบันประเภทอื่นที่มีมากกว่านี้

"ความเคลื่อนไหว 2 หมื่นล้านบาท ถือว่าน้อยมาก การขายที่เห็นเป็นเรื่องระยะสั้นที่ต้องมีการสร้างผลกำไร"

"มนตรี" แนะดูค่าเงินบาท

ด้านนายเกียรติก้อง เดโช ผู้ช่วยผู้อำนวยการ เศรษฐกิจและการลงทุน บล.ซิกโก้ จำกัด (มหาชน) กล่าวแสดงความกังวลที่นักลงทุนต่างประเทศมีโอกาสขายหุ้นว่า หากพิจารณาในช่วงที่ผ่านมากลุ่มนักลงทุนต่างประเทศจะมีการย้ายการลงทุนไปเรื่อยๆ โดยตลาดหุ้นในเอเชียประเทศอื่นเริ่มมีแรงขายออกมาให้เห็นบ้างแล้ว โดยเฉพาะตลาดหุ้นในฮ่องกง ซึ่งในส่วนของตลาดหุ้นไทยนักลงทุนควรติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทย ต้องรอดูจากความน่าสนใจของบริษัทจดทะเบียนใหม่ที่จะเข้าซื้อขายในช่วงปีนี้ หากมีทิศทางที่ดีก็จะส่งผลต่อตลาดหุ้น รวมถึงส่งผลต่อมูลค่าการซื้อขายซึ่งเป็นรายได้ของบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งอาจจะทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มนี้มีการปรับตัวขึ้นได้

ขณะที่นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่ บริหาร บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า หากดูจากการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นไทยแล้ว นักลงทุนต่างประเทศยังไม่น่าจะรีบขายหุ้นออกมา แต่อย่างไรก็ตาม ก็สังเกตได้จากค่าเงินบาทหากค่าเงินบาทอ่อนค่า   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us