|
Today's News
Cover Story
New & Trend
Indochina Vision
GMS in Law
Mekhong Stream
Special Report
World Monitor
on globalization
Beyond Green
Eco Life
Think Urban
Green Mirror
Green Mind
Green Side
Green Enterprise
Entrepreneurship
SMEs
An Oak by the window
IT
Marketing Click
Money
Entrepreneur
C-through CG
Environment
Investment
Marketing
Corporate Innovation
Strategising Development
Trading Edge
iTech 360°
AEC Focus
Manager Leisure
Life
Order by Jude
The Last page
|
|
บล.กรุงศรีอยุธยาปรับโครงสร้างบริษัทใหม่ ดึงเพลินจิต แอ็ดไวเซอรี่เข้ามาควบรวมแก้เกม "วิบูลย์ เพิ่มอารยวงศ์" ทิ้งรังเก่ายกทีมสาขาเอ็มโพเรียม-ดูดมาร์เกตแชร์ไปให้ บล.สิน เอเซีย ดัน "ศศิพฤนท์-ฉัตรรพี" 2 บิ๊กคู่หูนั่งกรรมการผู้อำนวยการ ร่วมกันบริหาร ยอมรับกระทบมาร์เกตแชร์หายไม่เกิน 0.5%
แหล่งข่าวจากโบรกเกอร์เปิดเผยว่า จากกรณีที่นายวิบูลย์ เพิ่มอารยวงศ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.กรุงศรีอยุธยา จะลาออกไปเป็นผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทหลักทรัพย์ สินเอเซีย โดยมีทีมงานฝ่ายปฏิบัติการ ยกทีมลาออกตามไปด้วยจำนวนหนึ่ง เช่นนายสมบัติ นราวุฒิชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ที่ดูแลสายงานฝ่ายวิจัย ซึ่งก็ได้ยกทีมลาออกไปพร้อมกับนายวิบูลย์ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้ง สาขาเอ็มโพเรียม ซึ่งถือเป็นสาขาใหญ่ของบล.กรุงศรีอยุธยาก็ได้ลาออกเกือบทั้งหมดประมาณ 20 คน ดังนั้น จึงส่งผลกระทบต่อบล.กรุงศรีอยุธยา
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และบริษัทเงินทุนกรุงศรีอยุธยา ซึ่งถือเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบล.กรุงศรีอยุธยาจึงได้ตัดสินใจแก้เกม โดยได้ดึง บริษัทเพลินจิต แอ็ดไวเซอรี่ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ และทำธุรกิจด้านที่ปรึกษาทางการเงินเข้ามาควบรวมกิจการกับบล.กรุงศรีอยุธยา และได้แต่งตั้งให้ ม.ร.ว. ศศิพฤนท์ จันทรทัต กรรมการผู้จัดการ บริษัทเพลินจิต แอ็ดไวเซอรี่ และนายฉัตรรพี ตันติเฉลิม กรรมการบริหาร บริษัทเพลินจิต แอ็ดไวเซอรี่เข้าไปเป็นกรรมการผู้อำนวยการ ในบล.กรุงศรีอยุธยาคู่กัน เพื่อที่จะได้ช่วยกันบริหารงาน
นอกจากนี้ ผู้บริหารของบริษัทเพลินจิต แอ็ดไวเซอรี่อีก 2 คนคือนายธนา บุบฝาวาณิชย์ และนายพรทัต อมตวิวัฒน์ก็จะดูแลในส่วนของด้านวาณิชธนกิจทั้งหมด
ทั้งนี้ การลาออกของนายวิบูลย์ ถูกระบุว่าเป็นการลาออกด้วยดี ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด เพราะได้มีการตกลงร่วมกันเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบมากจนเกินไปนัก เช่นในกรณีของเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งที่จะลาออก ได้กำหนดว่าจะต้องยื่นหนังสือลาออกภายในวันที่ 6 มกราคมนี้ และจะอยู่ทำงานต่อจนถึงวันที่ 21 มกราคมหลังจากนั้นจึงค่อยไปอยู่ที่แห่งใหม่ ซึ่งบล.กรุงศรีอยุธยาก็พร้อมที่จะจ่ายเงินเดือนให้เต็มเดือน ซึ่งจะแตกต่างกับการลาออกของเจ้าหน้าที่ มาร์เกตติ้งจากโบรกเกอร์แห่งอื่นที่ยื่นใบลาออกแล้ว ก็จะออกโดยทันที ทำให้เกิดมีปัญหา
สำหรับสาขาบริการค้าหลักทรัพย์ที่เจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งลาออกไปเกือบทั้งหมดนั้น บริษัทก็ได้แก้ไขปัญหาโดยนำเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งจากสาขาอื่นโยกย้ายไปทำงานแทน และให้ไปอบรมเจ้าหน้าที่มาร์เกตติ้งใหม่ แต่ก็ยอมรับว่าต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าสู่สภาพเดิม
แต่อย่างไรก็ตาม การลาออกของ นายวิบูลย์ แบบยกทีมไปนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อแผนการนำบล. กรุงศรีอยุธยาเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งทำให้ต้องชะลอแผนออกไป
ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัดเปิดเผยว่า แนวทางที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้มอบหมายให้เข้ามาดูแลบริษัทเพื่อให้สามารถดำเนินงานได้อย่างราบรื่นต่อไป ซึ่งทางธนาคารกรุงศรีอยุธยานั้นต้องการให้บริการในรูปแบบของธนาคารครบวงจร โดยบล.กรุงศรีอยุธยาถือเป็นหน่วยงานหลักในการให้บริการเกี่ยวกับตลาดทุน ซึ่งจะทำให้ลูกค้าของบริษัทได้รับความสะดวกในการใช้บริการ
"ผมและฉัตรรพี ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการคู่กัน เพื่อที่จะให้เข้ามาช่วยบริหารร่วมกัน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดี และการที่มาจากฝ่ายวาณิชธนกิจทำให้สามารถนำสินค้าใหม่ๆ หรือการนำหุ้นไอพีโอมาให้บริการแก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น" ม.ร.ว.ศศิพฤนท์กล่าว
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าการแก้ไขปัญหาต่างๆ คงจะเสร็จสิ้นภายในปลายเดือนมกราคมนี้ ซึ่งจะทันกับการที่นายวิบูลย์ที่จะลาออกจากบริษัทภายในสิ้นเดือนนี้เช่นเดียวกัน ส่วนผลกระทบนั้นคาดว่าจะมี แต่คงจะไม่มากนัก โดยจากการตรวจสอบพบว่า ปัจจุบันนี้บริษัทมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 3% ซึ่งถ้านายวิบูลย์และทีมงานลาออกไปคาดว่าจะทำให้ส่วนแบ่งการตลาดลดลงไม่เกิน 0.5% เท่านั้น
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการทาบทามผู้บริหารที่ดูแลด้านวิเคราะห์หลักทรัพย์จากหลายแห่ง เพื่อชักชวนให้เข้ามาช่วยทำงาน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา โดยบริษัทมีแผนที่จะทำงานวิเคราะห์เพื่อรองรับนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากเห็นว่ายังสามารถเพิ่มสัดส่วนลูกค้าสถาบันให้มากยิ่งขึ้น
สำหรับการนำบริษัทเพลินจิต แอ็ดไวเซอรี่เข้าควบรวมกับบล.กรุงศรีอยุธยานั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการขออนุญาตต่อสำนักงานคณะกรรมการ กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เนื่องจากใบอนุญาตการเป็นที่ปรึกษาทางการเงินนั้นจะติดอยู่กับตัวบุคคล ซึ่งจะขอให้ผู้บริหารของเพลินจิต แอ็ดไวเซอรี่เข้ามาดูแลในส่วนของวาณิชธนกิจของบล.กรุงศรีอยุธยา เพราะก่อนหน้านี้บล. กรุงศรีอยุธยาไม่มีฝ่ายวาณิชธนกิจมาก่อน
|
|
|
|
|