เมโทรซิสเต็มส์วางยุทธศาสตร์รอบปี 48 มุ่งสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจไอทีครบวงจร พร้อมอัดงบลงทุนในเรื่องเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า จนได้ฉายาว่า "บ้าเทคโนโลยี" ถางทางให้กับการขายสินค้า ซึ่งเป็นการซื้ออนาคต และยังวางตำแหน่งเป็นบริษัทเอสไอในการให้บริการ ส่วนผลประกอบการรอบปีที่ผ่านมาทำได้ 4,800 ล้านบาท
นายธวิช จารุวจนะ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เมโทรซิสเต็มส์ คอร์ปอเรชั่น เปิดเผยถึงทิศทางในการดำเนินธุรกิจรอบปี 2548 ว่า เมโทรฯยังให้ความสำคัญกับการลงทุนในเรื่องของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเพิ่มศักยภาพของศูนย์ IBM Storage Solution Center ระยะที่ 3 ที่มีการผนวกเอา Disaster Solution เข้ามารองรับระบบงานเพื่อเป็นศูนย์สาธิตและจัดแสดงอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลและเครือข่ายที่สมบูรณ์แบบครบวงจรที่สุด ตลอดจนการลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพของศูนย์ MSC e-Business Data Center ให้สามารถรองรับความต้องการใช้งานได้อย่างเต็มที่ ซึ่งทั้ง 2 ศูนย์นี้ จะเป็นการสาธิตเทคโนโลยีของไอบีเอ็มที่ล้ำสมัยที่สุดในเอเชีย ที่สามารถใช้เป็นต้นแบบเพื่อการพัฒนาและใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เหมาะสมกับลูกค้าของเมโทรฯต่อไป
นอกจากนี้ ยังมีศูนย์ Business Productivity Center (BPC) ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์สาธิตเทคโนโลยีของไมโครซอฟท์และอินเทล ได้มีการพัฒนา Mobility Application ที่ร่วมมือกับดีแทคมาติดตั้ง เพื่อให้ลูกค้าสามารถทดสอบประสิทธิภาพระบบงานและสาธิตอุปกรณ์ด้านเทคโนโลยีแบบไร้สาย และเพื่อตอกย้ำนโยบายในการสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า เมโทรฯจึงมีแนวคิดที่จะจัดตั้ง Customer Knowledge Based Center เพื่อรองรับการให้บริการแก่ลูกค้าในลักษณะ Helpdesk โดยศูนย์แห่งนี้จะติดตั้งผลิตภัณฑ์และให้บริการแนะนำปรึกษาครบถ้วน ทั้งด้านฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์อัปเดตเวอร์ชันล่าสุด รวมถึงดาต้าเบส, อี-อินฟราสตรักเจอร์, ไอบีเอ็ม ซอฟต์แวร์ และไมโครซอฟท์ โปรดักส์
"เรามีฉายาว่าบ้าเทคโนโลยี เพราะมีการลงทุนไปเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าไม่ลงทุนก็ค้าขายในธุรกิจนี้ไม่ได้ ซึ่งก็เคยมีพนักงานบอกผมว่าสิ่งที่เราลงทุนไปเมื่อสามปีที่แล้วเพิ่งขายได้ แต่เราก็จำเป็นต้องทำ เพราะสิ่งที่เราทำขณะนี้ในอนาคตทุกคนหนีไม่พ้น ต้องมีการนำไปใช้งาน" นายธิวชกล่าว
จากฉายาที่ได้ เมโทรฯมีแผนจะลงทุนรวมทั้งหมดในรอบปีนี้ 150 ล้านบาท เป็นงบเฉพาะการลงทุนเรื่องเกี่ยวกับศูนย์สาธิตสูงถึง 40 กว่าล้านบาท จากปีที่ผ่านมาลงทุนในส่วนนี้ไปประมาณ 20 ล้านบาทเท่านั้น
ด้านผลิตภัณฑ์และบริการเมโทรฯจะเน้นการนำเสนอ Business Solution ที่ครอบคลุมธุรกิจทั้งระบบ ตั้งแต่อินเทอร์เน็ต, ระบบเครือข่าย, อี-คอมเมิร์ซ, ระบบความปลอดภัย, บิสซิเนส พอร์ทัล, แบ็กออฟฟิศ, บิสซิเนส อินเทลลิเจนซ์ และ Disaster Recoverry ซึ่งเป็นการให้บริการใน รูปแบบของการรวมซิสเต็มส์ อินทริเกรชัน หรือเอสไอเต็มรูปแบบ ซึ่งเป็นการสอดคล้องกับนโยบายของผู้บริการเมโทรฯที่ยังวางตำแหน่งของบริษัทว่าเป็นผู้ให้บริการแบบเอสไอ
เทคโนโลยีที่เมโทรฯสนใจ
นายธวิชกล่าวถึงทิศทางของเทคโนโลยีว่า รอบปี 2548 เมโทรฯสนใจเกี่ยวกับเรื่องของ Virtualization ซึ่งเป็นเรื่องที่สืบเนื่องมาจากประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ที่มีศักยภาพการทำงานที่สูงขึ้น จากการนำเทคโนโลยีแบบชิปเพาเวอร์ 5 ของไอบีเอ็ม และวีเอ็ม แวร์ ที่สนับสนุนชิปอินเทล 64 บิต พร้อมซอฟต์แวร์ไมโครซอฟท์ที่สามารถรองรับการทำงาน 64 บิตได้ ส่วนด้านซอฟต์แวร์ความสำคัญจะอยู่ที่โมบิลิตี้ แอปพลิเคชัน, พอร์ทัล แอปพลิเคชัน, บิสซิเนส อินเทลลิเจนซ์ และคอนเทนต์ แมเนจเมนต์
โชว์ผลประกอบการปี 47
สำหรับผลการดำเนินงานของเมโทรฯรอบปี 2547 สามารถทำยอดขายได้ประมาณ 4,800 ล้านบาท หรือมีอัตราการโตประมาณ 12% เมื่อเทียบกับรอบปีที่ผ่านมาที่ทำยอดขายได้ 4,300 ล้านบาท จากรายได้จำนวน 4,800 ล้านบาท เป็นราย ได้มาจากวัสดุสิ้นเปลืองหรือ ซัปพลายประมาณ 1,800 ล้านบาท ฮาร์ดแวร์ 2,400 ล้านบาท ซอฟต์แวร์ประมาณ 600-700 ล้านบาท
ปัจจัยที่ทำให้รายได้ของเมโทรฯมีอัตราการโตมาจากการมุ่งมั่นในเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนติดตั้งไอบีเอ็ม ซีรีส์ โมเดล 570 ที่ใช้ชิปเพาเวอร์ 5 ซึ่งเป็นนวัตกรรมล่าสุดของไอบีเอ็ม ที่สามารถทำงานได้ด้วยระบบปฏิบัติการหลายตัวพร้อมกัน การติดตั้ง IBM Blade Server Model HS 40 เพื่อรองรับ 64 บิตเทคโนโลยี, ไอบีเอ็ม เซิร์ฟเวอร์ เอ็กซ์ซีรีส์ โมเดล 445 เพื่อรองรับ เวอร์ชวล แมชินของวีเอ็ม แวร์, ไอบีเอ็ม พีซีรีส์ โมเดล 550 เพื่อรองรับ Partitioning Technology พร้อมอุปกรณ์อื่นๆ เพื่อรองรับความต้องการของธุรกิจและการให้บริการที่ดีที่สุดกับลูกค้า
จากการลงทุนในเรื่องของเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า เพื่อนำเสนอโซลูชันที่ทันสมัย ทำให้เมโทรฯสามารถขยายธุรกิจเข้าไปในส่วนของงานภาครัฐ เช่น กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หรือไอซีที นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งระบบคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่และสตอเรจที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุดให้กับลูกค้าหลายรายในกลุ่มธุรกิจ เงินทุนหลักทรัพย์, ธนาคารและบริษัทผู้ผลิตรถยนต์
"ปีที่ผ่านมาเรามีรายได้จากภาคราชการประมาณ 20 ล้านบาท เพราะเพิ่งเริ่ม และเป้าปีนี้เราก็ตั้งไว้ว่าน่าจะโตได้ประมาณ 15-20% แต่การทำตลาดตรงนี้ต้องยอมรับว่าเหนื่อยเพราะเราไม่ถนัด"
|