Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน3 เมษายน 2545
ศาลเมินรับฟ้องแทค "บุญชัย" ไม่หวั่นอัดแคมเปญถูกตัดคืนเงิน             
 


   
search resources

โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น, บมจ.




ดีแทควืด ศาลปกครองไม่รับคำฟ้อง เพราะเห็นว่า คำขอให้ศาลสั่งยกเลิกข้อตกลงและเชิญคู่สัญญามาทำความตกลงใหม่ เกินกว่าอำนาจที่ให้ศาลจะบังคับ ส่วนคำร้องให้เพิกถอนมติบอร์ด

ทศท.ที่จะตัดสัญญาณเชื่อมโยงโครงข่าย 28 เม.ย.นี้ เหตุยังไม่เกิดจึงไม่รับคำพิจารณา ด้าน ครป.จับตาข้อพิพาท ดีแทค-ทศท. แค่การสร้างฉาก เพื่อหาช่องแก้สัญญาลดค่าต๋งให้เอกชน

เชื่อกลุ่มสื่อสารจ่อคิวต่อรองเพียบ ขณะที่แทค อัดแคมเปญอีก ซื้อตอนนี้ถ้า 28 เม.ย.45ถูกตัดเครือข่ายคืนเงินให้หมด ในที่สุดความหวังที่ บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด

(มหาชน)หรือดีแทคจะให้ศาลปกครอง กลางให้ความชัดเจนเกี่ยวกับข้อพิพาท ของบริษัทกับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ทศท.) ในการจ่ายเงินหรือไม่จ่ายเงินค่าเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม

ว่าจะต้องเป็นไปตาม ข้อตกลง 2 ฉบับเดิม คือ ฉบับวันที่ 22 ก.พ. 37 และ ฉบับวันที่ 2 เม.ย. 44 ที่บริษัททำกับองค์การโทรศัพท์ หรือยึดตามพ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 ก็หมดสิ้นเมื่อ

ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งไม่รับคำฟ้อง ทั้งนี้ วานนี้ (2 เม.ย.) ศาลปกครองกลางได้ให้เหตุผลของการไม่รับคำฟ้อง ที่ทางดีแทคได้ยื่นไว้ใน 2 กรณี คือ 1 กรณีขอให้ศาลปกครองเชิญคู่สัญญาของบริษัท อันได้แก่

นายสุธรรม มลิลา ผู้อำนวยการ ทศท. และนายสุวิทย์ สัตยารักษ์วิทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารผลประโยชน์ ทศท. มาเจรจาทำความตกลงใหม่เพื่อ ให้สอดคล้อง กับมาตรา 25 วรรคห้า และมาตรา 27(3) ของ

พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม เพราะข้อตกลงทั้ง 2 ฉบับเดิมไม่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรม เท่าเทียม และเป็นการเลือกปฏิบัติ ชี้เป็นสัญญาทางปกครอง โดยศาลได้แยกพิจารณากรณีนี้ออกเป็น 2

ประเด็น คือ ข้อตกลงทั้ง 2 ฉบับ ที่บริษัทได้กระทำไปในฐานะคู่สัญญานั้นเป็นสัญญาทางปกครองหรือไม่ ซึ่งศาลพิเคราะห์ แล้วเห็นว่าสัญญาดังกล่าวถือเป็นสัญญาทางปกครอง เพราะสัญญาทางปกครอง

ตามความหมายของ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง และวิธีพิจารณาคดีปกครอง 2542 นั้น หมายรวมถึงสัญญาที่คู่สัญญาอย่างน้อยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครอง หรือเป็นบุคคลที่กระทำการแทนรัฐ

และมีลักษณะเป็นสัญญาสัมปทาน สัญญาที่ให้จัดทำ บริการสาธารณะ ฯลฯ. ซึ่ง ทศท. และการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) ถือเป็นรัฐวิสาห- กิจที่ตั้งขึ้นโดย พ.ร.บ.องค์การโทรศํพท์ ปี 2497

มีอำนาจหน้าที่ดำเนินฟกิจการโทรคมนาคม จึงถือเป็นหน่วยงานทางปกครอง ที่มีอำนาจหน้าที่จัดทำบริการสาธารณะ แม้ลักษณะของข้อตกลงระหว่างกันจะมิได้มีลักษณะเป็นสัญญาสัมปทาน

หรือสัญญาที่ให้จัดทำบริการสาธารณะ แต่ก็เป็นสัญญาทางปกครองโดยสภาพ ศาลไร้อำนาจสั่งการตามคำร้อง ประเด็นที่ 2 การฟ้องคดีเป็นไปตามเงื่อนไขในการฟ้องคดีตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงื่อนไขเกี่ยวกับผู้มีสิทธิฟ้องคดี ซึ่งศาลเห็นว่า การจะให้ศาลเชิญคู่สัญญามาทำความตกลงเกี่ยวกับการใช้หรือการเชื่อมโยงโครงข่าย โทรคมนาคม ให้สอดคล้องกับมาตรา 25 ของ พ.ร.บ.

การประกอบกิจการโทรคมนาคม คือ ให้บริษัทฯ กับ ทศท.ใช้หลักปฏิบัติชั่วคราว ในการเชื่อมโยงโครงข่ายโทรคมนาคม ในระหว่างการเจรจาทำความตกลง กัน โดยให้โครงข่ายต้นทางเก็บค่าบริการไว้ทั้งหมด

โดยไม่ต้องแบ่งผลประโยชน์ให้กับโครงข่ายปลายทาง และให้ ทศท. ระงับการตัดการเชื่อมโยงโครงข่ายโทรคมนาคม ตามมติของคณะกรรมการ ทศท. ซึ่งจะเกิดความเป็นธรรม เท่าเทียม และไม่เลือกปฏิบัติ

และให้ทางทศท. ยกเลิกข้อตกลงที่ขัดต่อกฎหมายดังกล่าวทั้ง 2 ฉบับนั้น ถือเป็นคำบังคับที่อยู่นอกเหนืออำนาจของศาลที่จะกำหนดให้ได้ เพราะการขอให้ศาลมีคำบังคับนั้น ต้องเป็นตามมาตรา 72 ของ

พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีปกครอง คือให้ศาลฯสั่งให้ใช้เงิน หรือส่งมอบทรัพย์สิน หรือให้กระทำ หรืองดเว้นการกระทำการ โดยกำหนดระยะเวลาและเงื่อนไขอื่นไว้ ไม่รับพิจารณากรณีตัดสัญญาณ ในกรณีที่ 2

คำร้องที่บริษัทขอให้ศาลกำหนดคำบังคับโดยสั่งเพิกถอนมติของคณะกรรมการองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ที่จะตัดการเชื่อม โยงโครงข่ายโทรคมนาคม ในวันที่ 28 เม.ย. นี้ ซึ่งศาลก็แยกพิจารณาเป็น 2

ประเด็น คือ 1. คดีอยู่ใน อำนาจศาลฯ ที่จะรับไว้พิจารณาหรือไม่ โดยศาลฯเห็นว่า คณะกรรมการ ทศท.มีอำนาจหน้าที่ วางนโยบายควบคุมดูแลโดยทั่วไปในส่วนกิจการของ ทศท. มติของคณะกรรมการ ทศท.

จึงถือเป็นคำสั่งทางปกครอง ที่เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครอง หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงอยู่ในอำนาจของศาล ปกครองที่จะพิจารณาพิพากษา แต่ในประเด็นที่

2 คือการฟ้องคดีนี้เป็นไปตามเงื่อนไขเกี่ยวกับผู้มีสิทธิฟ้องคดี หรือไม่ ศาลเห็นว่า มติของคณะกรรมการ ทศท. ที่ทางบริษัทอ้างว่าไม่ชอบด้วย กฎหมาย และนำมาฟ้องขอให้ศาลเพิกถอนนั้น

แม้จะเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่มีลักษณะว่าจะตั้งใจกระทำในอนาคตและเป็นการปฏิบัติการภายในของ ทศท. ซึ่งยังไม่ได้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อบริษัทซึ่งถือเป็นบุคคลภายนอก

จึงถือว่าขณะนี้บริษัทยังมิใช่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน หรือเสียหาย หรืออาจจเสียหายโดยไม่สามารถ หลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น ศาลจึงไม่อาจรับคำฟ้องคดีที่ขอให้ศาลเพิกถอนมติของคณะกรรมการ ทศท.

ที่จะตัดการเชื่อมโยงโครงข่ายโทรคมนาคมของบริษัท ในวันที่ 28 เม.ย.ไว้พิจารณาได้ จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้อง และให้มีการจำหน่ายคดีทั้ง 2 คดีออกจากสารบบความ ครป.ตั้งข้อสังเกตทศท.ฮั้วดีแทค ด้าน

นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวในสัมมนาองค์การนักศึกษาทั่วประเทศ ที่ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในหัวข้อเรื่อง "1 ปี รัฐบาลทักษิณ

ชินวัตร กับสถานการณ์ปัญหาสังคม-การเมืองไทย" ว่า กรณีการเจรจาตกลงระหว่างดีแทคและทศท.นั้นเป็นการสร้างฉาก เพื่อนำไปสู่การลดค่าต๋งให้กับบริษัทเอกชนเท่านั้น จะเห็น ได้ว่าก่อนหน้านี้

ทศท.ประกาศด้วยท่าทีแข็งกร้าวว่าหากดีแทคไม่ยอมจ่ายค่าเชื่อมต่อสัญญาณโครงข่ายให้ ทศท.ก็จำเป็นต้องตัดเครือข่ายสัญญาณของดีแทค ภายในวันที่ 28 เม.ย.นี้ แต่ต่อมา ทศท.ก็ระบุว่าจะไม่ตัดสัญญาณ

หากสามารถเจรจากันได้ และหลังจาก การเจรจา 3 ฝ่ายระหว่าง ดีแทค ทศท. และ การสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ก็ปรากฏว่าเอกชนพยายามที่จะต่อรอง

ขอเปลี่ยนวิธีการจ่ายค่าเชื่อมต่อสัญญาณ จากปัจจุบันที่ดีแทคจะต้องจ่ายค่าเชื่อมต่อสัญญาณ 200 บาท ต่อหมายเลข ต่อเดือน ไปเป็นการจ่ายตามเปอร์เซ็นต์ของรายได้ ซึ่งหาก ทศท.ยินยอมก็จะส่งผลให้รายได้ของ

ทศท.ลดลงจำนวนมหาศาล และเท่ากับเป็นการแก้สัญญาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้เอกชน ซึ่งไม่ถูกต้อง "ดูเผินๆเหมือนกำลังเกิดความขัดแย้งระหว่าง ดีแทคและ ทศท. แต่จริงๆแล้ว

ก็เป็นเพียงการจัดฉากสร้างสถานการณ ์โดยนำเรื่องความเดือดร้อนที่จะเกิดกับประชาชน หากมีการตัดการเชื่อมต่อสัญญาณมาเป็นจุดเบี่ยงเบนความสนใจ เพื่อหวังผล

ให้มีการเจรจาแก้ไขสัญญาระหว่างรัฐและเอกชน ซึ่งสุดท้ายผลประโยชน์ก็จะตกอยู่กับกลุ่มทุนสื่อสาร ในขณะที่ ทศท.สูญเสียรายได้ และประชาชนเสียประโยชน์เพราะต้องจ่ายค่าบริการให้ดีแทคเท่าเดิม"

"หวั่นมือถือค่ายอื่นถือโอกาสต่อรอง นายสุริยะใส กล่าวต่อว่า ขอให้ประชาชนจับตาดูเรื่องนี้ต่อไป เพราะเชื่อว่าหากดีแทคยอมให้มีการแก้สัญญาในการจ่ายค่าเชื่อมโยงเครือข่าย

บริษัทมือถือค่ายต่างๆก็จะพากันขอเจรจาแก้ไขสัญญาบ้าง โดยนำเรื่องของความเท่าเทียมทางธุรกิจ มาเป็นข้ออ้าง สุดท้ายกลุ่มสื่อสารทุกบริษัทก็ได้รับประโยชน์กันถ้วนหน้า เรื่องนี้มีอะไรลึกๆอยู่

ถ้าพิจารณาตัวบุคคลในรัฐบาลชุดนี้จะพบว่าล้วนเป็นตัวแทนของลุ่มทุนสื่อสารทั้งสิ้น โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นเจ้าของบริษัทเอไอเอส นายอดิศัย โพธารามิก รมว.พาณิชย์

เป็นตัวแทนของทีทีแอนด์ที ส่วน นายพิทักษ์ อินทรวิทยนันท์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนของซีพีออร์เร้นจ์ ขณะที่ ที่ปรึกษาของ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รมว.คลัง ก็เป็นคนของเทเลคอมเอเชีย

จะเห็นได้ว่าก่อนหน้านี้รัฐบาลก็พยายามที่จะผลักดันให้มีการแปรสัญญาสัมปทาน ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทสื่อสารไม่ต้องจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้รัฐตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นไป

แต่เมื่อถูกกระแสสังคมคัดค้านอย่างหนักจึงต้องยกเลิกแนวคิดดังกล่าว ดังนั้น การดำเนินการในกรณีดีแทคครั้งนี้จึงอาจเป็นช่องทางหนึ่งที่จะทำให้เอกชนสามารถ ลดค่า

ใช้จ่ายในการจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้รัฐ อัดโปรโมชั่นอีก ด้านนายบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร แทค กล่าวว่า กรณีที่ศาลปกครองกลางไม่รับฟ้องเรื่องของแทคนั้น

คงเพราะเห็นว่าขณะนี้สถานการณ์ปัจจุบันได้คลี่คลายไปในแนวทางที่ดีแล้ว และมีแนวโน้มว่าทุกหน่วยงานจะร่วมกันหาทางออกได้ หลังจากที่ได้หารือร่วมกัน

และมีหลายหน่วยงานของรัฐเข้ามามีส่วนร่วมในการคลี่คลายปัญหา จนมีข้อสรุปเบื้องต้นที่ตรงกันแล้วว่า จะไม่ตัดสัญญาณ เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคเดือดร้อนแน่นอน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ทั้งนี้ ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า

แทคจะยื่นอุทธรณ์ต่อหรือไม่ ต้องรอให้ฝ่ายกฎหมายพิจารณาก่อน ขณะนี้ทั้งแทค, ทศท. และการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) ได้รับทราบคำสั่งศาล และเหตุผลแล้ว

โดยมีแนวทางในการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง 4 แนวทางคือ 1.จะจัดทำระบบการจัดเก็บ และคิดค่าแอ็สเซ็ท ชาร์จใหม่ให้ยุติธรรมมากขึ้น

สอดคล้องและเหมาะสมกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม 2. ทศท. กสท. และแทค จะเจรจาร่วมกันอย่างต่อเนื่อง โดยได้แบ่งคณะทำงานชุดย่อยหลายชุด ทำงานร่วมกันทุกวัน

พิจารณาทุกประเด็นอย่างละเอียด เพื่อวิเคราะห์หาข้อยุติที่เป็นธรรมและเป็นที่พอใจทุกฝ่าย 3.ทั้งแทคและทศท.ได้ออกมายื่นยันความมั่นใจให้ประชาชนแล้วว่าจะไม่มีการตัดสัญญาณแน่นอน

โดยแทคได้วางหลักประกันเป็นเช็คกว่า 1,000 ล้านบาทไว้แล้ว และจัดเคมเปญส่งเสริมความมั่นใจให้ลูกค้าตาง ๆ เช่น รับประกันคืนเงิน 100% หากถูกตัดสัญญาณ เพิ่มเวลาโทรฟรี 100 นาที ปลดล็อก IMEI

เป็นต้น ด้านนายนพนันท์ วรรณเทพสกุล อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงกรณีที่ ศาลปกครองไม่รับฟ้องกรณีดีแทค ว่า การที่แทคไม่ยอมจ่ายค่าเชื่อมโยงโครงข่ายนั้น

ถือว่าแทคประเมินสถานการณ์ผิดพลาด ทั้งทางด้านการเมือง การตลาด รวมทั้งไม่มีการศึกษาในข้อกฎหมายอย่างลึกซึ้ง พอเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดผิดพลาดขึ้นมา ก็หันแก้ด้วยการเน้นส่งเสริมทางการตลาดแทน

เพื่อเรียกชื่อเสียงของบริษัทคืน ส่วนกรณีที่แทคปลดล็อก IMEI นั้น ถือว่าเป็นการแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดกันเองระหว่าง แทค กับบริษัท ทีเอ ออเร้นจ์ ส่วนบริษัท แอดวานซ์ อินโฟเซอร์วิส จำกัด (มหาชน)

หรือเอไอเอส นั้น ถูกมองว่า มีความได้เปรียบ เพราะมีความพร้อมทั้งด้านโครงข่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศมากกว่า ทั้งเทคโนโลยี และบริการเสริมก็มากกว่าเช่นกัน อย่างไรก็ตามเชื่อว่าสถานการณ์ขณะนี้ เอไอเอส

จะไม่ปลดล็อก IMEI ตามแทคแน่นอน เพราะฐานลูกค้าต่างกัน ความต้องการของลูกค้าก็ต่างกัน ส่วนผู้ประกอบการที่เสียเปรียบแน่นอนคือ ทีเอ ออเร้นจ์ เพราะทีเอ

ออเร้นจ์เสียเปรียบในเรื่องของโครงข่ายที่ไม่ครอบคลุมอยู่แล้ว แต่หากทั้ง 2 รายหันมาช่วยกัน ส่งเสริมการตลาดก็จะทำให้ทั้ง 2 ค่ายมีศักยภาพสูง

และทิศทางการแข่งขันทางด้านโทรคมนาคมต่อไปนั้นจะมีการแข่งขันที่สูงมาก ทั้งนี้ บริษัทแทคได้พยายามที่จะลดผลกระทบ

จากการข่าวที่เกี่ยวกับการตัดสัญญาณเชื่อมโยงเครือข่ายของทศท.ที่ออกมาเป็นระลอกๆ โดยได้ประกาศแคมเปญใหม่ยืนยันจะคืนเงินสำหรับลูกค้าที่ซื้อโทรศัพท์มือถือดีแทคหากในวันที่ 28 เมษายน 2545

มีการตัดสัญญาณจากทศท. หลังจากก่อนหน้านี้ได้ออกแคมเปญให้ลูกค้าเก่าจำนวน 3.2 ล้านรายที่ใช้โปรโมชั่นดีแม็กและดี-มีเดี่ยม ได้โทร.ฟรีอีก 100 ชม.

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us