Search Resources
 
Login เข้าระบบ
สมัครสมาชิกฟรี
ลืมรหัสผ่าน
 
  homenewsmagazinecolumnistbooks & ideaphoto galleriesresources50 managermanager 100join us  
 
 


bulletToday's News
bullet Cover Story
bullet New & Trend

bullet Indochina Vision
bullet2 GMS in Law
bullet2 Mekhong Stream

bullet Special Report

bullet World Monitor
bullet2 on globalization

bullet Beyond Green
bullet2 Eco Life
bullet2 Think Urban
bullet2 Green Mirror
bullet2 Green Mind
bullet2 Green Side
bullet2 Green Enterprise

bullet Entrepreneurship
bullet2 SMEs
bullet2 An Oak by the window
bullet2 IT
bullet2 Marketing Click
bullet2 Money
bullet2 Entrepreneur
bullet2 C-through CG
bullet2 Environment
bullet2 Investment
bullet2 Marketing
bullet2 Corporate Innovation
bullet2 Strategising Development
bullet2 Trading Edge
bullet2 iTech 360°
bullet2 AEC Focus

bullet Manager Leisure
bullet2 Life
bullet2 Order by Jude

bullet The Last page








 
ผู้จัดการรายวัน2 เมษายน 2545
นครหลวงไทยใหม่ราบรื่น เดินหน้าแข่งแบงก์เอกชน             
 


   
search resources

ธนาคารนครหลวงไทย, บมจ.
ธนาคารศรีนคร
อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์




"อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์" เผยแผนธนาคารนครหลวงไทยใหม่ ขอเพิ่ม สินทรัพย์ดีผ่านการซื้อหนี้ที่ปรับโครงสร้างหนี้แล้วจากบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทยกับเอเอ็มซีเพชรบุรี 90,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสินเชื่อ

แสนล้านและรองรับการไถ่ถอนเอเอ็มซีโน้ตของกองทุนฟื้นฟูเชื่อศักยภาพ แข่งแบงก์เอกชนขนาดใหญ่พร้อมสนับสนุนธนาคารกรุงไทย หม่อมอุ๋ยเสียงดัง

มอบหมายนโยบายขายแบงก์ในอนาคตต้องเฉพาะกลุ่มคนไทยเท่านั้นที่มีสิทธิ์ "สมคิด" ยันรวมกิจการ เพื่อความแข็งแกร่ง และวานนี้แบงก์ยังแจ้งตลาดหลักทรัพย์

เกี่ยวกับการเพิ่มทุนหมื่นล้านโดยการซื้อสินทรัพย์จากศรีนคร ในขณะกระแสตอบรับวันแรกลูกค้ามั่นใจไม่มีตื่นถอนเงิน

ผ่าแผนธนาคารนครหลวงไทยหลังควบรวม กิจการ "อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์" ตั้งเป้าเพิ่มสินทรัพย์ดีผ่านการ ซื้อหนี้ที่ปรับโครงสร้างหนี้แล้วใน "บสท.-เอเอ็มซีเพชรบุรี" ประมาณ 80,000-90,000 ล้านบาท

หวังเป็นทางลัดดันสินเชื่อ เพิ่มแสนล้าน รองรับการไถ่ถอนเอเอ็มซีโน้ตของกองทุนเพื่อ การฟื้นฟูเฉลี่ย 20% ต่อปี ลั่นแข่งแบงก์เอกชนขนาดใหญ่แต่หนุนกรุงไทย

เผยหากจะขายนครหลวงไทยในอนาคตหม่อมอุ๋ยให้นโยบายขายเฉพาะกลุ่มคนไทย นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทยจำกัด (มหาชน)(SCIB) หรือแบงก์ชฎา เปิดเผยว่า

กระบวนการควบรวมกิจการ ระหว่างธนาคารกับธนาคารศรีนคร จำกัด (มหาชน) (BMB) จะเสร็จภายในสิ้นปี 2545

โดยระยะแรกลูกค้าที่ทำธุรกรรมกับธนาคารศรีนครยังคงดำเนินธุรกรรมตามปกติ หลังจากนั้นจะมีการพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ร่วมกัน โดยจะเสร็จสมบูรณ์ภายใน 6 เดือนนี้

"ลูกค้าเงินฝากของธนาคารศรีนครนั้นเมื่อครบ กำหนดจะได้รับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารศรีนคร ส่วนลูกค้าเงินกู้ของธนาคารศรีนครที่กู้ในอัตราดอกเบี้ยเบิกเกินบัญชี (MOR)จะได้รับการลดอัตราดอกเบี้ยลง

0.25% โดยใช้ฐานอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารนครหลวงไทย" สำหรับแผนการดำเนินงานภายหลังการควบกิจการ ธนาคารจำเป็นต้องขยายสินเชื่อให้ได้ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 20% เฉลี่ย 5

ปีเพราะตั๋วเงิน (เอเอ็มซีโน้ต) ที่ธนาคารนครหลวงไทยได้รับจากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) จำนวน 3 แสนล้านบาทจะครบกำหนดไถ่ถอนในงวดแรกกลางปี 2545 ประมาณ 20%

และขยายออกไปจนครบเวลา 5 ปี "ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ธนาคารจะขยายสินเชื่อได้มาก ในภาวะขณะนี้นั่นหมายถึงธนาคารจะต้องทำสินเชื่อให้ได้ประมาณเกือบสองแสนล้านบาทภายในระยะ 5 ปี

เพื่อรองรับกับสินทรัพย์ที่จะลดลงจากการไถ่ถอน ตั๋วเอเอ็มซีโน้ตแต่ตรงกันข้ามธนาคารจะมีสภาพคล่อง เข้ามาจากการไถ่ถอนซึ่งจะนำไปลงทุนในด้านอื่นๆได้" นายอภิศักดิ์ กล่าว ผ่าแผนสินเชื่อแสนล้านบาท

ซื้อหนี้บสท.-เอเอ็มซีเพชรบุรี สำหรับหนทางที่จะทำให้ธนาคารมีสินเชื่อที่เพิ่ม ขึ้นเพื่อรองรับกับสินทรัพย์ของธนาคารและภาระต้น ทุนเงินฝากที่มีจำนวนมากนั้นนายอภิศักดิ์กล่าวอย่าง ชัดเจนว่า

ใช้วิธีการเข้าไปรีไฟแนนซ์หนี้จากบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) และบริษัทบริหารสิน ทรัพย์(เอเอ็มซี) เพชรบุรี (PAM) ซึ่งมีลูกหนี้ของธนาคารโอนไปก่อนหน้านี้

โดยในเบื้องต้นธนาคารมีแผนที่จะซื้อหนี้มาเพิ่ม เป็นสินเชื่อดีให้กับธนาคารประมาณ 80,000-90,000 ล้านบาท ซึ่งจะใช้วิธีคำนวณมูลค่าปัจจุบันสุทธิ (P/V) ของลูกหนี้แต่ละรายตามกระบวนการปรับโครง

สร้างหนี้ที่ได้มีกำหนดกันไว้ "การคำนวณวิธีนี้ ไม่เป็นปัญหากับใคร ขณะเดียวกันยังช่วยลดความเสี่ยงโครงสร้างในอนาคตให้ กับบสท.เอเอ็มซีเพชรบุรี รวมถึงกองทุนเพื่อการฟื้น

ฟูฯที่อาจไม่ได้รับความเสี่ยงซึ่งแนวทางดังกล่าวจะช่วยให้การทำงานของบสท. และเอเอ็มซีจบเร็วขึ้น ขณะเดียวกันธนาคารจะได้รับสินทรัพย์ดีเพิ่มขึ้นตาม มาด้วย

ส่วนการบริหารความเสี่ยงก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของธนาคารแล้วว่าจะทำได้ดีแค่ไหนซึ่ง วิธีของธนาคารอาจจะแตกต่างกับธนาคารรัฐแห่งอื่นก็ได้" นายอภิศักดิ์ กล่าวและว่า นครหลวงไทยมีสิน

ทรัพย์ดีอยู่ประมาณ 76,000 ล้านบาท แต่มีเงินฝากอยู่ถึง 240,000 ล้านบาท ดังนั้นแม้ว่าจะได้ตั๋วสัญญาใช้เงินของ PAM จากกองทุนฟื้นฟู เพื่อซื้อหนี้ 150,000 ล้านบาท ที่จะให้ให้สินทรัพย์ของแบงก์เพิ่ม ขึ้นเป็น

240,000 ล้านบาท แต่ต้องเข้าใจว่าตั๋วที่กอง ทุนฟื้นฟูให้มานั้นเป็นการช่วยเหลือและจะเอากลับไป ปีละ 20% เท่ากับว่า สินทรัพย์ของธนาคารจะหดลงปีละไม่ต่ำกว่า 20,000-30,000 ล้านบาทต่อปี

เมื่อพิจารณาในส่วนของสินทรัพย์ของนครหลวงไทยหลังควบกิจการกับศรีนครจะมีสิน ทรัพย์ทั้งสิ้น 4.9 แสนล้านบาท เป็นเงินฝากถึง 4.3 แสนล้านบาท แต่มีสินเชื่อเพียง 1.2 แสนล้านบาท ซื้อสินทรัพย์ศรีนคร

เพิ่มทุนหมื่นล้านขาย FIDF ธนาคารนครหลวงไทย แจ้งต่อตลาดหลัก ทรัพย์ว่า เมื่อวันที่ 29 มี.ค.ที่ผ่านมาคณะกรรมการธนาคารมีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนของธนาคารจากเดิม10,564 ล้านบาทหรือ 1,056 ล้านหุ้น

รวมเป็นทุน จดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 21,128 ล้านบาท โดยธนาคารจะจัดขายหุ้นจำนวนดังกล่าวให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมทุกรายตามสัดส่วน 1 หุ้นเดิม มีสิทธิจองซื้อหุ้น ใหม่ 1 หุ้น ราคาเสนอขายหุ้นละ 10 บาท

เป็นเงินทั้งสิ้น 10,564 ล้านบาท กำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการจองซื้อหุ้นในวันที่ 12 เมษายน 2545 และกำหนด วันจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนในระหว่างวันที่ 20-24 พฤษภาคม 2545 นายอภิศักดิ์

กล่าวเสริมว่า การเพิ่มทุนในครั้งนี้ก็นำเงินเพิ่มทุนไปซื้อสินทรัพย์จากธนาคารศรีนคร โดยการเพิ่มทุนจำนวน 10,560 ล้านบาทจะซื้อสินทรัพย์ของธนาคารศรีนครประมาณ 9,888 ล้านบาท

หลังจากนั้นทางธนาคารศรีนครเดิมจะลดทุน เพื่อชำระคืนกับผู้ถือหุ้นคือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ "การเพิ่มทุนครั้งนี้นอกจากเป็นไปตามกระบวนการควบรวมแล้วทางกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ

ไม่ต้องใช้เงินแต่ผลที่ดีขึ้นคือธนาคารจะสามารถปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าต่อรายลูกค้าได้เพิ่มขึ้นคือสูงสุดไม่เกิน25% ของเงินกองทุนจดทะเบียนใหม่ 28,560 ล้านบาท" นอกจากนี้

จะรายงานการรวมกิจการระหว่างธนาคารกับธนาคารศรีนครให้แก่ผู้ถือหุ้นรับทราบใน วันประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2545 ในวันที่ 29 เมษายน 2545 คณะกรรมการจะเสนอให้ผู้ถือหุ้น

พิจารณาให้สัตยาบันและอนุมัติให้โอนขายลูกหนี้ด้อย คุณภาพให้แก่ บริษัทบริหารสินทรัพย์เพชรบุรีเพิ่มเติม เป็นครั้งที่ 2 ภายในวันที่ 28 มิถุนายน 2545 ใช้ยอดหนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2545 จากครั้งที่ 1

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม2544 ลูกหนี้รวม 449 ราย ใช้ยอดหนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2544 รวม 7,685,467,578.76 บาท สำหรับหลักเกณฑ์ วิธีการและราคาขายหนี้ด้อยคุณภาพกำหนดให้ราคาขายหนี้ด้อยคุณภาพเท่า

กับราคาหนี้ด้อยคุณภาพตามบัญชี ซึ่งได้แก่ เงินต้นและดอกเบี้ยที่รับรู้เป็นรายได้แล้วและค่าใช้จ่ายที่ ธนาคารฯ จ่ายสำรองแทนลูกหนี้ไปก่อน หักด้วยเงิน สำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของลูกหนี้รายนั้นที่มีอยู่ ณ

วันที่ 30 มิถุนายน 2544 ต้นทุนพนักงานต่ำกว่าระบบ สู้แบงก์เอกชน-หนุนกรุงไทย นายอภิศักดิ์กล่าวถึงผลจากการควบรวมทำ ให้ต้นทุนของพนักงานต่อคนลดลงเมื่อเทียบกับต้นทุนของทั้งระบบ

กล่าวคือปัจจุบันต้นทุนค่าใช้จ่าย พนักงานทั้งระบบเฉลี่ยอยู่ที่ 30,000 บาทต่อคนต่อเดือน ส่วนต้นทุนค่าใช้จ่ายพนักงานของธนาคารหลังควบรวมจะเฉลี่ยอยู่ที่ 22,000 บาทต่อคนต่อเดือน

"เป้าหมายจากนี้ไปธนาคารจะแข่งขันกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่และจะรักษาอันดับ 1 ใน 5 ของระบบต่อไป เพราะคู่แข่งขันของธนาคารไม่ใช่ธนาคารขนาดเล็กแต่เป็น 5

แบงก์ใหญ่โดยเฉพาะต้นทุนของธนาคารที่ต่ำลงสามารถแข่งขันได้แน่นอน แต่สำหรับธนาคารกรุงไทยธนาคารจะสนับสนุนในการ ทำธุรกิจซึ่งไม่ใช่คู่แข่งขันทางธุรกิจอย่างชัดเจน

เพราะว่ากรุงไทยเป็นธนาคารของรัฐซึ่งจะมุ่งลูกค้ารัฐวิสาหกิจและลูกค้ารายย่อยบ้างส่วนธนาคารลูกค้า ทั้งสองแห่งรวมกันจะเป็นกลุ่มรายย่อยค่อนข้างมาก" นายอภิศักดิ์กล่าว อย่างไรก็ตาม

ทิศทางของผลประกอบการของ ธนาคารหลังควบรวมจะเป็นแบบก้าวกระโดดและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างเช่นช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาทั้งสองธนาคารมีผลประกอบการกำไร โดยธนาคารนครหลวงไทยมีกำไร 1,200

ล้านบาท ธนาคารศรีนคร กำไร 340 ล้านบาท "เชื่อว่าไตรมาสของปีนี้ก็น่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้น โดยจะใช้งบของธนาคารนครหลวงไทยเป็นเกณฑ์และหมายเหตุใต้งบการเงินว่าของธนาคารศรีนครกำไรเท่าไหร่"

เลื่อนแผนแปรรูปรอควบ หม่อมอุ๋ยลั่นขายคนไทย นายอภิศักดิ์กล่าวว่า การแปรรูปของธนาคารนครหลวงไทยอาจเลื่อนไปเป็นปี 2546 เนื่องจาก กระบวนการควบกิจการระหว่าง 2

ธนาคารคาดว่าจะเสร็จและสมบูรณ์ต้องใช้เวลา 1 ปีและมีความเป็น ไปได้ว่าการแปรรูปจะเสนอขายให้กับนักลงทุนไทยมากกว่าที่จะขายให้กับต่างประเทศ "ผู้ว่าแบงก์ชาติ (ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล) มี

นโยบายชัดเจนที่จะขายให้กับคนไทยมากกว่าที่จะขาย ให้กับต่างประเทศ ไม่เช่นนั้นก่อนการควบรวมคงขาย ธนาคารทั้งสองไปแล้ว และการควบกิจการครั้งนี้ส่งผลให้การดำเนินงานมีแนวโน้มดีขึ้น

ราคาหุ้นที่จะขาย ก็น่าจะดีกว่าการแบ่งเป็น 2 แบงก์แล้วแปรรูป อย่าลืมว่าทั้งสองธนาคารมีสินทรัพย์ดีหลังจากที่ได้โอนหนี้ ไปยังเอเอ็มซีเพชรบุรี ซึ่งต่างจากการควบรวมในอดีต

ที่จะนำสินทรัพย์ที่มีปัญหามาควบรวมกันทำให้เกิดปัญหา และใช้เวลาในการแก้ไขที่นาน ซึ่งการควบรวมครั้งนี้ค่อนข้างเร็วทำให้ธนาคารสามารถขยายตัวได้เร็วขึ้น" นายอภิศักดิ์กล่าว สมคิดยันควบเพื่อแข็ง

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การควบรวมกิจการของธนาคารศรีนครและธนาครหลวง ไทย เป็นนโยบายที่รัฐบาลต้องการที่จะปรับโครงสร้าง

ภาคธุรกิจให้มีความเข้มแข็งโดยเฉพาะในส่วนของสถาบันการเงิน "ทั้ง 2

แห่งเป็นสถาบันการเงินขนาดเล็กการควบรวมกัน ถือเป็นแนวทางในการสร้างความเแข็งแกร่ง และสามารถแข่งขันกับสถาบันการเงินขนาด ใหญ่ได้เมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวในอนาคต" นายสมคิดกล่าวและว่า

การควบรวมกันจะไม่ส่งผลกระทบต่อพนักงานและผู้ฝากเงิน แต่จะทำให้ต้นทุนการดำเนินงานของธนาคารต่ำลง โดยขั้นตอนต่อไปที่จะดำเนินการ คือ การรวมบัญชี

การรวมระบบคอมพิวเตอร์ และการวางยุทธศาสตร์การดำเนินงานในอนาคต ซึ่งจะเป็นผลดีต่อธนาคารเพราะจะทำให้ผู้ฝากเงินมีความมั่นใจมากขึ้น

สำหรับแนวนโยบายของรัฐบาลในการถือหุ้นสถาบันการเงินนั้นรัฐบาลยังคงยืนยันที่จะเป็นผู้ถือหุ้น

ใหญ่ในช่วงแรกแต่จะลดสัดส่วนลงเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละองค์กรว่ามีความเหมาะสมในการกระจายหุ้นออกไปอย่างไร ส่วนกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)

ถือเป็นผู้ที่สนใจจะลงทุนในสถาบันการเงินรายหนึ่งซึ่งในอนาคตก็จะต้องมีการเจรจาถึงแนวทางและความเป็นไปได้ต่อไป วันแรกลูกค้ามั่นใจแผน ธปท.รอลุ้นอีกหนึ่งวัน ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศช่วงเช้าวานนี้

ที่ธนาคารศรีนคร หลังเปิดทำการเวลา 08.30 น. ปรากฏว่า การทำธุรกรรมของลูกค้าทั้งในส่วนของเงิน ฝากและสินเชื่อยังคงเป็นไปตามปกติ หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลังมีมติ

ให้ธนาคารศรีนครควบกิจการกับธนาคารนครหลวงไทย จำกัด ซึ่งมีผลตั้งแต่วานนี้ (1 เม.ย.) นายถนอม ณรงค์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารศรีนคร เปิดเผยว่า

ขอให้ผู้ฝากเงินหรือผู้ที่จะเข้ามาขอรับสินเชื่อธนาคารอย่าได้ตื่นตระหนก เพราะการรวมกันระหว่าง 2 ธนาคารจะส่งผลดีต่อการ ดำเนินธุรกิจในอนาคตและธนาคารก็ได้เตรียมสภาพ

คล่องไว้รองรับการทำธุรกรรมตามปกติแล้ว "เช้านี้ผมได้เช็กข้อมูลพบว่า การทำธุรกรรมของ ลูกค้าสินเชื่อและเงินฝากยังเป็นไปตามปกติ โดยในส่วนของธนาคารได้เตรียมสภาพคล่องเพื่อรองรับการ

ทำธุรกรรมของลูกค้าเรียบร้อยแล้ว" สำหรับลูกค้าที่จะเข้ามาขอรับสินเชื่อหรือฝากถอนเงินตามปกติก็สามารถดำเนินการได้ ส่วนลูกค้าที่ทำธุรกรรมกับต่างประเทศสามารถดำเนินการได้ตามปกติเช่นกัน นายสรสิทธิ์

สุนทรเกศ ผู้อำนวยการฝ่ายตรวจ สอบ สายกำกับสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์การเบิกถอนเงิน ของลูกค้าธนาคารศรีนครในช่วงครึ่งวันของวานนี้

หลังทางการประกาศควบรวมธนาคารศรีนครเข้ากับธนาคารนครหลวงไทยว่ายังเป็นสถานการณ์ปกติ โดย ลูกค้ายังเข้ามาทำธุรกรรมอย่างต่อเนื่องและไม่มีการแห่ถอนเงินฝากแต่อย่างใด

"ช่วงเช้าที่ผ่านมาสถานการณ์การทำธุรกรรมของลูกค้าธนาคารศรีนครยังเป็นไปอย่างปกติและที่น่าดีใจคือ ในภาคเหนือมีการฝากสุทธิเพิ่มขึ้น 8-9 ล้านบาทจากลูกค้า 130 ราย ส่วนภาคอีสานมีการถอน สุทธิ 50

ล้านบาท แต่โดยรวมไม่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนแบงก์อื่นก็ไม่มีอะไรผิดปกติ" สำหรับศูนย์ฮอตไลน์ของธปท.มีประชาชนเข้ามาสอบถามน้อยมากเพียง 60 ราย

ส่วนใหญ่เป็นผู้ฝากเงินที่เข้ามาสอบถามถึงแนวทางปฏิบัติด้านการเปลี่ยนแปลงสมุดบัญชีเงินฝาก รวมถึงเรื่องอัตราดอกเบี้ยที่ลูกค้าจะได้รับ

นอกจากนี้ยังมีพนักงานที่เข้ามาสอบถามถึงความชัดเจนในสถานภาพและเจ้าหนี้ รวมถึงผู้ถือหุ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ธปท.จะต้องติดตามสถานการณ์ อีก 1 วันถ้าไม่มีอะไรผิดปกติก็ไม่น่าเป็นห่วง

   




 








upcoming issue

จากโต๊ะบรรณาธิการ
past issue
reader's guide


 



home | today's news | magazine | columnist | photo galleries | book & idea
resources | correspondent | advertise with us | contact us