Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน20 มกราคม 2548
แบงก์ใหญ่พาเหรดกำไรพุ่ง             
 


   
www resources

โฮมเพจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
โฮมเพจ ธนาคารไทยพาณิชย์
โฮมเพจ ธนาคารกสิกรไทย

   
search resources

ธนาคารกสิกรไทย, บมจ.
ธนาคารไทยพาณิชย์, บมจ.
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
Banking




ธนาคารพาณิชย์ไทย โชว์ผลงานปี 2547 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถ้วนหน้า ไทยพาณิชย์กำไรสุทธิกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท สูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งธนาคาร เพราะส่วนใหญ่มาจากการขายธุรกิจรองและการปรับโครงสร้างหนี้ ขณะที่แบงก์กรุงศรีอยุธยา กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่า 53% "กสิกรไทย" กำไรสุทธิปีนี้ 1.5 หมื่นล้าน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนไม่ถึง 4% ด้านราคาหุ้นในกระดานไม่ขานรับ ราคาปรับลดลงจากวันก่อนหน้าทั้ง 3 แบงก์

คุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB กล่าวถึงผลการดำเนินงานประจำปี สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 ว่า ธนาคารมีกำไรสุทธิ 18,488.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 6,028.95 ล้านบาท หรือคิดเป็น 48.39% เมื่อเทียบกับปี 2546 ที่มีกำไรสุทธิ 12,459.79 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นปีที่มีกำไรสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งธนาคารมา

โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการขายธุรกิจตามนโยบายของธนาคารที่จะขายหุ้นในธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักและบางส่วนมาจากการปรับโครงสร้างหนี้ ขณะที่ผลการดำเนินงานในธุรกิจหลักก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสินเชื่อขยายตัวสูงถึง 11.4% ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและส่วนแบ่งรายได้จากบริษัทในเครือเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับในไตรมาสที่ 4 ที่ผ่านมา ธนาคารได้ตั้งสำรองเพิ่มขึ้นตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในส่วนหนี้ที่ค้างชำระเกิน 24 เดือน ขณะเดียวกันธนาคารได้ตั้งสำรองเป็นการทั่วไปเพิ่มขึ้นด้วยจนมีสำรองส่วนนี้ครบตามเป้าหมาย 2% ของสินเชื่อที่ไม่ใช่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ทำให้ธนาคารมีสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ณ สิ้นปี 2547 สูงถึง 69,866 ล้านบาท คิดเป็น 87% ของเอ็นพีแอลทั้งหมดที่มีจำนวน 80,340 ล้านบาท หรือคิดเป็น 14% ของสินเชื่อรวม ถือเป็นระดับสำรองที่เพียงพอกับการรองรับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นและความเสียหายจากคลื่นยักษ์สึนามิทางภาคใต้ด้วย

ด้านฐานะการดำเนินงาน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 ธนาคารมียอดสินเชื่อ 563,872 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57,579 ล้านบาท หรือคิดเป็น 11.4% แต่ลดลง 1,258 ล้านบาท หรือ 0.2% จากไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา โดยสามารถแบ่งออกเป็น สินเชื่อบุคคล เพิ่มขึ้น 39,075 ล้านบาท หรือ 33.5% สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ เพิ่มขึ้น 20,542 ล้านบาท หรือ 10.4% และสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) เพิ่มขึ้น 18,651 ล้านบาท หรือ 23.5%

กรุงศรีฯกำไรสุทธิพุ่ง 53%

นายจำลอง อติกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY กล่าวถึง ผลการดำเนินงานประจำปี สิ้นสุดณ วันที่ 31 ธันวาคม 2547 ว่า ธนาคารมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจ สามารถแสดงผลกำไรเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจาก ปี 2546 โดยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและภาษีจำนวน 7,681 ล้านบาท เมื่อหักค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 3,000 ล้านบาท ทำให้มีกำไรสุทธิ 4,673 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.64 บาท เทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,025 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 1.39 บาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 53%

โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ผลการดำเนินงานของธนาคารปรับตัวดีขึ้น สืบเนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 55% ขณะที่ค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นประมาณ 7% แม้รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยโดยรวมจะลดลงจากปีก่อน เนื่องจากในปี 2546 ธนาคารได้รับรู้กำไรจากเงินลงทุนไปก่อนแล้วถึง 2,500 ล้านบาท

ทั้งนี้ ธนาคารคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยระยะยาวจะปรับตัวขึ้น รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยของธนาคารในปีนี้จึงเกิดจากธุรกรรมพื้นฐานเป็นหลักและมีรายได้เป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ โดยรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น 14% ส่วนแบ่งกำไร จากเงินลงทุนในบริษัทย่อย-ร่วมเพิ่มขึ้น 102%

นายจำลอง กล่าวว่า ธนาคารสามารถบรรลุเป้าหมายด้านต่างๆ ตามแผนธุรกิจที่ได้ตั้งไว้ นอกจากความสามารถในการขยายรายได้จากธุรกรรมพื้นฐานคือ การขยายสินเชื่อเพิ่มสุทธิได้ตามเป้าหมาย คือสินเชื่อเพิ่มขึ้นประมาณ 7% หรือเพิ่มขึ้นสุทธิ 27,000 ล้านบาท แล้ว ธนาคารยังดำเนินการลดต้นทุนทางการเงินระยะยาวเป็นผลสำเร็จตามแผนที่ตั้งไว้ด้วยการไถ่ถอน SLIPs จำนวน 26,000 ล้านบาท ซึ่งมีต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายเฉลี่ย 11% ไปเรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนมีนาคม 2547

ด้านของเงินฝาก ปี 2547 ธนาคารมีเงินฝากเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 71,700 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 17% รวมทั้งธนาคารสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ได้หมดในไตรมาส 3 สิ้นสุด 30 กันยายน 2547

สำหรับด้านคุณภาพสินทรัพย์นั้น หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL อยู่ที่ระดับ 9.9% ของสินเชื่อรวม หรือประมาณ 4.2 หมื่นล้านบาท ลดลงจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับประมาณ 15% และในส่วนของสำรองต่อ NPL ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 44.8%

ส่วนของสินทรัพย์รอการขาย หรือ NPA นั้น ปี 2547 ธนาคารและ AMC ของธนาคารสามารถจำหน่าย NPA ได้อีกประมาณ 7,200 ล้านบาท ทำให้มีกำไรเบื้องต้นประมาณ 670 ล้านบาท ซึ่งเป็นการขาย NPA มีกำไรติดต่อกันเป็นปีที่ 4 ทั้งนี้ ณ สิ้นปี 2547 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (Capital Adequacy Ratio-CAR) ที่ระดับประมาณ 10.7%

"กสิกรไทย" กำไรเพิ่มขึ้นไม่ถึง 4%

ด้านธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) แจ้งผลการดำเนินงานต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า ธนาคารมีกำไรสุทธิ 15,340.46 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 6.49 บาท เทียบกับปีก่อนกำไรสุทธิ 14,755.97 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 6.27 บาท หรือมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 584.49 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.96%

ทั้งนี้ ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลรวม 32,999.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.65% รายได้ที่มีใช่ดอกเบี้ย 12,095.33 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 11.67% ขณะที่หนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ณ สิ้นปีอยู่ที่ 56,869.99 ล้านบาท หรือคิดเป็น 9.81% ของสินเชื่อรวมทั้งหมด

สำหรับความเคลื่อนไหวของหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์วานนี้ (19 ม.ค.) ราคาหุ้นไม่ได้ขานรับกับผลประกอบการที่ประกาศออกมามากนัก เนื่องจากเป็นไปตามคาดการณ์ของนักลงทุนอยู่แล้ว โดยมีธนาคารกรุงเทพเพียงแห่งเดียวที่มีราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยดัชนีกลุ่มธนาคารพาณิชย์ปิดที่ 255.03 จุด เพิ่มขึ้น 0.05 จุด หรือ 0.02% มูลค่าการซื้อขายรวม 2,877.33 ล้านบาท

ขณะที่หุ้นธนาคารทั้ง 3 แห่งที่ประกาศผลการดำเนินงาน ประกอบด้วย BAY ราคาปิดที่ 13.40 บาท ลดลง 0.74% มูลค่าการซื้อขาย 123.71 ล้านบาท KBANK ปิดที่ 57.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน มูลค่าการซื้อขาย 627.58 ล้านบาท และ SCB ปิดที่ 50.50 บาท ลดลง 0.98% มูลค่าการซื้อขายรวม 418.30 ล้านบาท   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us