Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน21 มกราคม 2548
ไทคอนคลอดกองทุนอสังหาฯมูลค่า1.8พันล.             

 


   
search resources

ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น, บมจ. - TICON
Funds




"ไทคอน" คลอดกองทุนอสังหาฯ ระดมทุนขยายกิจการหนีภาวะดอกเบี้ยช่วงขาขึ้น ดัน 39 โรงงานมูลค่า 1,800 ล้านบาท ประเดิมโครงการ เน้นลงทุนในสินทรัพย์ประเภทโรงงานอุตสาหกรรมให้เช่า คาดผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี 6-8% พร้อมนำเม็ดเงินที่ระดมได้ขยายโรงงานเพิ่ม

นายไว เชง ควน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างยื่นขออนุมัติจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ใช้ชื่อกองทุนว่า "กองทุนอสังหาริมทรัพย์ไทคอน" (TICON Property Fund) โดยมีวัตถุประสงค์การลงทุนในโรงงานอุตสาหกรรมให้เช่าและโกดังสินค้า

กองทุนดังกล่าวจะมีเงินทุนเริ่มต้นประมาณ 1,700-1,800 ล้านบาท โดยมีสินทรัพย์เป็นโรงงานของไทคอนที่มีผู้เช่าเต็ม 100% จำนวน 39 แห่ง ที่ตั้งอยู่ในนิคม/สวนอุตสาหกรรม 5 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชลบุรีและระยอง จากจำนวนโรงงานทั้งหมด 232 แห่ง ซึ่งเป็นโรงงานที่ปล่อยเช่าไปแล้ว 140 แห่ง ยังไม่มีผู้เช่า 15 แห่ง ซึ่งใช้เป็นโชว์รูมให้ลูกค้าเข้ามาชมโรงงาน ทำสัญญาเช่าแล้วอยู่ระหว่างการก่อสร้าง 13 แห่ง และอยู่ระหว่างก่อสร้าง 64 แห่ง โดยมีอัตราการเติบโตด้านการขยายพื้นที่เช่าปีละประมาณ 33%

ทั้งนี้ โรงงานทั้ง 39 แห่งดังกล่าวมีมูลค่าทางบัญชี 900 ล้านบาท ซึ่งไทคอนจะได้เงินส่วนต่างเพิ่มอีกเท่าตัวคือ 900 ล้านบาท เพื่อนำไปลงทุนก่อสร้างและขยายโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมต่อไป ปัจจุบันค่าเช่าโรงงานของไทคอนอยู่ในอัตรา 173 บาทต่อตร.ม. โดยไทคอนคาดว่าโรงงานทั้ง 39 แห่งดังกล่าว จะมีรายได้จากค่าเช่าปีละ 180 ล้านบาท โดยขั้นต้นคาดว่า กองทุนรวมจะสามารถสร้างผลตอบแทนได้ที่ประมาณร้อยละ 6-8

"สาเหตุที่เราจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์ขึ้นมา เนื่องจากต้องการแก้ไขปัญหาทางด้านโครงสร้างทางการเงินของบริษัท เพราะหากต้องการขยายกิจการ ต้องมีการเพิ่มทุนจะส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นได้ หรือหากกู้เงินจากแบงก์ก็จะทำให้ต้นทุนการดำเนินกิจการเพิ่มขึ้นจากอัตราดอกเบี้ย ดังนั้น ไทคอนจึงต้องหาวิธีระดมทุนเพื่อไม่ให้กระทบต่อความมั่นคงของบริษัทโดยเม็ดเงินที่ระดมได้นั้นจะนำไปก่อสร้างโรงงานเพิ่มเติม เพราะตลาดยังมีความต้องการอยู่สูงมาก ตามภาวะการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ" นายไว กล่าว

นายไว กล่าวต่อว่า สัดส่วนการลงทุนในกองทุนฯไทคอนจะถือหน่วยลงทุนสูงสุดตามเกณฑ์ของ ก.ล.ต. 33% และภายหลังจากเปิดขายหน่วยลงทุนเป็นครั้งแรก (IPO) บริษัทมีแผนที่จะเข้าซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 50% ของจำนวนหน่วยลงทุนที่ขายอยู่ในตลาดทั้งหมด

ทั้งนี้ ภายหลังจากตั้งกองทุนขึ้นมาโครงสร้างรายได้ของบริษัทจะมาจาก 4 ส่วนคือ 1. ค่าบริหารจัดการกองทุนเฉลี่ย 2% จากส่วนต่างผลตอบแทนกองทุน 2. รายได้จากการขายโรงงานให้กับกองทุน 3. รายได้จากเงินปันผลที่ไทคอนถือหน่วยลงทุนในกองทุนดังกล่าว และ 4. รายได้หลักของธุรกิจ คือการให้เช่าโรงงาน

"ในระยะแรกตามข้อตกลงการจัดตั้งกองทุน เราจะเป็นผู้จัดการกองทุนก่อน หลังจากนั้นหากผลตอบแทนจากการบริหารกองทุนออกมาเป็นที่น่าพอใจ ถ้าผู้ถือหน่วยลงทุนมีมติเห็นชอบให้เราบริหารกองทุนต่อ เราก็จะเป็นผู้จัดการกองทุนต่อไป" นายไว กล่าว

สำหรับการจัดตั้งกองทุนนี้ จะเกิดประโยชน์ต่อผู้เกี่ยวข้อง 3 กลุ่ม หลักๆ คือ ประการแรก ไทคอนจะสามารถใช้ประโยชน์จากเงินทุนที่ได้จากการขายโรงงานให้แก่กองทุน เพื่อการขยายธุรกิจต่อไปในอนาคตโดยไม่ต้องทำการเพิ่มทุนประการต่อมา นักลงทุนจะมีโอกาสได้มีส่วนร่วมในการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ด้วยระดับผลตอบแทนที่ 6-8% ซึ่งนับว่าอยู่ในระดับสูงกว่าเมื่อเทียบกับผลตอบแทนจากเงินฝากเงินทั่วไป

ประการสุดท้าย ไทคอนสามารถนำเงินทุนดังกล่าวมาใช้พัฒนาโรงงานให้แก่ลูกค้าที่ต้องการให้ไทคอนสร้างโรงงานให้เป็นการเฉพาะสำหรับลูกค้า ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นโรงงานขนาดใหญ่ และศูนย์การขนส่งและคลังสินค้าขนาดใหญ่ ซึ่งจะต้องใช้เงินลงทุนสูง

ด้านนายวีระพันธ์ พูลเกษ กรรมการบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า บริษัทฯจะยื่นเรื่องขออนุมัติการจัดตั้งกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์กับ ก.ล.ต.ในวันพรุ่งนี้ และจะเสนอขายหน่วยลงทุนในทันทีที่ได้รับอนุมัติ ซึ่งคาดว่าจะไม่เกินเดือนมีนาคม 2548 นี้   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us