วิสูตร พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการของค่ายไทเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เป็นผู้บุกเบิกหนังไทยอีกคนหนึ่ง
ที่ได้สร้างความตื่นตัวให้คนไทย หันกลับมาดูหนังไทยมากขึ้น
"นางนาก" ยังเป็นหนังไทย ที่สร้างรายได้สูงที่สุดในปัจจุบัน คือ
150 ล้านบาท สูงกว่ารายได้หนังดังบางเรื่องจากฮอลลีวู้ด ที่มาฉายในเมืองไทย
ด้วยซ้ำไป ธุรกิจหนังไทยในเวลานี้จึงน่าจะเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งห
นึ่ง โดยมีวิสูตร และทีมงานของเขาเป็นผู้จุดประกาย
นอกจากจะทำให้คนไทยกลับมารักหนังไทยแล้ว วิสูตรยังต้องการให้หนังไทยออกสู่สายตาชาวต่างประเทศมาก
ขึ้น หนัง เรื่องนี้จึงมีการส่งไปประกวดในเทศกาลต่างๆ หลายประเทศทั่วโลก
แม้แต่การไปปักหลักฉายในประเทศสิงคโปร์ ก็ทำการประชาสัมพันธ์จริงจังกว่า
หนังไทยเรื่องอื่นๆ ที่ผ่านมา
วิสูตร เป็นลูกชายของเจริญ ประธานบริษัทโกบราเดอร์ ซึ่งทำธุรกิจ โรงหนังมานานกว่า
40 ปี เป็นพี่ชายแท้ๆ ของวิชัย ผู้บริหารโรงภาพยนตร์ของเครือ EGV ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของโรงหนัง
ที่มาแรง และมีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย เป็นพูลวรลักษณ์อีกคนหนึ่ง ที่ใช้ชีวิตในวัยเด็กคลุกคลีมา
กับโรงหนังเกือบตลอดเวลา ทั้งขายตั๋ว ขายน้ำ และดูหนังวนเวียนอยู่อย่างนั้น
หลายต่อหลายปี
และปัจจุบันเขาก็ยังใช้ชีวิตส่วนหนึ่งดูหนัง ฟังเพลง เป็นงานหลัก เพราะความจำเป็นที่จะต้องเกาะกระแสไปในแวดวงบันเทิง
รวมทั้ง เพื่อเป็นการ พัฒนากระบวนการทางความคิดใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
"หนังใหม่ออกมา 10 เรื่อง ผมต้องได้ดู 9 เรื่อง อีกเรื่องอาจจะต้อง
ซื้อวิดีโอเก็บไว้ก่อน เพลงก็เหมือนกันไม่ว่าเพลงของใครค่ายไหนออกมา ต้องซื้อฟัง
ฟังหมดม้วนบ้างไม่หมดม้วนบ้าง" วิสูตรเคยเล่าให้ "ผู้จัดการ"
ฟัง
อิทธิพลต่างๆ ของการที่มีโอกาสดูหนังมากกว่าคนอื่นๆ ตั้งแต่ในวัย เด็กนั้น
ได้ซึมซับเข้าไปในจิตวิญญาณของวิสูตรโดยไม่รู้ตัว บวกกับประสบการณ์ต่างๆ
ในการทำธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องของหนังให้กับครอบครัวอีกไม่ต่ำกว่า 7 ปี ทำให้เขามีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นคนทำหนังเองอย่างมาก
ความฝัน ของเขาเริ่มเป็นจริงเมื่อยังอยู่ในวัย 25 ปี ก็เพราะได้รวมกลุ่มกับ
"ปี๊ด" ธนิตย์ จิตต์นุกูล และ"อังเคิ่ล" อดิเรก วัฎลีลา
ซึ่งเป็น เพื่อน ที่ ทำใบปิดให้กับโรงภาพยนตร์ของโกบราเดอร์ และปัจจุบันทั้ง
2 คนคือ ผู้เขียนบท และผู้กำกับชื่อดัง ภาพยนตร์เรื่องแรกของวิสูตร และ เพื่อนๆ
กลุ่มนี้คือ "ซึมน้อยหน่อยกะล่อนมากหน่อย" หนังไทยวัยรุ่นที่โดนใจวัยรุ่นในสมัยนั้น
อย่างจัง และทำรายได้อย่างงดงาม
หนังเรื่องต่างๆ ของค่ายไท เริ่มทยอยออกมาอย่างต่อเนื่องปีละ 1-2 เรื่อง
ความสำเร็จของค่ายนี้อยู่ตรง ที่ว่ามีเนื้อเรื่อง ที่ค่อนข้างทันสมัย ดารา
นำก็ไม่ได้ผูกติดกับดาราคู่ขวัญคนเก่า รวมทั้งมีความพิถีพิถันในการใช้แสง
การตัดต่อภาพ ซึ่งการพยายามทำการบ้านอย่างหนัก และการทุ่มเทในจุด ต่างๆ เหล่านี้ค่ายหนังอื่นๆ
ในเมืองไทยก็จำเป็นจะต้องปรับตัวตามเช่นกัน
สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีในวงการภาพยนตร์ไทย และจะทำให้กระบวนการทางความคิดอื่นๆ
ที่สร้างสรรค์เกิดขึ้นตามมาอย่าง แน่นอน
สำหรับภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของค่ายไท ที่กำลังรอเวลาฉายก็คือ เรื่อง "สตรีเหล็ก"
ซึ่งเป็นภาพยนตร์ในแนวสนุกสนาน โครงเรื่องเป็นเรื่องจริงของ ทีมวอลเลย์บอลกะเทยทีมหนึ่งในจังหวัดนครสวรรค์
ก็คงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ หลายคนกำลังคอยติดตามดูความคิดใหม่ๆ ของเขา