"แอนเดอร์เซ่น" เผยแผนควบรวมกิจการกับ "เคพีเอ็มจี"ภายในตุลานี้
หวังเพิ่มความแกร่ง อุตสาหกรรมโทรคมนาคมพลังงาน โวปีก่อน รายได้รวมบริษัทฯเฉียดพันล้าน
ย้ำไม่มีนโยบายปลดพนักงาน ด้านปธ.
"เคพีเอ็มจี" มั่นใจความมั่นคงด้าน อุตสาหกรรมการเงินเพิ่ม ส่ง
ผลต่อฐานลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นสถาบันการเงิน วานนี้(3 เม.ย.)กลุ่มบริษัทแอนเดอร์เซ่น(ประเทศไทย)
ได้แถลงข่าวความคืบหน้าในข้อตกลง
เพื่อควบรวมกิจการกับกลุ่มบริษัทเคพีเอ็มจี(ประเทศไทย) ตามแผน การเข้าเป็นสมาชิกของเคพีเอ็มจี
อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็น 1 ใน5 ผู้นำของบริษัทที่ให้บริการผู้สอบบัญชีและที่ปรึกษาธุรกิจของโลก
นางไขศรี
นิติการพิศิษฐ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทแอนเดอร์เซ่น-ประเทศไทย
เปิดเผยว่าทั้ง 2 บริษัทได้มีการบรรลุข้อตกลงร่วมกันในระดับหนึ่ง ที่จะควบรวมกิจการของทั้งสองบริษัท
โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและพิจารณาในรายละเอียดรวมทั้งขั้นตอนทางกฎหมายและระเบียบปฏิบัติต่างๆ
เพื่อให้เกิดความถูกต้องและชัดเจน
โดยคาดว่าภายในเดือนมิถุนายนนี้จะสามารถหาข้อสรุปที่ชัดเจนได้ หลังจากนั้นจะดำเนินการตามแผนโดยมีเป้าหมายที่จะให้เสร็จสิ้นอย่าง
เป็นทางการภายในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนสาเหตุที่บริษัทแอนเดอร์
เซ่นเลือกที่จะเข้าควบกิจการกับบริษัทเคพีเอ็มจี นั้น นางไขศรีกล่าวว่า
เนื่องจากทั้งสองบริษัทมีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกัน เมื่อรวมกิจการแล้วจะเกิดประโยชน์มากยิ่งขึ้น
โดยในส่วนของแอน
เดอร์เซ่นจะมีความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับโทรคมนาคม พลังงาน ซึ่งมีฐานลูกค้าเป็นคน
ไทยกว่า 70% โดยปีที่ผ่านมากลุ่ม บริษัทแอนเดอร์เซนมีรายได้รวมเกือบ 1,000
ล้านบาทและคาดว่าใน
ปีนี้จะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อน ซึ่งการควบรวมกิจการครั้งนี้ในเบื้องต้นจะไม่มีการลดพนักงานลงแต่อย่างใด
นอกจากนี้ กรณีบริษัทเอ็นรอนประสบปัญหาล้มละลายนั้น นางไขศรีชี้แจงว่า บริษัทแอนเดอร์
เซ่น(ประเทศไทย)นั้นไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่อง จากมีบริษัทอาร์เธอร์แอนเดอร์เซ่นในสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ตรวจสอบบัญชี
และฐานลูกค้าของบริษัทส่วน ใหญ่เป็นลูกค้าคนไทย
ซึ่งมีความเข้าใจเกี่ยวกับบริษัทรวมทั้งบริษัทเพิ่งจะมาใช้ชื่อแอนเดอร์เซ่น
ประมาณ 2-3 ปีที่ผ่านมาเท่านั้น สำหรับกลุ่มบริษัทในประเทศ ไทยเมื่อได้รวมกันแล้วจะมีผู้บริหาร
และพนักงาน
เจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการมากกว่า 1,000 คน ซึ่งถือเป็นทีมงานบริการขนาด
ใหญ่และมีคุณภาพสูง มีความรู้ความเชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในการทำ งานระดับสากลมาแล้ว
"การรวมกันครั้งนี้จะทำให้มีงานบริการที่หลากหลายสามารถสนองความต้องการของลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น
โดย มีเครือข่ายที่กว้างขวางและมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านมาเสริมงานบริการได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ" ผจก.
แอนเดอร์สัน(ประเทศไทย) กล่าว นายสุพจน์ สิงเสน่ห์ ประธานบริษัทเคพีเอ็มจี-ประเทศไทย
กล่าวว่า การควบรวมกิจการ ของทั้งสองบริษัท เชื่อมั่นว่าจะทำให้บริษัทสามารถ
ให้บริการที่มีมูลค่าเพิ่มแก่ลูกค้าได้
โดยปัจจุบันเคพีเอ็มจีจะมีความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมทาง ภาคการเงิน ซึ่งฐานลูกค้าของบริษัทส่วนใหญ่จะเป็นสถาบันการเงินทั้งในประเทศไทยและระดับภูมิภาค
โดยในส่วนของสถาบันการเงินของ
ไทยได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารทหารไทย และธนาคารต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นลูกค้าของ
บริษัททั้งหมด